12 ก.ย. 2020 เวลา 02:09
ทำไมมนุษย์ถึงครองโลกได้
บนโลกของเรามีสิ่งมีชีวิตมากมายหลากหลายชนิด
มีทั้งสายพันธ์ุที่แข็งแรงกว่าเรา ตัวใหญ่กว่าเรา หรือออกล่าเก่งกว่าเราก็มี
แต่อะไรที่ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ของเราที่เรียกว่าชาว Homo sapiens
สามารถพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
จากเผ่าพันธ์เล็ก ๆ ที่สร้างผลกระทบต่อโลกไม่มากไปกว่าแมงกระพรุน
จนเป็นเผ่าพันธุ์เดียวที่สามารถครองโลกใบนี้ได้
และมีอำนาจเหนือกว่าสัตว์เผ่าพันธ์ุอื่น ๆ ทั้งปวง
คำถามนี้ได้ถูกคลายความสงสัยโดย Dr. Yuval Noah Harari
ซึ่งเขาเป็นนักประวัติศาสตร์ชาวยิว ที่เกิดและเติบโตในประเทศอิสราเอล
ผู้เขียนหนังสือ Sapiens: A Brief History of Humankind ที่โด่งดังจนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังสือดีแห่งทศวรรษที่ 21 เลยทีเดียว
โดยบทความนี้ผมจะขอสรุปเนื้อหาบางส่วน
ที่ครั้งหนึ่ง Dr. Yuval ได้เคยไว้พูดในรายการ TED Talks
ที่ชื่อคลิปว่า Why humans run the world
มาแบ่งปันให้ทุกท่านได้ลองอ่านเพื่อคลายความสงสัยว่า
“ทำไมมนุษย์ถึงครองโลกได้”
อะไรที่ทำให้มนุษย์เป็นเผ่าพันธ์ุเดียวที่ครองโลกได้?
...
สิ่งที่ทำให้มนุษย์สามารถครองโลกได้
ไม่ได้อยู่ที่“ตัวบุคคล”แต่อยู่ที่“กลุ่มบุคคล”
ไม่ใช่ว่ามนุษย์มีจะวิวัฒนาการที่เหนือกว่า
หรือมีร่างกายที่แข็งแรงกว่าสัตว์ชนิดอื่น
แต่เป็นการที่มนุษย์สามารถร่วมมือกันเป็นจำนวนมากได้อย่างยืดหยุ่น
หากมนุษย์สู้กับลิงชิมแปนซีแบบตัวต่อตัว มนุษย์จะพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย
แต่หากนำมนุษย์รวมกลุ่มกัน 1,000 คน สู้กับลิงชิมแปนซี 1,000 ตัว
ลิงชิมแปนซีจะไม่มีทางชนะได้อย่างแน่นอน
เพราะพวกมันไม่สามารถร่วมมือกันได้ในจำนวนที่มากขนาดนี้
แต่ถึงแม้ว่าจะสามารถรวมตัวกันได้จำนวนมากอย่างเช่น มด ผึ้ง หรือแมลงต่าง ๆ ก็ตาม
แต่นั้นก็เป็นเพียงการร่วมมือกันแบบตายตัวไม่มีความยืดหยุ่นแบบมนุษย์
หากต้องเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้าย
พวกมันจะไม่สามารถร่วมมือกัน
เพื่อแก้ไขให้พ้นจากอันตรายเดิม ๆ ที่เคยเจอได้
แต่มนุษย์ต่างจากนั้น
เมื่อเกิดเหตุอันตรายขึ้นมนุษย์จะเรียนรู้และร่วมมือกัน
เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบของการดำรงชีวิตให้สามารถดำรงได้ต่อ
หากยกตัวอย่างให้เข้ากับสถานการณ์ที่กำลังเกิดในปัจจุบันก็คือ
..
ขณะที่เกิดโรคระบาดอยู่นี้
มนุษย์จะสามารถร่วมมือกันปรับเปลี่ยนการดำรงชีวิต
เพื่อป้องกันการติดเชื้อได้
อาจจะเป็นลดการออกจากบ้านไปทำงาน
ไม่ไปในที่ ๆ มีผู้คนเยอะ ๆ
ในขณะที่สัตว์อื่น ๆ ก็ยังคงดำรงชีวิตในแบบเดิมของมัน
มนุษย์ร่วมมือกันแบบนี้ได้อย่างไร?
..
การที่มนุษย์สามารถร่วมมือกันได้อย่างยืดหยุ่นนั้น
เป็นเพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธ์ุเดียว
ที่สามารถใช้จินตนาการได้
ทำให้เราสามารถสร้างและเชื่อเรื่องสมมุติ
เพื่อใช้มันทำให้คนที่ไม่รู้จักกันสามารถร่วมมือกันเพื่อจุดประสงค์เดียวกันได้
อย่างเช่น
คนที่เชื่อเรื่องของศาสนาเดียวกันจะสามารถร่วมกันสร้างศาสนสถานของเขาได้
คนที่เชื่อเรื่องของประเทศก็สามารถร่วมสู้รบหากมีใครมารุกล้ำเขตแดนของพวกเขา
คนที่เชื่อเรื่องสิทธิมนุษยชนก็จะร่วมกันปฏิบัติตามกฎระเบียบ
ซึ่งทั้งศาสนา ประเทศ และสิทธิมนุษยชน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องสมมุติที่จับต้องไม่ได้ที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นมาทั้งสิ้น
เงินตราเป็นสิ่งสมมุติที่ประสบความสำเร็จที่สุดที่มนุษย์สร้างขึ้นมา
เพราะมันเป็นเรื่องเดียวที่ทุกคนเชื่อร่วมกัน
ใช่ว่าทุกคนจะเชื่อเรื่องศาสนา
เชื่อเรื่องประเทศ
หรือเชื่อเรื่องสิทธิมนุษยชน
แต่ทุกคนเชื่อเรื่องเงิน
คุณสามารถเดินเข้าไปในร้านค้าหยิบกล้วยออกมา
แล้วนำกระดาษใบสีเขียวที่ทุกคนเชื่อว่ามันมีมูลค่า 20 บาทนี้
ไปให้กับคนที่คุณไม่รู้จัก
และเขาก็ยินยอมให้คุณนำกล้วยนี้ออกไปกินได้
ซึ่งเราไม่สามารถทำเช่นนี้กับสัตว์อื่นได้
แต่ใช่ว่าการร่วมมือที่เป็นจุดแข็งที่ทำให้มนุษย์สามารถครองโลกได้นี้จะมีเพียงด้านดีเสมอไป
เพราะหลายครั้งที่ความร่วมมือนี้สร้างความป่าเถื่อน
สร้างความรุนแรงต่อสัตว์ร่วมโลกหรือกระทั่งมนุษย์ด้วยกันเอง
อย่างเช่น
ฮิตเลอร์ที่เชื่อว่าคนยิวเห็นแก่ตัวจึงเกลียดชังชาวยิว
และอาศัยความร่วมมือระหว่างคนที่เชื่อเรื่องนี้ด้วยกัน
เพื่อสร้างค่ายกักกันสำหรับทรมานและฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุชาวยิว
จนมีผู้คนล้มตายอย่างมาก
เหตุการณ์อันน่าโศกเศร้านี้ล้วนเกิดจากสิ่งสมมุติที่มนุษย์สร้างขึ้น
..
หนึ่งในสิ่งสมมุติที่ผมมองว่าน่ากลัวที่สุดก็คือ
การที่คิดว่าโลกใบนี้เป็น“โลกมนุษย์”
เพราะความจริงแล้วบนโลกนี้ไม่ได้มีเพียงสายพันธุ์ของมนุษย์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตอย่างเดียว
ยังมีสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดที่อาศัยอยู่ร่วมกับเราบนโลกใบนี้
และกำลังได้รับผลกระทบจากสิ่งสมมุติที่มนุษย์กำลังสร้างขึ้นเพื่อครอบครองโลกใบนี้
โลกที่พวกเรามาอาศัยเพียงไม่กี่สิบปีแล้วก็จากไป
และไม่สามารถเอาอะไรติดตัวไปได้แม้แต่อย่างเดียว
1
ซ้ำร้ายยังทิ้งร่องรอยความเสียหายจากความเชื่อเรื่องสมมุติ
ที่เราต่างสร้างขึ้นมาไว้บนโลกใบนี้อีกด้วย
1
โฆษณา