หลังจากสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางศรีธรรมราชสโมสรก็ได้จัดงานเดือนสิบในปีต่อๆ มาเพื่อหารายได้บำรุงสโมสร ปรากฏว่ามีเครื่องใช้สอยครบครัน และมีเงินฝากธนาคารนับหมื่นบาท
.
พ.ศ. ๒๔๗๗ นายมงคล รัตนวิจิตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช และหลวงสรรพนิติพัทธ (เพียร บุณยผลึก) พร้อมด้วยบุคคลที่เคยเป็นกรรมการจัดงานเดือนสิบปีก่อน ๆ บางท่าน มีความคิดเห็นว่าควรจะจัดงานประจำปี โดยนำเงินรายได้ไปใช้ในกิจการสาธารณประโยชน์เสียบ้าง เพราะเท่าที่เป็นมา ศรีธรรมราชสโมสรได้จัดงานบำรุงสโมสรมาถึง ๑๐ ปีแล้ว นายมงคลฯ จึงได้ทำคำร้องแจ้งความประสงค์ต่อคณะกรรมการจังหวัดเพื่อขอร่วมจัดงานด้วย ทางคณะกรรมการจังหวัดเข้าใจว่า นายมงคลฯ ต้องการเพียงสถานที่จัดงาน จึงอนุญาตให้ใช้สนามหน้าเมืองเป็นสถานที่จัด โดยคณะกรมการจังหวัดและศรีธรรมราชสโมสรไม่ร่วมมือด้วย จึงมีเฉพาะ นายมงคลฯ หลวงสรรพฯ สมาชิกนครสมาคม พ่อค้าคหบดี กรมการพิเศษ ผู้แทนตำบล ศึกษาธิการจังหวัด และโรงเรียนต่าง ๆ รวมทั้งประชาชนได้ร่วมกันจัดงาน
.
พ.ศ. ๒๔๘๒ คณะกรมการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มอบให้เทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช เป็นผู้จัดงานเดือนสิบ เพื่อนำรายได้จากการจัดงานไปบำรุงเทศบาล สาธารณสถานและโบราณสถานในเมืองนครศรีธรรมราช
.
พ.ศ. ๒๔๘๗ - ๒๔๘๘ งดจัดงานเพราะกำลังอยู่ในระยะสงครามมหาเอเชียบูรพา
.
พ.ศ. ๒๕๐๕ คณะกรมการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับเป็นผู้จัดงานเดือนสิบเอง ครั้งนี้ นายสันต์ เอกมหาชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ หลังจากนั้นก็ได้จัดงานเดือนสิบติดต่อกันเรื่อยมา โดยร่วมมือกับเทศบาลเมืองและหน่วยงานต่าง ๆ ภายในจังหวัด
.
ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๕ - ๒๕๑๑ จังหวัดได้นำเงินรายได้จากการจัดงานเดือนสิบไปใช้ในกิจการสาธารณประโยชน์หลายประการ เช่น สร้างฌาปนสถานวัดชะเมา กำแพงรอบศาลากลางจังหวัด กำแพงและรั้วสนามหน้าเมือง และพระบรมราชานุสรณ์รัชกาลที่ ๕ ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ สนามหน้าเมือง เป็นต้น
.
พ.ศ. ๒๕๑๒ - ๒๕๑๔ นายพันธุ์ สายตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับคณะกรรมการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงานเดือนสิบขึ้น เพื่อรักษาประเพณีและหารายได้ไปจัดตั้งเป็นทุนมูลนิธิขึ้น ปรากฏว่ามีรายได้จากการจัดงานเดือนสิบ จำนวน ๗๐๐,๐๐๐ บาท รวมกับเงินที่มีผู้บริจาคร่วมอีก ๑๗๐,๐๐๐ บาท เป็นเงิน ๘๗๐,๐๐๐ บาท จัดตั้งเป็นมูลนิธิชื่อว่า “มูลนิธิงานเดือนสิบสงเคราะห์การศึกษา” มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการศึกษาในจังหวัดนครศรีธรรมราชทุกระดับชั้นที่มีอยู่ในขณะนั้น
.
พ.ศ. ๒๕๑๖ นายคล้าย จิตพิทักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดคนต่อมา ก็ดำเนินการจัดงานเดือนสิบ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะฟื้นฟู และรักษาขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรม เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งไปสมทบมูลนิธิงานเดือนสิบสงเคราะห์การศึกษา การจัดงานในปีนี้ ได้จัดให้มีการประกวดหมรับนอกเหนือจากการจัดกิจกรรมด้านอื่นๆ ปรากฏว่าสามารถนำรายได้จากการจัดงาน ๑๓๐,๐๐๐ บาท ไปสมทบทุนมูลนิธิงานเดือนสิบสงเคราะห์การศึกษา ทุนจึงเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งล้านบาท จังหวัดได้ขออนุมัติจดทะเบียนต่อกระทรวงมหาดไทย และเปลี่ยนชื่อมูลนิธิเป็น “มูลนิธิส่งเสริมการศึกษาจังหวัดนครศรีธรรมราช” ในเวลาต่อมา
.
พ.ศ. ๒๕๑๘ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดงานเดือนสิบ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะรักษาไว้ซึ่งประเพณีและเพื่อหารายได้บำรุง หรือใช้จ่ายในกิจการอันเป็นสาธารณประโยชน์ของจังหวัด ปรากฎว่าในปีนี้สามารถจัดสรรเงินรายได้จากการจัดงาน ไปก่อสร้างโรงเรียนประชาบาลสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด จำนวน ๕ โรง โรงละ ๑๕๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๗๕๐,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย