8 ก.ย. 2020 เวลา 09:36 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ให้ความคิดสร้างสรรค์เป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน 🎉🤩
ต่อจากตอนที่ 4 ครั้งที่แล้วนะค่ะที่ว่า
“ให้เปลี่ยนความล้มเหลวให้กลายเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์”
ความคิดสร้างสรรค์เป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันในบางครั้งมีการคาดการณ์ที่ว่าหุ่นยนต์และระบบดิจิทัลจะสามารถทำให้คุณตกงานได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ปัญญาประดิษฐ์การเรียนรู้ล้วนเป็นแนวคิดที่จะเปลี่ยนวิธีการทำงานของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ สถานการณ์ในตลาดมีความซับซ้อนมากขึ้นและการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็วขึ้นและเร็วขึ้น
ในแง่นี้เราจึงต้องการผู้นำที่มีความสามารถและกล้าที่จะคิดแตกต่างจากเดิม ไม่เฉพาะเชี่ยวชาญด้านเทคนิคมากขึ้นเพียงอย่างเดียว
แต่ผู้นำยังต้องสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการท้าทายให้พนักงานเกิดแนวคิดร่วมเพื่อเสริมสร้างความสร้างสรรค์นี้ให้เกิดเป็นนวัตกรรม
ศักยภาพในการสร้างสรรค์
พนักงานส่วนใหญ่มีความคิดและความคิดว่าจะปรับปรุงหรือทำสิ่งต่างๆให้ดีขึ้นได้อย่างไร
แต่ศักยภาพในการสร้างสรรค์นั้นแทบจะไม่เกิดขึ้นเลย สามในสี่คนกล่าวว่าพวกเขาประสบกับความกดดันอย่างมากในการทำงานให้มีประสิทธิผลซึ่งไม่มีช่องทางหรือโอกาสได้ทดลองและทดสอบแนวทางอื่น
นี่เป็นสิ่งที่องค์กรต้องให้ความสำคัญอย่างจริงจัง หากคุณต้องการความคิดสร้างสรรค์คุณต้องปล่อยให้มีช่วงเวลาบ่มเพาะ
ให้พื้นที่แก่บุคคลที่เคยประสบความล้มเหลวได้มีโอกาสใหม่ ได้เอาความรู้จากความผิดพลาดมาพัฒนา ทดสอบแนวคิดได้เพื่อต่อยอดไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆ
การไม่ชอบความเสี่ยง
ผู้จัดบางท่านอาจกลัวที่จะปล่อยมือ เพื่อให้อิสระและแก่พนักงานอันใช้เวลาไปกับบางสิ่งที่อาจจะไม่สร้างมูลค่า และบางทีที่บางครั้งไม่มีสิ่งรับประกันว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่
นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สะท้อนไปถึงพนักงาน เพราะเขากลัวที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในบางสิ่งที่อาจทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดี อย่างความล้มเหลวมากกว่าการที่ได้มีโอกาสทดลองไอเดียนั้นๆ
สิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้เขียนตระกนักมากก็คือ การที่ผู้บริหารส่วนใหญ่ให้ความสำคัญในการบริหารงานเพื่อลดความเสี่ยง มุ่งหาความสำเร็จ จนลืมมองไปว่าการให้เครดิต คำชม หรือแม้กระทั่งรางวัลแก่ผู้มีความคิดริเริ่มนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำและได้รับการยอมรับให้มากขึ้น
อะไรคือความคิดสร้างสรรค์?
เป็นสิ่งที่อยากที่จะเข้าใจในบางครั้ง มีคนเคยกล่าวว่า
“ถึงแม้คุณจะสามารถวาดภาพที่ดูดีหรือโยนสีลงบนผืนผ้าใบแบบสุ่ม แต่ก็ไม่จำเป็นต้องถูกมองว่าเป็นผลงานสร้างสรรค์โดยซะทีเดียว
ซึ่งนักวิจารณ์ศิลปะชั้นนำหรือจิตรกรชื่อดัง เสริมว่า
“คุณต้องรู้จักสนามเป็นอย่างดีจึงจะสามารถรู้ได้ว่าอะไรจะเป็นผลงานใหม่และมีคุณค่า”
นี่ก็เป็นกรณีเช่นกันในชีวิตองค์กร พนักงานใหม่มักมีข้อมูลและความคิดใหม่ๆ มากมาย
แต่ต้องมีประสบการณ์และความรู้ในองค์กรเพื่อให้สามารถสร้างสรรค์สิ่งที่สร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรได้
การคิดอะไรใหม่ๆ ไม่เหมือนกับการสร้างสรรค์ นอกจากนี้ยังต้องสามารถเพิ่มมูลค่าที่มีอยู่ขององค์กรร่วมกับสิ่งใหม่ ๆ
พอๆกันกับการคิดเชิงวิพากษ์และความคิดสร้างสรรค์กลายเป็นคุณสมบัติที่สำคัญพอๆกับความรู้เฉพาะทางในการวางตำแหน่งองค์กรเพื่อการดำรงอยู่ต่อไป
พนักงานที่ได้รับการสนับสนุนเป็นที่เหนี่ยวแน่นจากองค์กรด้านความคิดสร้างสรรค์ มักจะมีความภักดีทำงานได้ดีขึ้นมีความสามารถในการปรับตัวมากขึ้นและมีความพึงพอใจในงานที่ตนทำมากขึ้น
ผู้นำจึงต้องตระหนักถึงความคิดสร้างสรรค์ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อสร้างมูลค่า หากไม่มีความคิดสร้างสรรค์นี้แล้ว องค์กรก็ย่อมเสี่ยงเช่นกันเพราะคุณไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตกับองคของคุณ
ดังนั้นต้องหาจุดสมดุลระหว่างการให้อิสระเพื่อคิดค้นโครงการ และปล่อยให้เกิดความผิดพลาดและการทดลอง เพื่อพยายามหาความรู้และความเชี่ยวชาญใหม่ให้เกิดขึ้นเพิ่มเติม
ให้มองว่าคนของคุณเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ ผู้นำที่ดีมักสนับสนุนคนรอบข้าง โฟกัสของผู้บริหารคือการได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาพนักงานของเขา
ช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จและเฝ้าดูพวกเขาเติบโตเป็นบุคคลากรที่พวกเขาใฝ่ฝันจะเป็น
เมื่อเขาเหล่านั้นได้รับความประสบความสำเร็จ มันเป็นสิ่งที่สามารถสะท้อนว่าเป็นบุคคลเช่นใดในฐานะผู้นำ
เพราะเขาเกล่านี้คือทรัพย์สินอันมีค่าที่สุดของคุณ หากไม่มีพวกเขาทีมของคุณและบริษัทของคุณอาจต้องเผชิญกับความล้มเหลวได้
สาเหตุหนึ่งที่ผู้คนออกจากงานเนื่องจากพวกเขารู้สึกถึงความด้อยคุณค่า หมดไฟในการทำงาน หรือว่า ผู้นำไม่ยอมรับหรือให้เครดิตกับผลงานที่ส่งผลทางตรงและทางอ้อมให้บริษัทประสบความสำเร็จ
ผู้นำที่ดีคือผู้นำที่ใจกว้างรู้จักเข้าไปทักทายคุยกับเพื่อนร่วมงาน สร้างวัฒนธรรมของทีมของคุณที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันแต่ยังคงความเป็นมืออาชีพ
ไม่ว่าจะเป็นการรู้จักชื่อและตำแหน่งของพวกเขาและสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ มันมีความหมายอย่างมากที่ทำให้เพื่อนร่วมงานรู้สึกประทับใจว่าคุณเป็นคนที่เอาใจใส่
การทำความรู้จักพวกเขาในแบบที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นจะทำให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่าและเพิ่มความเคารพต่อคุณในฐานะผู้นำ
ในเมื่อผู้บริหารเอาใจใส่เช่นนี้แล้ว อะไรก็คงไม่ยากหนักที่พวกเขาก็ต้องรู้สึกว่าชิ้นงานที่เขาทำนั้นเขาก็ต้องได้รับความใส่ใจเช่นกัน
เมื่อคนอื่นเห็นว่าเพื่อนร่วมงานได้รับการยอมรับ เขาจะยึดถือสิ่งนี้เป็นแรงจูงใจ ทุกคนจะทำงานหนักขึ้น
เพราะเขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันสนุก เห็นผล ได้รับการยอมรับ รู้สึกว่าได้สร้างประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น และเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในทีม
คำชมเชยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งที่คุณจะได้รับในฐานะผู้นำคือการให้คนๆ หนึ่งของคุณก้าวไปสู่โอกาสที่ดีกว่า จงภูมิใจเขาอย่าได้อิจฉาเขา
เพิ่มพลังให้คนของคุณใครๆ ก็อยากได้รับความไว้วางใจในการตัดสินใจ ให้อำนาจคนของคุณในการตัดสินใจบางอย่าง
เปิดโอกาสให้พวกเขาได้เปล่งประกายแทนที่จะลดความสามารถและลงมือทำด้วยตัวเอง
ความเป็นผู้นำเป็นทั้งของขวัญและสิทธิพิเศษ คุณสามารถทำลายความสามัคคีของทีมได้หากคุณไม่ให้คุณค่ากับพวกเขา ทุกคนในทีมสมควรได้รับการให้คุณค่า และยกย่อง
แต่ละคนทำหน้าที่เป็นส่วนสำคัญเพื่อให้”เครื่องยนต์” ของบริษัทของคุณทำงานต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อคุณสามารถใส่ความต้องการและความสนใจของผู้คนมาก่อนตัวคุณเองคุณก็จะเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จมากขึ้น
แอดมินขอทิ้งท้ายคำคมนะค่ะ ถ้าอยากให้แปลให้ฟัง ให้คอมเม้นรัวๆกันเข้ามานะค่ะ
«View your people as your biggest success. A good leader supports those around them. Your focus should be on developing them, helping them succeed, and watching them grow into the people they want to become. When your people are successful, it is a reflection on you as a leader. Work hard on your people. They are your biggest asset. Without them, your team can fail.» ~ Amy Modglin
ขอบคุณสำหรับการติดตาม เหมือนเดิมค่ะอย่าลืมเข้ามาให้กำลังใจ
กดติดตาม Follow
กดไลท์ 👍🏼
กดแชร์ 📲
ช่องทางการติดตาม:
Blockdit: Cloud Business Review
Facbook: Cloud Business Review
Facebook: Siam Regnskap
อ้างอิง:
โฆษณา