Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่ารัฐฉาน ล้านนา ล้านช้างและสยามประเทศ
•
ติดตาม
14 ก.ย. 2020 เวลา 09:17 • ประวัติศาสตร์
เมืองสิงห์ (ลาว: ເມືອງສີງ) เป็นเมืองที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทลื้อ เพราะอยู่ใกล้สิบสองปันนาในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ชาวไทลื้ออาศัยในพื้นที่ลุ่ม ส่วนบนเขตภูเขาเป็นที่อยู่ของชาวม้ง ชาวเย้า แต่เดิมเป็นเมืองเดียวกับเมืองเชียงแขง ในรัฐฉาน ประเทศพม่า แต่เมื่ออังกฤษและฝรั่งเศสเข้ามาล่าอาณานิคม ได้ตกลงแบ่งดินแดนกันโดยใช้แม่น้ำโขงเป็นแดน ฝั่งเชียงแขงจึงอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ และรัฐฉานของพม่าในที่สุด ส่วนฝั่งเมืองสิงห์อยู่ในการปกครองของฝรั่งเศส และประเทศลาวในปัจจุบันในวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1896 กองทัพของฝรั่งเศสนำโดย M. vacle ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับชาการหัวเมืองลาวภาคเหนือ และผู้แทนของจักรวรรดิอังกฤษ ภายใต้การนำของ Mr.Stirling ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้กำกับรัฐฉาน ได้พบปะกันในเมืองสิงห์ เพื่อพูดคุยเรื่องสนธิสัญญาอังกฤษ-ฝรั่งเศสที่จัดขึ้นในกรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 15 มกราคม ค.ศ. 1896 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสถานภาพของรัฐเจ้าฟ้าไทลื้อขนาดเล็ก หลังจากนั้น มีการระบุเขตแดนริมฝั่งแม่น้ำโขงระหว่างอังกฤษและพม่ากับฝรั่งเศสและอินโดจีน ในวันที่ 11 พฤษภาคม กองกำลังอังกฤษที่ได้ประจำการอยู่ในเมืองสิงห์ตั้งแต่เดือนเมษายน ค.ศ. 1895 นั้นก็ได้ถอนกองกำลังออกไป หลังจากนั้นเพียง 2 อาทิตย์ เจ้าฟ้าสาลีหน่อก็ได้กลับมาจากเมืองหลวงน้ำทา ซึ่งเจ้าฟ้าได้ไปลี้ภัยในระหว่างที่อังกฤษเข้ามายึดครองเมืองสิงห์ เจ้าฟ้าสาลีหน่อได้เป็นเจ้าฟ้าเมืองสิงห์อีกครั้งหนึ่งภายใต้อำนาจของฝรั่งเศส เจ้าฟ้ารู้สึกเสียใจกับดินแดนที่ลดหายไปเกือบครึ่งหนึ่ง เพราะว่าเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำโขงฝั่งขวานั้น เช่น เมืองเชียงลาบ เมืองยู้ และเมืองหลวย ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าทั้งสองเมืองนั้นได้ตกไปเป็นของอังกฤษเสียแล้ว
สอง(สาม)ฝ่ายฟ้า นคราสองฝั่งโขง
เมื่อเอ่ยถึงนครรัฐเจ้าฟ้า หลายท่านมักคุ้นชินกับชื่อ รัฐฉาน เชียงตุง หรือเชียงรุ่ง ทว่ามีนครรัฐอีกแห่งหนึ่งที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ไม่แพ้กันคือ นครเชียงแขง
นครเชียงแขง เป็นรัฐไทลื้อ ปรัมปราเรื่องเล่ากล่าวถึงต้นกำเนิดเมืองเชียงแขงไว้ว่า เจ้าชายไทลื้อแห่งสิบสองปันนา ถูกขับออกจากเมือง ล่องแพตามกระแสลำโขงลงมาพร้อมบริวาร ระหว่างทางทอดพระเนตรเห็นเสือขาววิ่งไล่เนื้อทรายขึ้นลงตามตลิ่งโขง ดำริเห็นเป็นมงคลชัยภูมิ จึงสร้างบ้านแปลงเมืองขึ้นใหม่ ณ ที่นั้นให้ชื่อว่า เวียงเชียงแขง
เฉกเช่นนครรัฐน้อยๆทั่วไป เวียงเชียงแขง ตกอยู่ใต้อำนาจของอาณาจักรที่ทรงอิทธิพลกว่ารอบข้าง อย่างจีน พม่า และสยาม บางคราวส่งบรรณาการเพียงหนึ่ง บางคราวส่งบรรณาการถึงสอง(หรืออาจสาม)อาณาจักร ดังในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 แม้เชียงแขงจะส่งส่วยพม่า แต่ก็ยังรับยศจีน จนเป็นที่มาของคำกล่าว “จีนเป็นพ่อ พม่าเป็นแม่”
ครั้นถึงยุคล่าอาณานิคม หลังการสวรรคตของพระเจ้าธรรมราชามินดง ราชสำนักพม่าเริ่มอ่อนแอ เจ้าฟ้าสะหรีหน่อคำ แห่งเชียงแขง เลิกส่งส่วย อพยพผู้คนข้ามลำโขงไปตั้งธานีใหม่ที่ เมืองสิงห์ (แขวงหลวงน้ำทา-ประเทศลาว ในปัจจุบบัน) ซึ่งขณะนั้นอยู่ในขอบขัณฑสีมาสยาม โดยใช้ชื่อเมืองเชียงแขงและยังคงอำนาจเหนือเมืองบริวารที่ฝั่งซ้ายไว้ดังเดิม
ความทราบถึงพระเนตรพระกรรณพระพุทธเจ้าหลวง ก็มิได้ทรงขัดขวาง โปรดให้พระเจ้าน่านไปบอกกล่าว ว่าเป็นดินแดนของสยาม แต่นั้นมาเจ้าฟ้าสะหรีหน่อคำ จึงยอมทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา และส่งบรรณาการแก่สยาม
หลังจากที่สามารถยึดพม่าและรัฐฉานไว้แล้ว อังกฤษได้อ้างสิทธิเหนือดินแดนเชียงแขงจากสยาม ตั้งคณะกรรมาธิการร่วมปักปันเขตแดนใหม่ เชียงแขงตกไปเป็นของอังกฤษกลับมาเป็นของสยาม วกไปวนมายังไม่ทันสรุป มือที่สามอย่างฝรั่งเศสก็เข้าสวมรอย เปิดกรณีพิพาท ร.ศ. 112 ยึดดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงจากสยาม ตั้งโต๊ะปาดเค้กเชียงแขงกับอังกฤษใหม่ โดยใช้น้ำโขงเป็นพรมแดน
ในบำรุงของฝรั่งเศส เวียงเชียงแขง หรือสถานะล่าสุดคือ เมืองสิงห์ เป็นแค่เมืองเล็กๆส่วนหนึ่งของแขวงหลวงน้ำทา แห่งอาณานิคมลาว ในขณะที่ระบอบเจ้าฟ้ายังคงอยู่มาได้จนถึงปี 1916 เมื่อ เจ้าฟ้าองค์คำ (โอรสในเจ้าฟ้าสะหรีหน่อคำ) ถูกฝรั่งเศสปลดออกจากฐานันดรในข้อหานักโทษการเมือง เสด็จลี้ภัยไปสิบสองปันนา จึงเป็นการสิ้นสุดระบอบเจ้าฟ้านับแต่นั้น
ภาพเก่าลงสี : เจ้าฟ้าสะหรีหน่อคำ เจ้าฟ้าแห่งเชียงแขง-เมืองสิงห์ ในฉลองพระองค์แมนจู พร้อมสมาชิกพระราชวงศ์ลื้อ ฉายที่หน้าหอคำเมืองสิงห์ คัดลอกมาจาก #เพจเรื่องเล่าชาวล้านนา
1 บันทึก
3
1
1
1
3
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย