พระประวัติ
พระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดชฯ มีพระนามเดิมว่า "เจ้าสุริยะ ณ น่าน" ประสูติเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2374 ทรงเป็นราชบุตรของเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าหลวงเมืองน่านกับแม่เจ้าสุนันทา ในปีพ.ศ. 2398 และทรงได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็น พระยารา
วงษ์ ต่อมา พ.ศ. 2431 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ว่าที่เจ้าอุปราช
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูหัว โปรดเกล้าฯให้สถาปนาเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เลื่อนพระฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็น พระเจ้านครน่าน มีพระนามปรากฏตามสุพรรณบัฎว่า "พระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดช กุลเชษฐมหันต์ ไชยนันทบุรมหาราชวงศาธิบดี สุริตจารีราชนุภาวรักษ์ วิบูลยศักดิ์กิติไพศาล ภูบาลบพิตรสถิตย์ ณ นันทราชวงษ์" นับเป็นพระเจ้านครน่านองค์แรกและองค์เดียวในประวัติศาสตร์น่าน
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ถึงแก่พิราลัยด้วยพระโรคชรา ในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2461 สิริรวมชนมายุได้ 87 ปี
พระกรณียกิจ
ด้านการปกครอง
• กวาดต้อนและชักชวนให้ชุมชนไทลื้อในเมืองต่างๆ ของสิบสองปันนา ให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานรกรากอยู่ในจังหวัดน่าน
• ยกเลิกอำนาจโทษประหารทางอาญา
• จัดวางผังเมือง ขยายถนนให้กว้างขวาง สะดวกแก่การสัญจรไปมา
ด้านการทหาร
• ทรงนุบำรุงกิจการทหาร โดยการรวบรวมกำลังพลเข้าสังกัดมูลนาย ฝึกกำลังพลการรบ จัดตั้งยุ้งฉาง สะสมเสบียงอาหาร กระสุนดินดำ
• โดยเมื่อปี พ.ศ. 2430 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรียกทัพไปปราบฮ่อที่เมืองหลวงพระบาง ซึ่งพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เมื่อครั้งดำรง ตำแหน่งที่เจ้าราชวงศ์นครน่าน ได้ทรงนำกำลังไปสมทบกับทัพหลวง
• ครั้นปี พ.ศ. 2445 เกิดขบถเงี้ยวที่เมืองแพร่ โดยพวกขบถจะยกทัพมายึดนครน่าน พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ได้ทรงยกกำลังทหารไปขัดตาทัพต่อสู้กับขบถเงี้ยว และได้ร่วมกับกองทัพหลวงตามตีจนได้รับชัยชนะ
ด้านการศึกษา
• ทรงสละทุนทรัพย์ส่วนพระองค์จัดตั้งโรงเรียนสอนหนังสือภาษาไทยเป็นแห่งแรกในนครน่าน ให้ชื่อว่าโรงเรียนสุริยานุเคราะห์ ปฐมของโรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคารในปัจจุบัน
ด้านศาสนา
• ทรงสละทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ บูรณปฏิสังขรณ์วัดและบูชนียวัตถุเป็นอันมาก และเป็นองค์ประธานในการจัดสร้างคัมภีร์ใบลาน จารึกพระธรรมคำสั่งสอนไว้เป็นจำนวนมาก โปรดให้สร้างหอพระไตรปิฏกหลังใหญ่ที่วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร บูรณะวัดพระบรมธาตุแช่แห้ง เป็นต้น
ชายา โอรส และธิดา
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ มีชายา 7 คน ได้แก่
1.แม่เจ้ายอดหล้า
มีโอรสธิดารวม 13 คน ได้แก่
• เจ้าคำบุ
• เจ้าคำเครื่อง
• เจ้ายศ
• เจ้านางอัมรา
• เจ้าน้อยรัตน ได้เป็นเจ้าราชวงษ์
• เจ้าน้อยบริยศ
• เจ้านางบัวเขียว ภายหลังได้สมรสกับเจ้าบุรีรัตน (บรม)
• อำมาตย์ตรีเจ้าบุรีรัตน (สุทธิสาร)
• เจ้าราชภาติกวงษ์ (จันทวงษ์)
• เจ้าหนานบุญรังษี
• เจ้าราชภาคินัย (น้อยมหาวงษ์)
• เจ้าราชดนัย (น้อยยอดฟ้า)
• เจ้านางสมุท
2.แม่เจ้าคำปลิว
มีโอรสธิดา 4 คน ปัจจุบันได้ถึงแก่กรรมแล้วทั้งหมด
3.แม่เจ้าจอมแฟง
มีโอรสธิดารวม 3 คน ได้แก่
• แม่เจ้าบัวแว่น ภายหลังได้สมรสกับเจ้าราชบุตร (น้อยอนุรุท)
• เจ้าแหว
• เจ้าน้อยครุธ
4.แม่เจ้าคำเกี้ยว
มีธิดา 2 คน ได้แก่
• เจ้านางเกี๋ยงคำ
• เจ้านางคำอ่าง
5.แม่เจ้ายอดหล้า
มีโอรสธิดารวม 7 คน ได้แก่
• เจ้านางเทพมาลา
• เจ้านางเทพเกสร
• เจ้าน้อยอินแสงสี
• เจ้านางจันทวดี
• เจ้านางศรีสุภา
• เจ้านางดวงมาลา
• เจ้านางประภาวดี
6.หม่อมศรีคำ
มีโอรสธิดารวม 7 คน ถึงแก่กรรมไปแต่ยังเล็ก 5 คน ที่เหลืออยู่และปรากฏนามได้แก่
• เจ้านางแว่นแก้ว
• เจ้านางศรีพรหมา ต่อมาได้เสกสมรสกับหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร
7.หม่อมบัว
มีโอรสธิดา 7 คน ถึงแก่กรรมไป 4 โดยที่ยังเหลืออยู่ 3 คนที่ปรากฏนามได้แก่
• เจ้านางต่อมแก้ว
• เจ้าก่ำ
• เจ้านางเกียรทอง
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
• พ.ศ. 2446 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นปฐมจุลจอมเกล้าฝ่ายหน้า (ป.จ.)
• เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
• พ.ศ. 2444 - จุลวราภรณ์
• เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ)