12 ก.ย. 2020 เวลา 11:46 • ท่องเที่ยว
==ร้านอาหารแห่งชีวิต==
พนักงานเสิร์ฟเป็นอาชีพที่ไม่ได้เคยนึกคิดจะทำมาก่อนในชีวิต นอกจากจะเคยอยากลองเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดตอนเด็กๆ แล้ว ก็ไม่เคยนึกอยากลองเป็นพนักงานเสิร์ฟ แต่ถึงจะอยากลองทำ ก็ไม่เคยได้ทำจริงๆ ตามสไตล์เด็กคงแก่เรียน คือเรียน เรียน เรียนอย่างเดียว วัฒนธรรมในการดำเนินชีวิตของเด็กไทยเจเนอเรชัน Y คือ เรียนจนจบมหาวิทยาลัยแล้วค่อยทำงาน และภาพลักษณ์ของอาชีพพนักงานเสิร์ฟในเมืองไทยด้วย ทำให้เราไม่เคยคิดที่อยากจะเป็นพนักงานเสิร์ฟ เพราะเป็นงานที่ต้องบริการลูกค้าเป็นอย่างมากแถมค่าแรงก็ต่ำได้อีก
มาถึงโอ๊คแลนด์แบบมีเงินติดตัวอยู่หน่อย ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเริ่มฤดูหนาว เดือนกรกฎาคม ทำให้งานตามฤดูกาลหรืองานสวนค่อนข้างหายาก บวกกับเราอยากหางานดีๆ ทำด้วย เลยตั้งมั่นอยู่ที่โอ๊คแลนด์ไม่ย้ายไปไหน คิดว่าในเมืองใหญ่น่าจะหางานง่ายสุด ลองสมัครทั้งงานร้านรองเท้ากีฬา ร้านน้ำผลไม้ที่อยากทำเพราะแอบอยากรู้สูตรน้ำผลไม้และสลัดของร้าน (ด้วยความอยากเอาไปใช้ในธุรกิจของตัวเองในอนาคต แผนสูงไปอีก) งานซูเปอร์มาร์เก็ต หรือกระทั่งงานธุรการ งานสำนักงานที่เราพอจะมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องอยู่บ้าง ซึ่งพยายามเขียนเรซูเม่และจดหมายสมัครงานให้ตรงกับตำแหน่งที่รับงานอยู่หลายต่อหลายฉบับก็ไม่สำเร็จ
ไม่เลือกงานไม่ยากจน ณ ตอนนั้น งานอะไรก็ได้ขอให้ได้ทำงานเป็นพอ พอเพื่อนในกลุ่ม Working and Holiday รุ่นเดียวกันแนะนำงานที่ร้านอาหารไทยที่กำลังต้องการคน จากที่ลังเลก็เลยตัดสินใจติดต่อขอสมัครงานกับเจ้าของร้านทางโทรศัพท์ แม้ร้านจะอยู่ค่อนข้างไกล ไม่ได้อยู่ในย่านธุรกิจหรือที่เรียกว่า CBD (Central Business District) การเดินทางด้วยรถประจำทางกินเวลาค่อนข้างนาน (นานไปไม่ทันใจวัยรุ่นอายุ 30 เลย เรื่องนี้จะเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกทีเกี่ยวกับขนส่งสาธารณะ)
หลังจากนั้น 3 วันเริ่มไปทดลองงานช่วงกะเย็น ร้านอาหารที่นี่จะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงมื้อกลางวัน (Lunch) และช่วงมื้อเย็น (Dinner) ทั้ง 2 ช่วงมีเมนูไม่เหมือนกัน คล้าย ๆ กัน แต่ส่วนใหญ่ มื้อกลางวันจะราคาถูกกว่าและปริมาณน้อยกว่ามื้อเย็น เป็นอาหารจานเดียว ครั้งแรกที่เริ่มทำเป็นช่วงมื้อเย็นซึ่งลูกค้าค่อนข้างมาก โชคดีที่เจ้าของร้านใจดีหลังจากลองทำงานวันแรก ก็จ้างให้ทำงานที่ร้านต่อ ดีใจมาก ไม่อดตายแล้ว บอกเลยว่าตอนไม่มีงานเป็นเดือนๆ มันกังวลแบบสุดๆ แต่เรื่องหางานแล้วแต่คน บางคนมาถึงไม่กี่วันก็หางานได้แล้ว
พนักงานเสิร์ฟ นอกจากจะรับออเดอร์ที่โต๊ะและเสิร์ฟอาหารแล้ว ยังต้องจัดโต๊ะ รับออเดอร์หรือรับจองโต๊ะอาหารทางโทรศัพท์ ชงเครื่องดื่ม แพ็คอาหารแบบกลับบ้าน (Takeaways) เก็บโต๊ะ เก็บเงิน หลังปิดร้านต้องเช็ดจานให้แห้งเอาเข้าตู้อบจาน เช็ดแก้ว ช้อนส้อม เติมเครื่องดื่ม ทำความสะอาดร้านและห้องน้ำ และร้านที่ทำมีงานเพิ่มเติม คือ ขนโต๊ะเก้าอี้และร่มกันแดดออกไปตั้งนอกร้านโซนกลางแจ้ง ก่อนปิดร้านก็ขนเก็บกลับเข้าในร้าน ตำแหน่งนี้บางทีก็เรียกตำแหน่งหน้าบ้าน (Front of House) คือทำทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับหน้าร้าน ไม่ได้เสิร์ฟอย่างเดียว และทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำคนเดียว (ไม่ได้เป็นซูเปอร์แมน) มีเพื่อนร่วมงานช่วยๆ กันทำ
ช่วงหลังด้วยความที่เราไม่เกี่ยงงาน ทำได้ทุกสิ่งอย่าง เราเลยได้อัพเกรดไปช่วยล้างจาน เอ๊ะ อัพเกรดหรือเปล่านะ ช่วยเตรียมอาหาร เช่น เตรียมไก่ชุบแป้งทอด ก็สนุกไปอีกแบบ มีความภูมิใจมาก ที่อิฉันสามารถชุบคอนเฟล็กซ์ให้ติดน่องไก่ได้สวยงามทั่วน่อง แต่ล้างจานถ้าคนเดียวยังเอาไม่ค่อยอยู่ มีพี่ๆ ร่วมงานคอยมาช่วยตลอด เพราะว่าต้องใช้สกิลการจัดระเบียบประมาณหนึ่ง เวลาใกล้ปิดร้านจะต้องล้างพวกอุปกรณ์ใหญ่ ถ้าจัดการล้างแล้วเอาเข้าเครื่องล้างจานได้ปริมาณเยอะๆ ต่อถาดก็จะเสร็จเร็ว
ว่าด้วยเครื่องล้างจาน นี่ก็คิดมาตลอดว่ามันจะไฮโซคล้ายหุ่นยนต์ หยิบจานมาล้างให้ ล้างน้ำสบู่ แล้วล้างน้ำเปล่าให้เสร็จสรรพอะไรประมาณนี้ (แกไปอยู่ไหนมา) จริงๆ เราต้องช่วยมันประมาณหนึ่งคือเคลียร์เศษอาหารออกและผ่านน้ำนิดหน่อย (มันต้องไม่แห้งกรัง) เปิดตู้ล้างจานแล้ววางเรียงๆ จานชามเข้าไปในตะแกรง แต่ต้องให้วางห่างๆ กันเล็กน้อย เพราะถ้าซ้อนติดกันเลย น้ำจะฉีดเข้าไปทำความสะอาดไม่ได้ จากนั้นเครื่องก็จะฉีดล้างด้วยน้ำร้อนให้ (ถ้าเป็นเครื่องล้างตามบ้านน่าจะมีน้ำสบู่ด้วย) เสร็จแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง เก็บชามออก ในเครื่องจะมีพวกเศษเล็กๆ น้อยๆ คกค้าง เช่น เศษก๋วยเตี๋ยว ข้าว เศษหัวหอมเหลือๆ ที่ควรเก็บออก (ยกเว้นแต่จะช่วยมันทำความสะอาดอย่างดีแต่แรก) และควรล้างเครื่องล้างจานด้วยประมาณเดือนละครั้ง แต่ที่ร้านอาหารต้องล้างทุกวันเพื่อความสะอาดถูกต้องตามหลักอนามัย
งานเสิร์ฟอาหารไม่ใช่งานยากที่จะเรียนรู้ แต่ก็ไม่ใช่งานง่ายซะทีเดียวที่จะทำให้ดี สกิลแรกที่ควรมี คือ การจัดลำดับความสำคัญ โดยเฉพาะช่วงที่ร้านยุ่งๆ เพราะโต๊ะอาหารมีจำกัด และความอดทนของลูกค้าก็เช่นกัน ประหนึ่งเล่นเกมเสิร์ฟอาหารเวอรชันเรียลลิตี้ เราต้องบริการลูกค้าให้สมดุล ไม่ให้ลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งรอนานเกินไป ไม่งั้นแถบความอารมณ์ดีของลูกค้าจะค่อยๆ ลดลง อีกสกิลหนึ่งที่สำคัญ คือ มีไหวพริบในการจัดการและแก้ไขปัญหา บวกด้วย ”สติ”
ที่พูดมา ไม่ใช่ว่าทำได้ดี เพราะในความเป็นจริงคือ เป็นคนซุ่มซ่ามและสติชอบเตลิดเวลารีบร้อน ทำให้ตรงไหนที่พลาดได้ก็เคยทำมาหมด รู้สึกเกรงใจเจ้าของร้านมาก ก.ไก่ล้านตัว
- เสิร์ฟผิดโต๊ะ โต๊ะนี้ต้องได้ก่อนเพราะสั่งก่อนโต๊ะนั้น ดันไปเสิร์ฟโต๊ะที่สั่งเมนูเดียวกันแต่สั่งทีหลัง
- รับออเดอร์ผิดหรือตกหล่นมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ลูกค้าสั่งแกงแดงกุ้ง Prawn Red Curry ฟังเป็นอะไรคะ อ๋อ Pork Red Curry ออกมาเสิร์ฟปุ๊ป ผิดจ้า หรือ Singha Beer ฟังเป็น Ginger Beer
- ลืมคีย์ออเดอร์เข้าระบบ คีย์ผิด ลูกค้าเข้ามากินที่ร้านแต่ไปลงเป็นออเดอร์กลับบ้าน กับข้าวลูกค้าก็อยู่ในกล่องไม่ออกมาเสิร์ฟลูกค้าสักที จนลูกค้าร้องเรียนจะขอให้ชดเชยโดยการให้รับประทานฟรี
- ทำแก้วแตก เบียร์สาดกระจาย แก้วไวน์แตก ขวดน้ำแตก ฯลฯ
หรือบางครั้งในครัวก็ทำผิดพลาดบ้าง แต่ข้อผิดพลาดเหล่านี้ไม่มีใครโทษกันไปโทษกันมามีแต่ช่วยกันให้ผ่านวันนั้นไปให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ อันนี้เป็นวัฒนธรรมการทำงานที่ดีมาก และเราโชคดีมากๆ ที่ได้เจอเจ้าของร้านที่ให้โอกาสเราในการทำงาน
ความโชคดีอีกประการ คือ การได้ทำงานที่ร้านอาหารไทย ร้านอาหารไทยส่วนใหญ่จะมีอาหารให้รับประทานฟรี 1 มื้อต่อ 1 กะ นอกจากจะช่วยประหยัดแล้ว ความดีงามคืออาหารไทยอร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการ ถ้าทำร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดคงได้กินแต่อาหารฟาสต์ฟู้ด หรือบางร้านอาจให้พนักงานห่ออาหารไปทานเองหรือสามารถซื้ออาหารที่ร้านแบบมีส่วนลด แต่นี่คือ ฟรีค่ะฟรี และบางครั้งถ้ามีอาหารที่ทำเสิร์ฟผิด ก็จะได้อานิสงส์ไปด้วย โดยสามารถนำกลับไปรับประทานได้
ช่วงที่เราเริ่มทำงานเป็นช่วงที่เพื่อนร่วมงานชาวไต้หวันต้องกลับเพราวีซ่าหมด และน้องคนไทยที่เริ่มทำช่วงใกล้กันตัดสินใจเรียนภาษาอังกฤษที่ในตัวเมืองทำให้มาทำงานที่ร้านไม่สะดวก เราเลยได้ชั่วโมงทำงานค่อนข้างยาว เข้าร้าน 11 โมงครึ่ง เพื่อเตรียมเปิดร้านตอนเที่ยง มีพักเบรก 1 ชม. ช่วง 4 โมงเย็น ช่วงพักไม่ค่อยได้ทำอะไรนอกจากเดินซูเปอร์ใกล้ๆ หรือเดินเล่นริมท่าเรือ มีม้านั่งยาวนั่งเล่นได้ ส่วนใหญ่เลยไปนั่งโง่ๆ ริมทะเล หลังจากนั้นก็ทำงานจนถึงปิดร้านประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง เราเป็นคนค่อนข้างแข็งแรง วิ่งออกกำลังกายบ้างแต่มาทำงานวันแรกๆ แอบปวดร้าวเล็กๆ เพราะต้องเดินเกือบทั้งวัน ได้นั่งเก้าอี้แค่ตอนกินข้าว ตอนเลิกงานไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่ตอนตื่นมาจะรู้สึกเหมือนตึงไปหมด แต่ผ่านไปสักพักก็ชิน
สิ่งหนึ่งที่ชอบของการทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารที่นี่คงจะเป็นการที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะค่อนข้างให้เกียรติเรา อาจจะเป็นวัฒนธรรมของเขาที่จะขอบคุณเสมอๆ เวลาเราทำสิ่งต่างๆ ให้ บางครั้งก็ชมว่า น่ารัก อร่อยมาก เป็นมื้อที่เยี่ยมมาก ทำให้เราคำนึงถึงใจเขาใจเรา เวลาเราไปเป็นลูกค้าร้านอาหารอื่นมากขึ้น เช่น พยายามเลือกให้ได้ก่อนว่าจะสั่งอะไรแล้วค่อยเรียกพนักงานมารับออเดอร์ เพราะว่าการที่เราตัดสินใจยังไม่ได้ แล้วมาเลือกระหว่างที่พนักงานเสิร์ฟรอ ทำให้พนักงานเสิร์ฟเสียเวลาในการที่จะไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่นด้วย
ผู้คนต่างๆ ที่เข้ามารับประทานอาหารที่ร้านแตกต่างกันไป การได้มองดูผู้คนบางครั้งก็ทำให้เรามีความสุขได้เหมือนกัน ได้เห็นความรักหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบครอบครัว เพื่อน คนรัก รวมถึงการรักตัวเอง
...ลูกค้าอายุวัยประมาณ 50-60 ปี ที่มาจัดเลี้ยงฉลองวันเกิดกับเพื่อนๆ และเป็นเจ้าของงานเลี้ยงเพื่อนๆ
...คู่สามีภรรยาสูงวัยที่มาดินเนอร์ด้วยกันแล้วขอให้เราถ่ายรูปให้ คู่ชาย-ชายที่มาสวีทกันสองคน (สังเกตว่าเขาสั่งเมนูเดียวกันตลอด)
…คู่ชาย-ชายที่มีลูกมาด้วย (ประเทศนิวซีแลนด์ผ่านกฎหมายให้มีการสมรสระหว่างเพศเดียวกันได้ ตั้งแต่ปี 2013 และคู่รักเพศเดียวกันสามารถรับบุตรบุญธรรมได้ด้วย)
...พ่อที่มาทานข้าวกับลูกสาวสองต่อสองเกือบทุกวันอาทิตย์
...ครอบครัวใหญ่ที่มากันพร้อมหน้า
...คุณยายที่ชอบมานั่งสโลวไลฟ์อ่านหนังสือพิมพ์คนเดียว
...คุณตาเข็นคุณยายที่ป่วยมารับประทานอาหารที่ร้าน แม้จะดูลำบากมาก
…ลูกค้าคนเดียวมารับประทานอาหารเหมือนมื้อนั้นเป็นมื้อพิเศษของเขา
ร้านอาหารไม่ได้แค่ทำให้อิ่มท้อง แต่ยังเป็นที่สร้างความทรงจำดีๆ ให้ใครอีกหลายคน หลากหลายชีวิตและเรื่องราวที่ทำให้พนักงานเสิร์ฟอย่างเรารู้สึกดี แม้จะเป็นงานที่เหนื่อยมากก็ตาม
โฆษณา