11 ก.ย. 2020 เวลา 14:41 • กีฬา
สตีเว่น เจอร์ราร์ด คือมิดฟิลด์ที่สุดแสนจะสมบูรณ์แบบ
เขาทำได้ทุกอย่างบนสนาม ไม่ว่าลูกผ่านระยะไกล, ทำประตูเองได้, เข้าปะทะบอลดี, เป็นตัวขับเคลื่อนเกม, ครอสบอลเยี่ยม รวมถึงลูกนิ่งและลูกกลางอากาศก็ดีไม่แพ้กัน
ใน พรีเมียร์ลีก หาผู้เล่นที่จะครบเครื่องแบบนี้ได้ยากมาก
รอย คีน และ ปาทริค วิเอร่า ไม่ใช่ผู้เล่นที่เก่งเรื่องทำประตู
พอล สโคลส์ ก็ไม่ใช่ผู้เล่นที่จะตัดเกมคู่แข่งได้ หรือ ยาย่า ตูเร่ ก็ไม่ได้มีความอึดสักเท่าไหร่
แฟร้งค์ แลมพาร์ด ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการเล่นบนพื้นที่สุดท้าย, ความอึด และการวิ่งเข้าไปในกรอบ รวมถึงการจบสกอร์ ทำได้ดีอย่างโดดเด่น ก็จริง..
แต่สิ่งที่ แลมพาร์ด มี เจอร์ราร์ด ก็มีเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า เจอร์ราร์ด เป็นนักเตะที่ไร้จุดอ่อน ยังมีหลายอย่างที่เป็นข้อบกพร่อง เช่น อารมณ์อ่อนไหวง่าย, ชอบปลีกตัวไปอยู่ตามลำพัง, เป็นนักเตะที่ชอบพูดแบบไม่คิด และมักทำเรื่องต่าง ๆ โดยไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน แทนที่จะเล่นตามแผนที่ทีมวางเอาไว้
ต่อไปนี้อาจเป็นประโยคแบบสั้น ๆ แต่ได้ใจความมากที่สุดของ อาร์รีโก้ ซาคคี่ ตำนานกุนซือ มิลาน ที่เคยให้คำนิยามถึง เจอร์ราร์ด ว่า "เป็นนักฟุตบอลที่ดี แต่อาจจะไม่ใช่นักเตะที่ดี" มันเป็นคำพูดที่อาจจะแปลตกหล่นไปบ้าง แต่หลายคนก็น่าเข้าใจดีว่า ซาคคี่ ตั้งใจจะสื่อว่าอะไร
"ความแข็งแกร่ง, อารมณ์ร่วม, เทคนิค, ความคล่องแคล่ว ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติที่สำคัญ" ซาคคี่ ระบุ
"มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณทำผลงานตามเป้าหมายได้ มันช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายของคุณได้ นั่นก็คือการใช้พรสวรรค์ของคุณเพื่อช่วยทีม การทำอย่างนั้นช่วยทำให้คุณและทีมแข็งแกร่งขึ้น"
ประเด็นที่สำคัญก็คือ อาร์ริโก้ ซาคคี่ เป็นคนพูดเรื่องนี้ แม้ว่าเขาเองจะขึ้นชื่อเรื่องการเป็นกุนซือผู้ปฏิวัติวงการจากการที่คอยเน้นย้ำเรื่องการกดดันคู่แข่งด้วยการใช้การเล่นแบบเป็นทีมที่รัดกุม
แต่ในขณะเดียวกันมันก็หมายความว่าเขาไม่เคยชื่นชอบการที่นักเตะคนใดคนหนึ่งจะฉายเดี่ยวเกินหน้าเกินตาเพื่อนร่วมทีม
...
ตอนพูดถึง โรแบร์โต้ บาจโจ้ ซึ่งเป็นคนที่ ซาคคี่ มักจะมีปัญหาด้วยหลายครั้งทั้งตอนคุม อิตาลี และ มิลาน นั้น เขาก็เคยพูดในแบบที่คล้าย ๆ กันนี้เหมือนกัน
ซาคคี่ ปฏิเสธที่จะใช้งาน บาจโจ้ ในตำแหน่งนักเตะหมายเลข 10 ทั้งที่มันเป็นตำแหน่งที่ บาจโจ้ ชื่นชอบมากที่สุด
ซึ่งสาเหตุน่ะเหรอ ? ก็เป็นเพราะเขาไม่อยากทำตามใจนักเตะซูเปอร์สตาร์ไงล่ะ
จริงอยู่ว่า บาจโจ้ ไม่ใช่นักเตะที่ไล่กดดันคู่แข่งได้ดี, ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องอยู่เสมอ และบางครั้งจำเป็นต้องมีเพื่อนร่วมทีมมาคอยช่วยตรงด้านหลังเขา แต่ก็มีหลายครั้งที่เขาสามารถทำเรื่องที่น่าเหลือเชื่อได้ชนิดที่ว่าต่อให้จะใช้ระบบที่ดีแค่ไหนมันก็ไม่มีทางทำให้เกิดการเล่นแบบที่ว่าได้
นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ บาจโจ้ ยังเป็นที่รักของทุกคนในอิตาลี ตรงกันข้ามกับ ซาคคี่ แบบที่จะให้พูดแบบสุภาพก็คือทำให้คนแตกแยกจนมีความคิดเห็นเป็น 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยกับเขา หรือไม่เห็นด้วยกับเขา
ถึงกระนั้นสมัยที่เขาเป็นผู้อำนวยการกีฬาของ เรอัล มาดริด ในช่วงต้นทศวรรษ 2000s ซาคคี่ เคยสอบถามความเป็นไปได้ที่จะขอดึง เจอร์ราร์ด ไปร่วมทีมหลายครั้ง
แน่นอน ตอนนั้น เจอร์ราร์ด เล่นให้ทีมของ เบนิเตซ และ กุนซือสแปนิช เองก็อาจจะเป็นคนที่เห็นด้วยกับแนวคิดของ ซาคคี่ มากที่สุดในทศวรรษที่ 21 ด้วย เพราะเขาให้ความสำคัญกับการเล่นเป็นทีมมากกว่าการให้นักเตะเน้นใช้ความสามารถส่วนตัว
ตอนที่พบกันครั้งแรก เบนิเตซ บอกกับ เจอร์ราร์ด เลยว่ามีหลายเกมที่เขาวิ่งเยอะเกินไป
ราฟา มักโยก เจอร์ราร์ด ไปเป็นปีกขวาอยู่หลายครั้งก็เพราะปัญหาจะเกิดน้อยกว่าหาก เจอร์ราร์ด ไม่ได้เล่นในตำแหน่งถนัดของเขา
ที่จริง เบนิเตซ อาจจะใช้เวลานานไปด้วยซ้ำก่อนจะรู้สึกตัวว่าตำแหน่งที่เหมาะกับ เจอร์ราร์ด มากที่สุดคือการเป็นจอมทัพแบบนักเตะหมายเลข 10
บางทีในปี 2020 มันอาจจะไม่มีนักเตะแบบเบอร์ 10 ชั้นยอด เหมือนที่ อดัม ลัลลาน่า เคยพูดว่า "มันไม่มีนักเตะหมายเลข 10 ที่เก่งกาจระดับนั้นหรอก" ก็ได้ แต่ก็น่าประหลาดใจที่นักเตะหมายเลข 10 ชั้นยอดหลายคน อย่างเช่น บาจโจ้ หรือ ฮวน โรมัน ริเกลเม่ จำเป็นต้องมีอิสระในการเล่นกับการยืนในตำแหน่งสูงที่สุดใน 3 แผงกลาง
ทว่าในขณะเดียวกันหลายคนกลับไม่ยอมรับกรณีแบบเดียวกันของ เจอร์ราร์ด
ครับ.. เจอร์ราร์ด มีสไตล์การเล่นที่ไม่สวยงามเท่าคนอื่น ๆ และออกแนวเหมือนกรรมกรมากกว่าจิตรกร แต่คอนเซปต์แบบเดียวกันนั้นสามารถเอามาใช้ในด้านแท็กติกได้เช่นกัน
เขาสามารถเปลี่ยนเกมจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ด้วยการเล่นที่ยอดเยี่ยม อย่างเช่นการที่มักจะทำประตูได้บ่อย ๆ และยังสามารถผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีมได้ดีพอ ๆ กับคนอื่นเหมือนกัน
การประสานงานระหว่างเขากับ ไมเคิ่ล โอเว่น และกับ เฟร์นานโด ตอร์เรส ตอกย้ำให้เห็นถึงความสามารถในการจ่ายบอลทะลุช่องที่ยอดเยี่ยม
หลายคนมักจะลืมอยู่บ่อย ๆ ว่าเท้าขวาของ เจอร์ราร์ด ยอดเยี่ยมมากแค่ไหน
เขาสามารถยิงจากตรงบริเวณกลาง ๆ เยื้องไปทางฝั่งขวาได้อย่างน่าประทับใจจนหลายคนยกย่องว่าถ้านับเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก เจอร์ราร์ด ก็อยู่ในระดับเดียวกับ เดวิด เบ็คแฮม และ เควิน เดอ บรอยน์ เลยด้วยซ้ำ
หนึ่งในหลักฐานที่ยืนยันถึงเรื่องนั้นได้ดีที่สุดก็คือตอนที่ เจอร์ราร์ด ช่วยให้ทีมได้ประตูตีเสมอในเกมเยือน มาร์กเซย เมื่อเดือนกันยายน ปี 2008
วันนั้นเขารับบอลที่ เดิร์ค เคาท์ จ่ายกลับหลังมาให้ โดยที่ เจอร์ราร์ด อยู่ห่างจาก เคาท์ นิดหน่อย ก่อนที่เขาจะยิงลูกโค้งที่ท้้งแรงและแม่นยำจนทำประตูให้กับทีมได้
ชัดเจนอยู่แล้วว่า เจอร์ราร์ด มักทำประตูในช่วงเวลาสำคัญของเกมบอลถ้วยได้อยู่บ่อย ๆ อย่างเช่นเกมกับ โอลิมเปียกอส ในปี 2004, เกมกับ มิลาน ในปี 2005 และเกมกับ เวสต์แฮม ในปี 2006 ซึ่งที่จริงลูกยิงไกลของเขาใน พรีเมียร์ลีก ก็โดดเด่นเหมือนกัน
จังหวะยิงไกลบางครั้งของ เจอร์ราร์ด มันสุดยอดจนถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ
สิ่งที่คนมักจะลืมนึกถึงกันเกี่ยวกับ เจอร์ราร์ด และการที่เขาพยายามยิงไกลอยู่บ่อย ๆ คือการที่ ลิเวอร์พูล ต้องการคุณภาพแบบนี้อย่างมาก
จริงอยู่ว่าทีมที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องมีการประสานงานและโครงสร้างที่ดี แต่พวกเขาก็ต้องมีนักเตะที่มีความสามารถส่วนตัวที่สุดยอดด้วย และ เบนิเตซ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาไม่สามารถทำให้เกมริมเส้นของ ลิเวอร์พูล มีความยอดเยี่ยมในระดับที่น่าทึ่งได้
นอกเหนือจาก หลุยส์ การ์เซีย ที่เล่นได้โดดเด่นในช่วง 2 ฤดูกาลแรกแล้ว บรรดาผู้เล่นตำแหน่งปีกที่ เบนิเตซ ดึงมาร่วมทีมก็ไม่สามารถสร้างสรรค์เกมบุกที่ยอดเยี่ยมได้ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทีมที่อยากเป็นแชมป์
ผู้เล่นริมเส้นของ ลิเวอร์พูล ทำได้เพียงเล่นด้วยความกล้าหาญ ซึ่งต่างกับปีกชื่อดังของทีมคู่แข่งอย่าง โรแบร์ต ปิแรส, ดาบิด ซิลบา หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ถ้า เบนิเตซ ได้ทำทีม ลิเวอร์พูล ตามแบบที่ตัวเองคิดทั้งหมดโดยที่ไม่มีการขับเคลื่อนเกมจาก เจอร์ราร์ด แล้วล่ะก็ พวกเขาก็อาจจะไม่ได้แชมป์อะไรเลยก็ได้ และอาจจะเล่นกันแบบน่าเบื่อสุด ๆ
...
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะพูดถึงการที่ เจอร์ราร์ด เป็นหนึ่งในนักเตะชั้นยอดของ พรีเมียร์ลีก โดยที่ไม่เอ่ยถึงการที่เขาเป็นนักเตะเพียงคนเดียวใน 25 ยอดนักเตะที่ไม่เคยได้แชมป์ลีก
แน่นอน ปัญหานี้มันแย่หนักขึ้นไปอีกเมื่อคิดในแง่ที่ว่าทำไม เจอร์ราร์ด ถึงชวดแชมป์ลีก
เหตุการณ์ลื่นอันเลวร้ายในเกมกับ เชลซี ในนัดที่ 36 ของฤดูกาล 2013-14 ถูกหลายคนยกให้เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก
จริงอยู่ว่าในแง่ของความตื่นเต้นนั้นมันไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับประตูในนาทีที่ 94 ของ เซร์คิโอ อเกวโร่ ในนัดสุดท้ายของซีซั่น 2011-12 แต่ถ้าพูดถึงแง่ของประวัติศาสตร์และความสำคัญแล้ว มันก็เข้าขั้นเป็นอันดับ 1 เลยก็ว่าได้ และต้องขอย้ำว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีเหตุการณ์ไหนจะทาบได้ แถมยังทำให้แฟนบอล(ฝั่งตรงข้าม) หลายคนร่าเริงตามไปด้วย
การที่ เจอร์ราร์ด พยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อที่จะแก้ตัวในเกมวันนั้น เช่นการพยายามยิงจากเกือบทุกจุดของสนามเท่าที่จะทำได้ในครึ่งหลัง ถือเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการที่เขามีนิสัยชอบพยายามทำบางอย่างด้วยตัวเองมากเกินไป ซึ่งเขาเองก็เห็นด้วยว่าตัวเองมีจุดแย่แบบนั้นจริง ๆ
โดยที่เขายอมรับถึงเรื่องดังกล่าวในหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองที่วางขายหลังจากเขาแขวนสตั๊ดไปแล้ว
...
ที่จริง เจอร์ราร์ด มีโอกาสจะย้ายไป เชลซี เมื่อ 9 ปีก่อนหน้านั้น...
แน่นอนว่าหากเขาทำอย่างนั้นเขาก็จะได้แชมป์ลีกไปประดับบารมี ซึ่งอาจ ส่งผลให้การถกเถียงในเรื่องที่ว่า เจอร์ราร์ด กับ แลมพาร์ด ใครเก่งกว่ากันจบลงได้โดยปริยาย และอาจจะทำให้ เจอร์ราร์ด เป็นนักเตะที่โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และมีประสบการณ์เพิ่มอีกระดับ
อย่างไรก็ตาม มันก็อาจจะทำให้เขาเป็นนักเตะที่นอบน้อมเกินไป, เอาแต่เล่นตามระบบบางอย่างจนเป็นเหมือนหุ่นยนต์ และต้องฝืนเล่นแบบไม่เป็นธรรมชาติของตัวเองตามไปด้วย
ใช่ครับ สิ่งที่หลายคนวิจารณ์ เจอร์ราร์ด อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ เพราะเขาชอบวิ่งออกจากตำแหน่งของตัวเองหลายครั้ง และพยายามโชว์จังหวะการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจจนทำให้เกิดความเสี่ยงกับทีมมากขึ้นไปด้วย
นอกจากนี้ บางครั้งเขายังชอบคิดว่าสามารถช่วยให้ทีมชนะได้ด้วยตัวเองอีกต่างหาก.. แต่ที่สุดแล้ว หลายต่อหลายครั้ง เจอร์ราร์ด ก็ช่วยให้ทีมชนะได้ด้วยตัวเองจริง ๆ
มันไม่ใช่ว่าข้อบกพร่องของเขาทำให้ เจอร์ราร์ด ไม่ได้เป็นนักเตะชั้นยอด
ที่จริงแล้ว สตีเว่น เจอร์ราร์ด เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมได้ก็เพราะเขามีข้อบกพร่องเหล่านั้นต่างหากล่ะ..
#Gerrard #Liverpool #hossalonso #BootRoom
Ref. The Athletic
...
ติดตามเพจ 'ใต้เตียงฟุตบอล' อีกหนึ่งช่องทางที่ทุกท่านสามารถอัพเดทข่าวสารวงการลูกหนัง รวมถึงกำลังจะมีคลิปมาให้ชมกัน ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในทีมงานดูแลเพจนี้
คลิกตามลิงก์ >> https://www.facebook.com/UnderBedFootball
ฝากด้วยนะครับทุกคน 😉
โฆษณา