8 ก.ย. 2020 เวลา 15:19 • ยานยนต์
อนาคตยานยนต์ไทย อาจเสียฐานการผลิตไปหากไม่ปรับตัว!?
ถ้าพูดถึงอุสาหกรรมยางยนต์ของเราตอนนี้ถือว่าแย่นะครับ
ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนเคยใหญ่เป็นอันดับ 11 ของโลกกันเลยทีเดียว
แต่ตอนนี้ถือว่าอยูในช่วงขาลง ยิ่งเจอโควิดเข้าไปอีกทำให้ยอดลดลงถือ50-60%เลยทีเดียว
แต่จีนกลับบอกว่าเมื่อเดือนเมษาที่ผ่านมายอดขายรถยนต์โตขึ้นถึง4.4%
เพราะจีนถือว่าติดโควิดเป็นประเทศแรกๆและเริ่มสาๆแล้ว อะไรหลายๆอย่างเริ่มดีขึ้น
และสิ่งที่โตขึ้น นั่นก็คือรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนนี่เอง
เพราะจีนหวังจะเป็นอันดับ 1 ในเรื่องของรถไฟฟ้า
จึงมีนโยบายต่างๆในการผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า
อย่างนโยบายเรื่องลดหย่อนภาษี และส่งเสริมรถไฟฟ้าในด้านต่างๆ
ทำให้จีนเริ่มหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้่ากันมากขึ้นและยอดขายโตขึ้น
บ้านเราเองถ้าพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้า ก็ยังไม่ได้สนับสนุนเป็นจริงเป็นจังกันมากขนาดนั้น
อย่างBOI ก็มีนโยบายส่งเสริมตั้งแต่ปี 2560 ส่งเสริมใน 4 กลุ่ม
ก็คือรถ Hybrid PHEV EV และชิ้นส่วนแบตเตอรี่
ซึ่งตอนนี้BOI ก็กำลังส่งเสริมเรื่องนี้เช่นกันแต่ก็ยังไใม่ชัดเจนขนาดนั้น
ทำให้อย่าง HTYUNDAI ก็ข้ามเราไปผลิตที่สิงค์โปร BMW ก็ไปผลิตทีจีน
ผมเลยได้มีโอกาสไปถามกับนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า ในบ้านเรา
ยานยนต์ไทย จะสามารถตามรถยนต์ไฟฟ้าต่างประเทศทันไหม
ถ้าเราไปดูที่อุสาหกรรมยานยนต์ไทย เราก็จะเห็นว่ามีบริษัทระดับโลกอยู่ในเมืองไทย
มากกว่า10 บริษัท ถ้ามองในแง่ของเทคโนโลยี ทุกบริษัทมีอยู่แล้ว
อย่างEv จริงๆแล้วทุกบริษัทก็มีอยู่แล้ว Evจริงๆมีมากว่า10ปีแล้ว
น่าจะเป็นปัญหาการสร้างตลาดEvให้เกิดในประเทศไทยก่อนซึ่งเรื่องนี้ถือว่าต้องใช้เวลาระดับนึงเลยทีเดียว
ซึ่งผมว่าบริษัทเอกชน พร้อมแน่นอนเหลือแค่รอรัฐบาลส่งสัญญาณว่าให้ทำเรื่องนี้ ช่วยเรื่องนี้หน่อย
ผมว่าก็จะน่าเริ่มๆไปกันได้ทีเดียวครับ
สิ่งที่มันสำคัญที่จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นได้จริงก็คือ ความต้องการของผู้บริโภคที่มากพอนั่นเองครับ
ซึ่งการที่จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีระบบรองรับ เข้าถึงได้
ล่าสุดเรามีประชุมงาน New Generation of Automotive
หรือแปลว่ารถยนต์ในโลกอนาคต ซึ่งเขาก็เรียกคนมาคุยถ้ารถยนต์ไฟฟ้จะเกิดในเมืองไทย
ต้องมีหน่วยงานอะไรบ้างก็มีทาง สวทช สถาบันยานยนต์ การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
และที่สำคัญ ก็คือกระทรวงอุตสาหกรรม นั่นเอง ซึ่งก็ได้แผนระยะสั้น คือการเปลี่ยนแปลงรถสาธารณะ
รถราชการ ให้เป็น EV โดยเน้นรถที่ผลิตในประเทศเป็นหลัก
และอีก 5 ปี ก็จะมีการสร้าง SMART CITY รถบัสต่างๆ
และตั้งเป้าว่าภายใน10ปี ตะค้องผลิตรถEV ได้30% ของฐานการผลิต
อย่างการไฟฟ้านครหลวงก็ได้วางแผนวว่าจะมีจุดชาร์จ 128จุด ทั่วกรุงเทพและปริมณฑล
ทางMg เองทุกศูนย์ก็จะมีจุดชาร์จ การไฟฟ้าจะมีจุดชาร์จ 137จุด ครอบคลุม 75จังหวัด
ทางสวทชก็จะมีการพัฒนาอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ และสถาบันยานยนต์ จะช่วยทดสอบรถและอุปกรณ์ EV
แต่สื่งที่สำคัญที่สุดคือแบตเตอรี่ครับ ใครที่แบตเตอรี่ได้จะแทบเรียกได้ว่าเป็นเจ้าตลาดกันเลยทีเดียวครับ
ซึ่งถ้ารถยต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นได้ในบ้านเรา ก็จะช่วยในเรื่องของเศรษฐกิจและเรื่องงานในประเทศไทยแน่นอนครับ
ใครที่ชอบก็คอมเมนต์ กดไลค์ กดแชร์กันได้เลยนะครับ^^
โฆษณา