7 ก.ย. 2020 เวลา 14:56 • นิยาย เรื่องสั้น
"เขาเป็นแรงงานพม่า ลูกจ้างเรือประมงทะเล
....ชีวิตที่ต้องกินนอนอยู่บนเรือทั้งวันทั้งคืน..."
เรื่องเล่าเม้าท์ในครัว
ตอน...ซีรี่ส์เพื่อนสาวชาวพม่าEP15
เรื่องราวของแรงงานพม่าในจังหวัดภูเก็ต
ประสบการณ์จริงยิ่งกว่านิยาย
...ถึงคุณผู้อ่านที่รัก...
ความเดิมตอนที่แล้ว
กดดูที่ลิ้งค์ด้านล่างนะคะ
เวลาผ่านไปเร็วมากเผลอแป๊บเดียว
ฉันก็ทำงานอยู่ภูเก็ตมาได้เป็นปีแล้ว
ช่วงนั้น ฉันก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับจุ๊บแจงมากนัก
รู้แต่ว่าเธอเริ่มคบหาจริงจัง กับหนุ่มชาวต่างชาติ
ที่รู้จักกันผ่านทางแอปพลิเคชั่นหาคู่
แม่ของจุ๊บแจง ต้องเดินทางไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯอาทิตย์ละครั้ง ฉันคิดว่า
ความสัมพันธ์ของแม่ลูกจะดีขึ้น
แต่ในทางตรงกันข้ามกลับยิ่งแย่ลง
แม่ของจุ๊บแจง ไม่ยอมให้เธอเป็นคนดูแล
จุ๊บแจงเสียใจและน้อยใจมาก ที่แม่ของเธอเลือก
ให้น้องชายของเธอ เป็นคนพาไปหาหมอตามนัด
ความสัมพันธ์ของจุ๊บแจงกับหนุ่มตาน้ำข้าว
ก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
"ฉันมีลางสังหรณ์บางอย่างว่า...
จุ๊บแจงต้องคิดจะทำอะไรอยู่แน่ๆ"
ณ โรงเรียนสอนทำอาหารที่ภูเก็ต
ที่ทำงานของฉันตั้งอยู่ในย่านเก่าแก่
ใกล้ตลาดสดใจกลางเมืองภูเก็ต
ข้างๆโรงเรียนเป็นร้านแลกเงินสำหรับชาวต่างชาติ
อีกด้านหนึ่งเป็นบริษัททัวร์ มีแม่บ้านเป็นชาวพม่า
ฝั่งตรงกันข้ามเป็นร้านขายข้าวสาร
ที่มีคนงานหนุ่มน้อยชาวพม่า ประมาณ2-3คน
และอีกร้านหนึ่งเป็นร้านขายเครื่องสำอาง
รวมถึงสินค้าที่นำเข้ามาจากพม่า
ร้านนี้มีพนักงานสาวๆชาวพม่า ประมาณ 10 คน
หนุ่มสาวชาวพม่าเหล่านี้ ต่างแวะเวียนมาทักทาย
ผู้ช่วยสาวชาวพม่าของฉันบ่อยๆ ที่หน้าโรงเรียนสอนทำอาหาร
"ความเป็นอยู่ของแรงงานพม่า
ชีวิตจะดีหรือร้ายก็ขึ้นอยู่กับเจ้านายทั้งนั้น
ถ้าได้เจ้านายจิตใจดีและมีเมตตา
พวกเขาก็ทำงานได้อย่างมีความสุข"
วันนั้นเป็นวันหยุด
ฉันก็รู้สึกเซ็งๆเหงาๆอยู่ในห้องพัก
เลยออกมานั่งดื่มนมชาเย็นที่คอฟฟี่ช็อปของโรงแรมแห่งหนึ่งตรงโซนด้านนอกของโรงแรม
มีที่นั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ ร่มรื่นมาก
ฉันชอบเอาหนังสือ(นิยาย)ไปนั่งอ่านตรงนั้น
พร้อมกับดื่มชานมเย็นไปด้วย
นั่งไปได้สักพัก ฉันก็คิดได้ว่า
" อ้าว! ห้องพักมะฮายอยู่แถวๆนี้นี่"
จากนั้นฉันก็เลยโทรศัพท์หามะฮาย
ว่าจะชวนเธอไปเดินเที่ยวกันสักหน่อย
ปกติวันหยุดมะฮายก็ไม่ได้ออกไปไหน
เพราะสามีของเธอจะมาหาที่ภูเก็ต
ได้แค่เดือนละ 2 ครั้งเท่านั้น
วันนั้นเราก็ได้ออกไปเดินเที่ยวและหาขนมกินกัน
ก่อนที่จะแยกย้ายและฉันกำลังจะกลับที่พัก
เธอก็ชวนแวะนั่งเล่นที่ห้องของเธอก่อน
ฉันก็มีความสนใจ ที่อยากจะเห็นความเป็นอยู่
ของเธอ เลยไม่ลังเลที่จะตอบรับคำเชิญ
ของมะฮาย
ห้องพักของมะฮายอยู่ในตึก 4 ชั้น
คล้ายๆกับหอพักของนักศึกษา
ในสมัยที่ฉันเรียนหนังสืออยู่ที่กรุงเทพฯ
ทางเดินขึ้นไปบนตึกคับแคบ
แต่มีความสะอาดเรียบร้อย
ห้องพักของมะฮายอยู่ชั้นที่ 3
ต้องเดินผ่านห้องนั้นห้องนี้หลายสิบห้อง
กว่าจะถึงห้องของเธอ
แต่ละห้องจะมีเตาแก๊สปิคนิคและอุปกรณ์
หุงหาอาหารวางไว้ที่หน้าห้อง
'ฉันได้กลิ่นคล้ายๆแกงเผ็ดโชยมาจากชั้นบน'
มีหลายห้องเปิดประตูทิ้งเอาไว้
โดยที่เจ้าของห้องไม่ได้อยู่ในห้อง
มะฮายบอกว่า "เป็นเรื่องปกติของคนในตึกนี้
ไม่มีการขโมยของกันและกัน"
(จริงดิ!! ฉันคิดในใจ)
และแล้วฉันกับมะฮายก็เดินมาถึงห้อง
ริมสุดทางเดิน ห้องของมะฮายอยู่ตรงข้ามกับ
ห้องใครคนหนึ่ง ที่เปิดประตูทิ้งเอาไว้
"ฉันได้กลิ่นน่าทะนุถนอมของเด็กทารก
หอมฟุ้งออกมา"
สักครู่หนึ่งก็มีเด็กผู้ชายอ้วนจ่ำม่ำ
อายุประมาณ 7-8 เดือน คลานออกมาจากในห้อง พร้อมกับยิ้มแป้นแล้น ให้ฉันอย่างน่าเอ็นดู
มะฮายบอกว่า..
คนที่เช่าอยู่ตึกนี้ทั้งหมดเป็นชาวพม่า
และส่วนใหญ่เจ้านายของพวกเขาจะเป็นคนจ่ายค่าห้องให้ ตอนนี้มะฮายต้องจ่ายเอง
เพราะเจ้านายใหม่ไม่ได้ช่วยเหลือค่าใช้จ่าย
ในส่วนนี้
ฉันคิดว่า ..
ความเป็นอยู่ของลูกจ้างชาวพม่า
ที่อยู่ในตึกนี้ค่อนข้างดี ไม่แออัด
และมีความสะอาดสะอ้านน่าอยู่
ห้องพักทุกคนมีห้องน้ำในตัว
1
ห้องของมะฮายเรียบร้อยมาก เธอจัดวางของอย่างเป็นระเบียบ บนหัวนอนมีหิ้งพระและหนังสือสวดมนต์ที่เป็นภาษาพม่า มีอุปกรณ์ทำอาหารอยู่ในห้องด้วย
มะฮายเล่าให้ฉันฟังว่า
ทุกคนในตึกนี้ต่างทำอาหารกินเอง
วันหยุดก็ทำอาหารไปทำบุญที่วัดที่เกาะสิเหร่
ซึ่งเป็นวัดของชาวพม่า ไปวัดเสร็จก็มารับประทานอาหารร่วมกัน และจัดปาร์ตี้กันที่ห้องของใครคนใดคนหนึ่ง ที่รับอาสาเป็นเจ้าภาพในวันนั้นๆ
"ช่วงนี้สามีไม่มาหา
มะฮายรู้สึกเหงาบ้างไหม?"
(ฉันถามมะฮาย)
คำถามของฉันทำให้มะฮาย
มีสีหน้าที่เศร้าสร้อยขึ้นมาทันที
ช่วงหลังๆมานี้
มะฮายกับสามีเรื่องระหองระแหงกัน
สายเผือกอย่างฉันก็ไม่พลาด
ที่จะช่วยเธอหาคำตอบ
"ว่าทำไม..สามีของมะฮายถึงไม่กลับมาหาเธอ?"
เมื่อคุณนัทเจ้านายของพวกเรา
ทราบว่ามะฮายไม่สบายใจ ที่สามีไม่ติดต่อกลับมา
และมะฮายก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้
คุณนัทเจ้านายที่ใจดีที่สุดในโลก
จึงได้สั่งการให้มานพ หัวหน้างานของฉัน
ใช้รถส่วนตัวอีกคันของเธอขับพามะฮาย
ไปหาสามีที่กระบี่ในวันรุ่งขึ้นทันที
เพื่อให้มะฮายไปพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาของตัวเอง
สามีของมะฮายชื่อ "อ่องเนียง"
หลังจากพ่อ แม่ และลูกได้แยกจากกันคราวนั้น
อ่องเนียงก็มาทำงานเป็นลูกจ้างเรือประมง
ที่จังหวัดกระบี่
pixabay
จากการที่ฉันได้ศึกษามาด้วยตัวเองคร่าวๆ
ได้ความว่า แรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่ถ้าเลือกได้
พวกเขาจะชอบทำงานร้านอาหาร
หรือไม่ก็งานแม่บ้าน ทำความสะอาด
เพราะสภาพความเป็นอยู่ดีกว่างานอื่นๆ
ร้านอาหารก็มีอาหารพนักงานให้กิน
เป็นแม่บ้าน คนสวนตามบ้านก็มีที่พักอาศัยให้อยู่
"อาชีพลูกจ้างเรือประมงจัดว่าเป็นงานที่หนักที่สุด
ของแรงงานต่างด้าวเลยก็ว่าได้"
ดังนั้นแรงงานที่มาทำอาชีพนี้ส่วนใหญ่
จะมาทำเพราะความจำเป็นบีบบังคับเสียมากกว่า
เพราะการใช้ชีวิตบนเรือย่อมลำบากกว่า
การใช้ชีวิตอยู่บนบกอย่างแน่นอน
ลูกจ้างเรือประมงต้องทำงานอย่างหนัก
ยิ่งช่วงฤดูกาลที่หาปลาได้
วันหนึ่งทำงานไม่ต่ำกว่าวันละ 17 ชั่วโมง
และประเทศไทยก็เป็นประเทศที่ส่งออกอาหาร
ทะเลรายใหญ่ของโลกเสียด้วย
ผู้อ่านทุกๆท่านก็คงเคยได้ยินข่าว
เกี่ยวกับการค้ามนุษย์และแรงงานทาส
แรงงานต่างด้าวจำนวนไม่น้อยถูกหลอก
จากนายหน้าให้มาทำงานในเรือประมง
หลายชีวิตต้องหนีตายออกมาขอความช่วยเหลือ บางคนก็ถูกทำร้ายทารุณบนเรือ
ก็มีให้เห็นอยู่ประจำ
"อ่องเนียง" ก็เป็นอีกคนหนึ่ง
ที่จำเป็นต้องไปทำงานเป็นลูกจ้างบนเรือประมงนี้
เดือนหนึ่งเขาจะมาหามะฮายผู้เป็นภรรยา
ได้แค่ 2 ครั้ง ก็หมายความว่า เขาจะต้อง
ทำงานกินนอนบนเรือและออกไปทำงานที่ทะเล
ประมาณคราวละ 7-10 วัน
ครั้งหนึ่งมะฮายเคยให้ฉันดูคลิปวิดีโอ
ที่สามีเธอส่งมาให้
ในคลิปวิดีโอฉันเห็นอ่องเนียงยืนรับลม
อยู่บนเรือประมงลำใหญ่ ฉากข้างหลัง
เห็นแต่น้ำทะเลสีฟ้ากว้างเว้งว้างสุดลูกหูลูกตา
เขาคงจะเป็นแรงงานพม่าผู้โชคดีคนหนึ่ง
ที่มีเจ้านายค่อนข้างมีเมตตา
และได้ค่าแรงที่ยุติธรรมกับการทำงาน
เมื่อมานพขับรถมาถึงท่าเทียบเรือประมง
แห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่
ฉันจำได้ว่าเห็นเรือประมงลำใหญ่
จอดอยู่บริเวณนั้นมากมายหลายลำ
มะฮายรู้ว่าจะไปตามหาสามีได้ที่ไหน
เธอสามารถรู้ด้วยว่าวันนี้เรือที่สามีเธอ
ทำงานอยู่นั้นไม่ได้ออกทะเล
เนื่องจากเธอโทรศัพท์ไปสอบถามกับญาติ
ที่ทำงานบนเรือลำเดียวกันกับอ่องเนียง
มานพ รีบหาที่หลบร้อนใต้ต้นไม้ใหญ่
ส่วนฉันนะเหรอ!... สายเผือกขนาดนี้
ฉันก็เดินพิจารณารอบๆบริเวณนั้น
มีผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง
เขาแนะนำตัวว่า เป็นเจ้าของเรือที่มะฮายวิ่งขึ้นไป
เขาเป็นหนุ่มใหญ่ที่มีหน้าตาและสีผิวคมเข้ม
แบบหนุ่มใต้ บนข้อมือของเขาใส่ทองเส้นเบ้อเร่อ
เขาบอกให้ฉันหาที่นั่งรอก่อน แล้วเขาก็เดินจากไป
ลูกจ้างเรือประมงหลายสิบชีวิต
ต้องอาศัยอยู่บนเรือลำนี้เหมือนบ้านของตัวเอง
จะนอน จะอาบน้ำ กินข้าว ก็อยู่บนเรือลำนี้
ถึงแม้จะมีวันหยุดเป็นของตัวเอง
ถ้าลูกจ้างคนไหนไม่กลับขึ้นฝั่ง
ก็ต้องนอนเล่น หากิจกรรมทำบนเรือ
กิจกรรมที่ว่า ก็คือ
การเล่นการพนัน ในหมู่ลูกจ้างด้วยกันนั่นเอง
มะฮายเล่าว่า
"ก็มีคล้ายๆบ่อนเล็กๆบนเรือนั่นแหละ"
อ่องเนียงก็เป็นคนหนึ่งที่เข้าร่วม
กิจกรรมคลายเครียดนี้ด้วย
ในวันนั้น
ฉันเองก็ไม่สามารถทราบอนาคตได้ว่า
ฉันจะต้องมาเขียนเรื่องราวเหล่านี้ ให้พวกคุณอ่าน
ถ้าฉันรู้.....ฉันจะเข้าไปเผือกบนเรือนั่นเลย
(เสียดายจริงๆ)
เวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง
มะฮายก็ออกมาพร้อมสามีของเธอ
อ่องเนียงชายพม่าวัย 30 กลางๆ
รูปร่างผอมสูงเดินออกมาจากเรือลำใหญ่
พร้อมกับมะฮายผู้เป็นภรรยา
ฉันเห็นเขามีกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กๆมาด้วย
มะฮายบอกว่า
ระหว่างเธอและเขามีเรื่องที่จะต้อง
ปรับความเข้าใจกัน เจ้านายของอ่องเนียง
อนุญาติให้ลางานได้หลายวัน
เนื่องจากหลายเดือนที่ผ่านมาเขาไม่ได้
ลาหยุดเลยแม้แต่วันเดียว
ฉัน มานพ มะฮาย และอ่องเนียง
ก็ขึ้นรถโดยมานพเป็นคนขับ
มุ่งหน้ากลับเข้าสู่จังหวัดภูเก็ต
โปรดติดตามตอนต่อไป
"มดดี้"
ฝากกดไลค์เป็นกำลังใจ
ให้อ่องเนียงด้วยนะคะ
ความเดิมตอนที่แล้ว
เรื่องราวทั้งหมด

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา