12 ก.ย. 2020 เวลา 02:41 • ประวัติศาสตร์
“ปอมเปอี (Pompeii)” ดินแดนสาปสูญที่จมอยู่ใต้เถ้าถ่าน” ตอนที่ 2
การค้นพบดินแดนที่สาปสูญ
ถึงการระเบิดของภูเขาไฟ จะทำให้ปอมเปอีแทบทั้งเมืองหายวับไปทันที หากแต่ก็ยังมีผู้รอดชีวิต
1
ผู้รอดชีวิตที่กลับมายังปอมเปอีนั้น ไม่ได้กลับมาเพื่อสร้างบ้านใหม่ หากแต่มาเพื่อหาของมีค่าที่อาจจะยังหลงเหลือ
ผู้รอดชีวิตได้ขุดดินลงไปใต้ขี้เถ้า และขุดอุโมงค์เพื่อที่จะทะลุเข้าไปยังบ้านของตน และหาของมีค่า เช่น หินอ่อน สัมฤทธิ์
ไม่ใช่แค่เพียงผู้รอดชีวิตเท่านั้น หากแต่ขโมยก็มายังซากเมืองแห่งนี้ เพื่อที่จะหาของมีค่า
พวกขโมยเองก็มีการขุดอุโมงค์เพื่อที่จะเข้าไปยังบ้านแต่ละหลัง ซึ่งการขุดอุโมงค์นี้ก็อันตราย เนื่องจากอุโมงค์อาจจะถล่มลงมาทับผู้ที่ขุดได้
ภายหลัง บริเวณที่เคยเป็นปอมเปอีก็ถูกทิ้งร้าง
ทั้งผู้รอดชีวิตต่างก็ล้มหายตายจาก ขโมยก็ไม่มายังจุดนี้อีกแล้ว และก็ไม่มีใครที่มีชีวิตอยู่นานจนสามารถบอกเล่าเรื่องราวของปอมเปอีได้
ปอมเปอีจึงกลายเป็นเมืองที่เหมือนกับเมืองในตำนาน
ในเวลาต่อมา ผืนดินที่ปกคลุมด้วยขี้เถ้าในบริเวณปอมเปอี ก็ได้กลายเป็นผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเพาะปลูก
ในไม่ช้า ผืนดินที่ฝังปอมเปอีก็ได้กลายเป็นฟาร์มและไร่องุ่น
ผู้คนเริ่มเรียกบริเวณนี้ว่า “Civitas” ซึ่งแปลว่า “เมือง”
ผู้คนไม่รู้เลยว่ากำลังอาศัยและทำไร่อยู่บนผืนดินที่เคยเป็นเมืองโบราณ
ในปีค.ศ.1599 (พ.ศ.2142) คนงานที่กำลังขุดอุโมงค์ใต้ Civitas ก็ได้พบเห็นบางอย่างที่น่าตื่นตาตื่นใจ
พวกเขาพบกำแพงที่มีภาพวาดและยังมีแผ่นหินอ่อน
หัวหน้าคนงานคิดว่าบางทีพวกเขาอาจจะขุดเจอซากบ้านสมัยโรมัน หากแต่ก็ไม่มีใครสนใจที่จะทำการตรวจสอบ
เมื่อเวลาผ่านไปนานกว่าร้อยปี ในปีค.ศ.1748 (พ.ศ.2291) ก็ได้มีวิศวกรชาวสเปนชื่อ “Roque Joaquín de Alcubierre” ก็ได้มาเยือนจุดนี้พร้อมคนงานอีก 24 คน
ในเวลานั้น กษัตริย์แห่งเนเปิลส์กำลังจะสร้างพิพิธภัณฑ์ และพระองค์ก็มีพระประสงค์จะให้พิพิธภัณฑ์ของพระองค์เต็มไปด้วยสมบัติโรมัน
ไม่ไกลจาก Civitas
Alcubierre ก็ขุดพบบางอย่าง หากแต่มันถูกฝังอยู่ใต้หินที่มีความแข็งมาก ทำให้ขุดได้ยาก
Roque Joaquín de Alcubierre
Alcubierre จึงได้ขุดอุโมงค์จาก Civitas ซึ่งสามารถขุดได้ง่ายกว่า
หากแต่สิ่งที่พบก็ยังถือว่าไม่น่าพอใจ Alcubierre จึงกลับไปโดยทิ้งทีมงานไว้เพียงไม่กี่คนให้ทำการขุดต่อไป
ค.ศ.1750 (พ.ศ.2293) ได้มีวิศวกรอีกคนได้เข้าร่วมทีมกับทีมงานที่กำลังขุดอุโมงค์ที่ Civitas
วิศวกรคนนั้นคือ “คาร์ล เวเบอร์ (Karl Weber)”
ที่ผ่านมา Alcubierre มักจะใช้การระเบิดเพื่อเปิดทาง อีกทั้งเขาก็ไม่ได้บันทึกถึงสิ่งที่พบซักเท่าไร
แต่เวเบอร์นั้นต่างออกไป
เวเบอร์เข้าใจว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำ คือการขุดหาประวัติศาสตร์ ทุกขั้นตอนต้องทำอย่างระมัดระวัง อีกทั้งเขายังทำการบันทึกถึงสิ่งที่พบเห็นอีกด้วย
เวเบอร์ใช้เวลานานกว่าห้าปีจึงพบเจอกับสิ่งสำคัญ
พวกเขาพบบ้านหลังใหญ่ ซึ่งตั้งชื่อว่า “House of Julia Felix”
House of Julia Felix
และต่อมา ซากต่างๆ ของปอมเปอีก็ถูกพบมากขึ้นเรื่อยๆ
ในทีแรก กษัตริย์แห่งเนเปิลส์ไม่ได้ทรงสนพระทัยในการสำรวจนี้นัก แต่ในเวลานี้พระองค์ชักจะสนพระทัยแล้ว
พระองค์ทรงมีรับสั่งให้เวเบอร์ขุดต่อไป ในไม่ช้า อุโมงค์ก็ได้เชื่อมตรงเข้าไปใต้ขี้เถ้า และพบซากเมืองโบราณ
พวกเขาพบซากบ้าน ร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าที่นี่เคยเป็นเมืองที่คึกคัก
การขุดดำเนินต่อไปอีกนับปี จนในปีค.ศ.1763 (พ.ศ.2306) พวกเขาก็พบข้อความจารึกที่เขียนว่า
“Rei publicae Pompeianorum”
ซึ่งแปลว่า “จักรภพปอมเปอี”
นี่คือหลักฐานว่าพวกเขาพบปอมเปอี เมืองที่ถูกทำลายจากภูเขาไฟ
เรื่องราวและการสำรวจปอมเปอีจะเป็นอย่างไรต่อไป
ติดตามได้ในตอนหน้านะครับ
โฆษณา