12 ก.ย. 2020 เวลา 04:14 • ยานยนต์
ว่าด้วยเกรดน้ำมันเครื่อง
ไปเจอคำถามมาว่า ทำไมเดี๋ยวนี้น้ำมันเกรด 0W-20 ครองตลาดเหลือเกิน อยากใช้ 0W-40 แต่มันหายากจัง
ปัจจุบันนี้น้ำมันเกรด 0W-20 เป็นน้ำมันเกรดมาตรฐานสำหรับรถเครื่องยนต์เบนซินไปแล้ว และตลาดน้ำมันเครื่องก็มีแนวโน้มไปใช้ถึง 0W-15 เลยทีเดียว
อธิบายกันให้เขาใจก่อนว่าเกรดน้ำมันเครื่อง ตัวก่อนหน้า W คือเกรดความหนืดเวลาอากาศเย็นจัด ส่วนเลขหลังคือความหนืดเมื่อใช้งานทั่วไป เพราะฉะนั้นอากาศบ้านเราที่ไม่เคยหนาวเลยดูเลขหลังอย่างเดียว ยิ่งเลขสูง ยิ่งหนืดมาก
นั่นก็หมายความว่า 0W-20 นั้นเป็นน้ำมันที่ใสมาก อีกนิดเดียวก็ไหลเป็นน้ำแล้ว นั่นทำให้คนที่คุ้นเคยกับน้ำมันเครื่องรุ่นเก่าๆ เป็นกังวลกับความใสของมัน จึงอยากเพิ่มเกรดเป็น 0W-30 0W-40 กันเอง
แต่ผมจะบอกไว้ตรงนี้ว่า ไม่จำเป็นหรอกครับ
คำถามเริ่มแรกก่อน ว่าทำไมน้ำมันเครื่องในตลาดถึงใสลงเรื่อยๆ
ปกติแล้วการเลือกใช้น้ำมันเครื่องในรถที่ออกจากโรงงาน จะมีวิศวกรรับผิดชอบโดยเฉพาะ จะมีการคำนวณเกรดน้ำมันเครื่องที่ใช้โดยค่าความหนาฟิล์มน้ำมันระหว่างข้อเหวี่ยงและอกเสื้อสูบ ยิ่งห่างยิ่งต้องใช้น้ำมันหนืดขึ้น เกรดมากขึ้น
1
ภาพการวัดความหนาฟิล์มน้ำมัน (oil clearance)
แต่จากเทคโนโลยีการวิจัยเครื่องยนต์ในปัจจุบัน ตัวความหนาฟิล์มน้ำมันได้ลดลงอย่างมากถึง 2-3 เท่า จากประมาณ 0.003 นิ้ว เหลือราวๆ 0.001 นิ้วเท่านั้น นั่นทำให้น้ำมันที่หนืดกว่า ไม่สามารถเข้าถึงรูเล็กๆ เพื่อหล่อลื่นได้ จึงต้องปรับน้ำมันให้ใสขึ้นนั่นเอง
ถ้าคุณต้องเลือกใช้น้ำมันเครื่องในปัจจุบัน การเลือกน้ำมันรุ่นเดียวหรืออย่างน้อยเกรดเดียวกับที่ออกมาจากโรงงานจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ ยกเว้นเครื่องยนต์ที่ผ่านการซ่อมหนักมาแล้วเช่น คว้านเมน เจียรข้อเหวี่ยง ก็ปรับน้ำมันหนืดขึ้นประมาณ 1-2 เกรดก็ใช้ได้แล้วครับ
หากคุณชอบบทความนี้ รบกวนติดตามเพจ Carguy-คนรักรถ กดไลค์ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
โฆษณา