8 ก.ย. 2020 เวลา 05:12 • การเมือง
เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง
หลังพบว่า “มู่หลาน” ถ่ายทำในซินเจียง
มีการเรียกร้องให้บอยคอตต์ภาพยนตร์รีเมค “มู่หลาน” ฉบับไลฟ์แอ็คชั่นอีกครั้ง หลังจากมีผู้เปิดเผยว่า ทางดิสนีย์ได้ขึ้นขอบคุณ 8 หน่วยงานรัฐจีน ที่มีส่วนเกี่ยวพันกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ผู้อำนวยการองค์กรฮิวแมนไรท์สวอชแผ่นดินใหญ่ 🇨🇳 ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า การที่ดิสนีย์ให้เครดิตทำนองนี้อย่างเปิดเผยต่อสาธารณชน ทำให้ผู้คนสงสัยว่าบริษัทมีความเกี่ยวกับอย่างไรกับเจ้าหน้าที่ในเขตซินเจียง
เธอยังตั้งคำถามอีกด้วยว่า ดิสนีย์ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนหรือยัง ว่าการกระทำดังกล่าวจะถูกตีความอย่างไร ท่ามกลางช่วงเวลาที่ทั่วโลกล้วนถกกันเกี่ยวกับการคุมขังประชาชนจำนวนมาก โดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม เพียงเพราะพวกเขามีชาติพันธุ์และศาสนาที่แตกต่าง อีกทั้งยังมีเรื่องของการบังคับใช้แรงงาน, ทรมาน, รวมถึงการบ่อนทำลายเสรีภาพในการนับถือศาสนา
รัฐบาลปักกิ่งกำลังถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิดจากการปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในเขตปกครองซินเจียง ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า มีผู้คนอย่างน้อย 1 ล้านชีวิต ถูกคุมขังอยู่ในค่ายนอกกระบวนการยุติธรรม
1
.
.
ผู้สื่อข่าวด้านการต่างประเทศ ‘ไอแซค สโตน ฟิช’ เขียนบทความแสดงความคิดเห็นลงในวอชิงตันโพสต์ว่า
“ในการสร้างภาพยนตร์มู่หลาน ดิสนีย์ร่วมงานกับหน่วยงานเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อในเขตซินเจียงของแผ่นดินใหญ่ อันเป็นสถานที่ที่มีการทำลายล้างวัฒนธรรมชาวมุสลิม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมาก”
“มันยิ่งน่าหงุดหงิดเข้าไปใหญ่เมื่อทางดิสนีย์ขึ้นคำขอบคุณกองรักษาความมั่นคงของรัฐแห่งเมืองถูหลู่ฟัน ซึ่งเป็นเมืองเดียวกับที่เผยแพร่เอกสารบอกกล่าวต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ถึงวิธีการรับมือเมื่อมีคนไต่ถามถึงบรรดาญาติพี่น้องของเขา ที่ถูกคุมขังอยู่ในค่ายกักกัน”
“ทำไมดิสนีย์ถึงต้องไปถ่ายทำในซินเจียงทั้งที่มันไม่จำเป็น มีอีกหลายพื้นที่ในแผ่นดินใหญ่ หรือแม้กระทั่งในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ที่มีวิวภูเขางดงาม . . การทำเช่นนั้น ดิสนีย์ได้ช่วยทำให้อาชญากรรมต่อมนุษยชาติกลายเป็นเรื่องปกติ”
ในปี 2018 บรรณาธิการใหญ่แห่งสื่อกระบอกเสียงพรรคคอมฯ Global Times ‘หูจีซิ่น’ ได้เคยโพสต์บทความสั้น ๆ เกี่ยวกับชีวิตของผู้คนในค่าย โดยเขาอ้างว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นล้วนทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือ “กลุ่มคนที่มีแนวคิดสุดโต่ง” ให้กลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติสุข อีกทั้งยังช่วยให้คนเหล่านั้น “หลุดพ้นจากความยากจน” อีกด้วย 💪🏻💪🏻
เขายืนยันว่าศูนย์ฝึกวิชาในคาเฉินและเหอเถียน 🇨🇳 สร้างขึ้นเพื่อยุติความวุ่นวายในซินเจียง และเพื่อให้เกิดสันติสุขในภูมิภาคแห่งนี้อีกครั้ง
นอกจากนั้น เขายังบรรยายถึงหญิงชาวอุยกูร์ที่ “เรียนรู้ได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม” เธอและสามีได้เข้ามาในศูนย์ฝึกวิชาชีพ ณ เมืองเหอเถียน โดยฝ่ายภรรยานั้น ทำงานอยู่ในโรงงานชาที่ตั้งอยู่ด้านในศูนย์ ทั้งคู่มีลูกวัย 3 ขวบด้วยกัน ซึ่งลูกน้อยจะอยู่กับฝ่ายสามีในหอพักของศูนย์ และทางครอบครัวก็กำลังจะได้ออกจากค่ายไปเจอหน้าครอบครัวแล้ว
1
‏นี่คือภาพที่แคปมาจากคลิปวิดีโอ “ศูนย์ฝึกอาชีพในเมืองคาเฉิน, ซินเจียง” ที่หูจีซิ่นอัพโหลดลงทวิตเตอร์ (ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียที่ถูกแบนในแผ่นดินใหญ่) เผยให้เห็นหญิงอุยกูร์ภายในรั้ว มีทั้งคนเต้นระบำและคนนั่งปรบมือ
แต่! ชาวเน็ตที่เข้ามาเห็น กลับชี้ตรงกันว่า คลิปวิดีโอดังกล่าวยิ่งตอกย้ำว่ามีพลเมืองโดนจับเข้าค่ายกักกันจริง ๆ โดยจะถูกแยกชาย-หญิง บางคนถึงกับอดรู้สึกขนหัวลุกไม่ได้
🗣 ฉันไม่เคยเห็นกิจกรรมด้านกีฬา/วัฒนธรรมที่โรงเรียนไหน จะมาบังคับให้คนนั่งเรียงแถวแล้วปรบมือกันแบบนี้เลย
🗣 แล้วตัวหูจีซิ่นเองจะยินยอมให้ลูกเมียเข้าไปอยู่ภายในรั้วแบบนี้รึเปล่า พวกเขาจะได้มีความสุขไง
🗣 นี่คือข้อพิสูจน์ว่าคนในค่ายไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปได้ตามปรารถนา แต่จะออกไปได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาเรียนรู้หรือทำผลงานได้ดีแล้วเท่านั้น
ภาพถ่ายดาวเทียม “ค่ายปรับทัศนคติ” ในเมืองถูหลู่ฟัน (ทัวปัน), เขตซินเจียง
42.946017, 89.231182,
42.950152, 89.240127,
42.953682, 89.238152
สามค่ายที่ถูกวงกลมด้วยสีแดง สร้างขึ้นในช่วงปลายปี 2017 ถึงต้นปี 2018 มีนักข่าวบางเจ้าเคยได้รับอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมชม โดยมีเจ้าหน้าที่จีนคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด
ส่วนที่อยู่ในวงกลมสีเหลือง ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นทัณฑสถานสำหรับควบคุมเหล่าบรรดาผู้ที่ใช้สารเสพติดผิดกฎหมาย
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
👀 กระแสแบน “หลิวอี้เฟย” ปะทุ
เมื่อเธอสนับสนุนการใช้ความรุนแรงของตำรวจ
,
👀 คดีพลิก! ชาวจีนแบนมู่หลาน
,
👀 เปิดโปงการใช้แรงงานชาวอุยกูร์
ซินเจียงคือพื้นที่ที่มีการควบคุมสอดแนมเข้มงวดที่สุด
,
👀 จีนเตรียมสังคายนาคัมภีร์ศาสนา
เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดพรรคคอมมิวนิสต์
อ้างอิง :
โฆษณา