11 ก.ย. 2020 เวลา 12:42 • หุ้น & เศรษฐกิจ
How to Turn a Corperate Credit Crisis Into a Currency Crisis (04/09/2020)
แน่นอนว่าการเทขายของตลาดหุ้นในวันพฤหัสบดี ไม่ได้ทำให้คุณประหลาดใจเลย หลายฝ่ายต่างตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใด
ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
หลังจากตลาดมีการปรับตัวขึ้นไปเกือบ 5 เดือน มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ราคาของหุ้นเหล่านี้จะตีกลับลงมา
มันเป็นเรื่องที่จะต้องเกิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เมื่อราคาหุ้นเหล่านี้สูงขึ้น สูงจนน่าขนลุก มันกลายเป็นเเค่เรื่องของเวลาเท่านั้น
เหมือนอากาศเริ่มเบาบางลงความหนาวจะเริ่มคลืบคลานเข้ามา
Apple, Tesla และ Nvidia ราคาหุ้นได้มีการลดลงอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยลดลง 8 เปอร์เซ็นต์ 9 เปอร์เซ็นต์และ 9.3 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ
บริษัท PagerDuty ได้รับเกียรติการเป็นผู้แพ้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเวลานั้น บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ใน ซานฟรานซิสโก ราคาหุ้นได้มีการปรับลดถึง 25.8%
แล้วคุณจะทำอย่างไร
Should you buy the dip?
เท่าที่เราสามารถบอกได้ขณะนี้ มันเเทบจะไม่มี fundamental ในการซื้อหุ้นอีกเเล้ว
(โดยเฉพาะกลถ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ๆ)
เปรียบเสมือน
รองเท้าผ้าใบ Yeezy หรือ Avocado Toast
ถ้าการที่คุณซื้อหุ้นในราคาที่แพง ทำให้คุณมีความสุขคุณก็ทำไปสิ
เพียงแค่คุณต้องตระหนักว่า เราตกอยู่ท่ามกลางการตัดสินใจที่เสี่ยงต่อการเกิดหายนะครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเรา เรื่องหุ้นควรเป็นเรื่องสุดท้ายที่คุณตะต้องกังวล
Where to begin ?
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐลดลงต่ำกว่า $20 trillion ในช่วงไตรมาสที่ 2
แต่ในขณะเดียวกันหนี้ภาครัฐกลับพุ่งสูงขึ้น
Us national debt ตอนนี้มีมูลค่ากว่า $26 trillion
ในจำนวนนี้มีหนี้สาธารณะกว่า $20.5 trillion
สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นมีเหตุผลที่สำคัญอยู่หลายประการ
 
(1)ช่องว่างระหว่างหนี้ของประเทศและ GDP จะยิ่งถ่างออกมากยิ่งขึ้น
(2)หนี้สาธารณะได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 100 %
ของ GDP ไปเเล้ว
รายงานของ CBO กล่าวว่าหนี้สาธารณะจะเเตะ 98% ของ GDP ในปี 2020 เเละจะแตะถึง 100%ในเดือนมิถุนายน เเต่นี้มันไม่ใช่ประเด็น
ประเด็น คือ อัตราส่วนหนี้ต่อ GDP ในระดับนี้มันคือภาระของการเติบโตทางเศรษฐกิจ
เเละถ้าเป็นเเบบนี้ เศรษฐกิจจะเติบโตในภาวะ
ที่ต้องเเบกรับหนี้ขนาดนี้ได้ยังไง
คำตอบมันก็รู้ๆกันอยู่เเล้ว It’s can’t..
Silly Putty
**Silly Putty สื่อถึงการเปรียบเปรยว่า เป็นของเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยจะสามารถยืดขยายได้ เปรียบเสมือนอุปสงค์และอุปทานที่สามารถดึงและยืดออกได้ตามความต้องการครับ
greelane.com
หนี้ของรัฐบาลกลางก็เเค่ส่วนเดียวของหนี้ทั้งหมด
นอกจากนี้ยังมี coperate debt
Consumer debt ,state and local government debt หนี้ทั้งหมดเหล่านี้เกือบจะมีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติการณ์เเล้ว
ตัวอย่างเช่น บริษัทในสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของลุงแซม ในตอนนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้ถึง $10.5 trillion
ไม่ว่าจะเป็นรูป bonds หรือ loan
หนี้ที่กล่าวนี้มากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของสหรัฐฯ
เเละเเน่นอน มันไม่เป็นผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
BofA Global Research :
หนี้ขององค์กร $10.5 trillion แสดงถึงการเพิ่มขึ้น 30 เท่าจากครึ่งศตวรรษที่แล้ว แต่ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา GDP ของสหรัฐฯมีเพียงการเพิ่มขึ้นเพียง 20 เท่าเท่านั้น
หนี้ขององค์กรสามารถเติบโตไปกับเศรษฐกิจได้มั้ย ??
ถ้าระบบเศรษฐกิจและการเงินได้รับการสนับสนุนจากเงินที่มั่นคง (Sound Money) อัตราดอกเบี้ยจะพุ่งสูงขึ้นและระดับหนี้จะลดลงไปนานเเล้ว
**ความหมายของ Sound Money ครับ
เเต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันตรงข้าม
เราระมีหนี้ในระดับนี้จาก Fake money
ซึ่ง supply ของมันสามารถถูกเพิ่มเเละลดได้
เหมือนกับ Silly Putty
แน่นอนว่า Fed มีบทบาทที่สำคัญในการเพิ่มปริมาณเงิน โดยการกระทำเช่นนั้น Fed ได้มีการส่งเสริมระดับหนี้ที่เป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้น โดยกระตุ้นปริมาณเงินและยังส่งเสริมการลงทุนแบบผิดๆในกิจกรรมทางธุรกิจซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ
ช่วงต้น 1980s เป็นต้นมา Fed ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลงมาเรื่อยๆ
ในแต่ละครั้งที่ต้นทุนการกู้ยืมลดลง บริษัทในสหรัฐก็เพิ่มหนี้จำนวนมากขึ้นไปอีก ซึ่งทำให้ภาระหนี้ระยะยาวเพิ่มขึ้น เเต่ภาระหนี้ระยะสั้นปรับลดลง
How to Turn a Corperate Credit Crisis Into a Currency Crisis
เนื่องจากกลไกของดอกเบี้ยที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
(ดอกเบี้ยจะเคลื่อนที่ตรงกันข้ามกับราคา)
ในหลายๆทศวรรษที่ผ่านมาได้เกิดการขยายตัวของวิกฤตฟองสบู่ขนาดใหญ่ในตัว Bond
มีความต้องการหุ้นกู้มาจากแหล่งเงินทุนต่างๆมากมาย
เเละความต้องการนี้ยังคงเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่
นักลงทุนต่างชาติ
กองทุนรวมที่ลงทุน
(กองทุนรวมกองทุน ETF และกองทุนปิด)
บริษัทประกันชีวิต และกองทุนบำนาญ
ถึงกระนั้น ระดับหนี้ขององค์กร
(Coperate Debt Level) มีมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของประเทศไปเเล้ว และในส่วนของคุณภาพพันธบัตรนั้น ก็ดูเหมือนจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ
ในส่วนของนี้หนี้ประมาณ $7.2 trillion จาก $10.5
Trillion คือ investment-grade หรือก็คือระดับการประเมินอยู่ที่เกรด AAA ถึง BBB
เเต่
ประมาณครึ่งหนึ่งของหุ้นกู้ investment-grade
ถูกปรับลดอันดับเหลือ BBB ยืนอยู่เหนือระดับ Junk เเค่หนึ่งขั้นเท่านั้น
เศรษฐกิจที่ซบเซาลงส่งผลให้เกิดการปรับลดระดับเครดิตขององค์กร พวกเรามองว่าในระยะยาวคำสั่งจากรัฐบาล การ Lockdown เศรษฐกิจเเบบนี้
จะทำให้ credit ของหลายองค์กรลดหลั่นลงไป
เเน่นอนว่า Fed พร้อมที่จะเข้ามาเเละจัดการปัญหานี้
เเต่ด้วยการกระทำของ Fed เอง มันจะเปลี่ยนความยุ่งเหยิงครั้งใหญ่นี้ ให้กลายเป็นหายนะ
Fed สามารถเปลี่ยนวิกฤตเครดิตขององค์กรให้กลายเป็นวิกฤตค่าเงินได้
หากคุณจำได้ ภายใต้กฏหมาย CARES Act
Fed ได้เข้ามาซื้อ Coperate debt เป็นครั้งเเรก
ครั้งแรกในช่วงปลายเดือนมิถุนายนและต้นเดือนกรกฎาคม โดย Fed ได้เข้าซื้อพันธบัตรของบริษัทชั้นนำทั่วทุกมุมโลก
เราสงสัยว่านี่จะเป็นเพียงเเค่การอุ่นเครื่อง หรือ การทดลองเท่านั้น
เมื่อถึงเวลา Fed จะเพิ่มปริมาณเงิน เหมือนกับ
Silly Putty เพื่อเข้ามาสนับสนุน ตลาดพันธบัตรขนาด 10.5 ล้านล้านดอลลาร์นี้ และการทำเเบบนั้นจะทำให้มูลค่าของเงินดอลลาร์ต้องสั่นคลอน ⬇️
ด้วยสภาพแวดล้อมแบบนี้ทำให้แต่ละบริษัทเกิด
ความยากลำบากในการสร้างรายได้
บวกกับอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลงทำให้เกิดความต้องการในการกู้เงิน แต่การกระทำแบบนี้จะเป็นการแบ่งเบาภาระหนี้ระยะสั้นเท่านั้นครับ
เเละในช่วงเวลานี้หลายบริษัทก็กำลังเสี่ยงที่จะถูกปรับลด Credit Rate ของตัวเองลง ซึ่งถ้าเป็นเเบบนั้น ภาระค่าใช้จ่ายของบริษัทจะเพิ่มขึ้นทันทีครับ
และการที่ธนาคารกลางเข้ามาแก้ปัญหาในเรื่องนี้
จะต้องพิมพ์เงินเข้ามาซื้อพันธบัตรต่างๆเพื่อเป็นการหนุนหลังบริษัทเอาไว้ ซึ่งการกระทำเเบบนี้ จะส่งผลอะไรบ้างกับค่าเงินดอลล่าร์ในอนาคต..
เพราะความรู้คือของขวัญที่ดีที่สุด📚
ตอนนี้บังได้สร้างซีรีส์อัลบั้มของบทความไว้เเล้ว
สำหรับคนที่สนใจสามารถติดตามอ่าน
ย้อนหลังได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลยนะครับ
ถ้าตลาดหุ้นกำลังจะถล่ม
เราอยู่ในจุดที่ต่ำสุดเเล้วหรือยัง ?

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา