7 ก.ย. 2020 เวลา 05:42 • ไลฟ์สไตล์
โดนบีบ...
เคยได้ยินคำว่า “แค่หายใจก็ยังผิด” ใช่ไหม
ไม่มีใครอยากอยู่ในสถานการณ์ที่แค่หายใจก็ยังผิด ชีวิตประจำวันต้องถูกบีบ ถูกกดดัน บางครั้งการโดนบีบไม่ได้เกิดจากผลงานที่ไม่เข้าตา หากเกิดจากการเป็นก้าง หรือกระดูกเบอร์ใหญ่ของสายธารการเมืองก็มี ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะอยู่ในลิสต์บัญชีดำของผู้ที่ต้องถูกทำร้ายจิตใจด้วยการบีบ และกดดันสารพัดเพื่อให้ออกไปจากบริษัทฯ โดยที่ไม่ได้รับเงินค่าจ้างออกจากงานให้แต่กระการใด
เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีก็จะมีข่าวเปรียบเทียบว่าจะ “เผาจริง” บางสื่อก็บอกว่ามันคือช่วงเก็บกระดูกแล้ว ข้อมูลเหล่านี้ตอกย้ำให้ผู้บริหารหลายบริษัทฯ วางแผนกำลังคนโดยมีนโยบาย “ไม่รับคนเพิ่ม” แม้ว่าจะมีคนลาออก นั่นหมายความว่างานของคนที่ลาออกก็จะถูกเกลี่ยไปหาคนที่ยังอยู่
“ลดโอที” ใครที่ทำงานเกินเวลาก็จะไม่ได้เงินแต่จะไปได้วันหยุดเพิ่มแทน
การลดคน ก็จะมีมาตรการต้องคัดกรองว่าใครจะอยู่ ใครจะไป ส่วนมากคนที่มีตำแหน่งสูง เงินเดือนสูง ก็จะโดนก่อน ซึ่งคำว่า “โดน” คือเกิดจากการวัดผลงานตาม KPIs (Key Performance Indicator) เช่น ยอดขายไม่เข้าเป้า กำไรไม่เป็นไปตามความคาดหมาย ผลงาน (Performance) ไม่ดีตามเป้าหมายนั่นเอง
เมื่อมีนโยบายออกมา ผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคลร่วมกับผู้บริหารแต่ละฝ่ายงานก็จะขานรับและวางแผนในการลดคนออกไป ถ้าบริษัทฯ ไหนดีหน่อย ก็จ้างให้ออกจากงานตามกฎหมายที่ต้องมีการจ่ายชดเชยตามอายุงาน แต่ส่วนมากจะใช้การ “บีบ” ให้ลาออกไปเอง ซึ่งเป็นการกดดันทางจิตใจ กระทำโดยหัวหน้า ซึ่งหัวหน้าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ไม่ทราบได้แต่ผลลัพธ์ก็คือมือเปื้อนเลือดอยู่ดีถ้าหากว่าคนที่ถูกบีบนั้น ไม่ได้รับความยุติธรรม
คนเก่ง คนฉลาด แต่อยู่ไม่เป็น ก็ถูกบีบ และโดนบีบเป็นรายแรก ๆ มากกว่าคนที่ทำงานไม่เข้าตาแต่ประจบเก่ง หัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย
เพราะอะไร?
ก็เพราะว่าหัวหน้าเองก็ต้องอยู่รอด ถ้าหัวหน้าไม่เก่งจะเก็บคนเก่งที่อยู่ไม่เป็นไว้ทำไม ลูกน้องเก่งแต่หัวแข็งมีไว้ก็จะไม่ปลอดภัยต่อตัวหัวหน้าเอง ดังนั้นหัวหน้าที่ไม่เก่งแต่อยู่เป็น จะใช้วิธีการที่ไม่มีศักดิ์ศรีด้วยการบีบคนที่เก่งไปก่อนเป็นรายแรก ๆ เพื่อให้ตัวเองอยู่ปกครองคนที่ปกครองง่ายต่อไป
คนอยู่เป็น ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่ง
คนเก่งก็อาจจะไม่ใช่คนที่อยู่เป็น
คนที่รอดคือคนที่อยู่เป็น จะเป็นคนเก่ง หรือไม่เก่งก็ได้
ในสังคมการทำงานเราจะเห็นบ่อยว่า คนทำงานไม่ได้เรื่องมักจะเข้าหา โอนอ่อน หัวอ่อนกับหัวหน้า ให้การสนับสนุนอย่างเวอร์วังอลังการกับหัวหน้า มีทั้งเอาหน้า ขโมยซีนคนนั้นคนนี้ และเป็นสายคอยสอดส่องรายงานเรื่องราวต่าง ๆ ให้หัวหน้าทราบ
หัวหน้าส่วนมากก็จะชอบคนประเภทที่ปกครองง่าย เรื่องเก่งไม่เก่งไม่สนใจ
ส่วนหัวหน้าที่เก่งและเป็นคนดี จะเก็บคนเก่งไว้ทำงาน ต่อให้คนที่เก่งจะเป็นม้าพยศแต่หัวหน้าประเภทเก่งงาน เก่งคน จะหาวิธีที่จะทำงานกับม้าพยศแต่เป็นม้าศึกได้เป็นอย่างดี
ช่วงเวลาที่อันตรายที่จะเห็นคนโดนบีบให้ออกจากงาน หรือต้องระวังไว้ก็คือช่วงปลายปี โดยเฉพาะปีไหนผลประกอบการไม่ดี เศรษฐกิจไม่ดี หลายบริษัทต้องรีบกำจัดคนที่จะต้องอยู่รับโบนัสออกก่อน ต่อให้มีการจ้างออกก็ยังดีกว่าต้องจ่ายโบนัสและไปจ้างออกในช่วงเดือนมีนาคมปีถัดไป
หลายท่านอาจจะค้านในใจว่าถ้าเก่งจริงหัวหน้าก็ต้องเก็บคนเก่งไว้ทำงาน อันนี้ใช่ค่ะ หัวหน้าที่เก่งจะเก็บคนเก่งไว้ทำงาน แต่มีไม่น้อยเลยที่เป็นหัวหน้าที่ไม่เก่งและไม่อยากได้ลูกน้องที่เก่งแต่ว่าปกครองยาก ซึ่งคนที่จะเจ็บปวดกับการโดนบีบก็คือคนที่อยู่ไม่เป็น
ถ้าผีมองผีด้วยกันออกฉันใด
คนเก่งก็มองหัวหน้าเก่ง ๆ ออกฉันนั้น
มนุษย์เงินเดือนทุกคนจะเจ็บปวดกับการถูกบีบคั้นจิตใจรวมถึงการถูกรีดผลงานแต่ไม่ได้รับความยุติธรรมเมื่อมีการประเมินซึ่งรวมถึงการกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้า
สิ่งที่ผู้เขียนอยากแนะนำก็คือ ปลอดภัยไว้ก่อนน่าจะเป็นการดี การส่งงานให้หัวหน้านอกจากที่เราชอบส่งไฟล์กันทางไลน์แล้ว ควรจะส่งทางอีเมล์ไว้ด้วย เพื่อเป็นหลักฐานหากว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการตัดสินใด ๆ จากหัวหน้า การถูกใส่ร้ายหรือการกล่าวหาเท็จเพื่อให้เราพ้นจากการเป็นพนักงาน
อยากให้มนุษย์เงินเดือนทุกคนศึกษากฎหมายแรงงานเอาไว้ อายุงานเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรารักษาสิทธิ์ของเราได้เมื่อชีวิตการทำงานต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงโดยที่เราคาดไม่ถึง การที่เราไม่ยินดีที่จะเขียนใบลาออกแม้ว่าจะถูกกดดัน ย่อมเป็นทางออกสุดท้ายที่ดีในการที่เราจะได้เงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน
ฝ่ายบุคคลส่วนใหญ่ก็เป็นมนุษย์เงินเดือน พวกเค้าแม้จะสนิทกับเราแค่ไหนก็ต้องทำตามคำสั่งของนายจ้างในการที่จะเชิญใครสักคนออกไปจากบริษัท ดังนั้นเราต่างเข้าใจในบทบาทของกันและกันเพียงแต่มนุษย์เงินเดือนนั้นก็ต้องเข้าใจในสิทธิของตัวเอง.
ด้วยความปรารถนาดีเช่นเคย
#มาเล่า
#แน่ใจมากว่ารักวันศุกร์ #โดนบีบ #อย่าหยุดพัฒนาตนเอง
โฆษณา