15 ก.ย. 2020 เวลา 05:49 • ความคิดเห็น
เป็นตัวของตัวเองได้ ถ้าเราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
นานมาแล้วได้มีโอกาสได้ดูซีรีย์LGBT เรื่องหนึ่ง บอกชื่อไปหลายคนน่าจะรู้จักดี
"sotus พี่ว้ากตัวร้าย กับนายปีหนึ่ง' เราไม่ได้มารีวิวแต่อย่างใด เราเพียงมีฉากหนึ่งที่ประทับใจ เป็นคำพูดของก้องภพ ที่พูดกับพี่อาทิตย์นั่นเอง
เป็นฉากที่ทั้งคู่คบกันมาได้สักพักหนึ่ง แต่พี่อาทิตย์กลับไม่กล้าแสดงออก เปิดเผยตัวตนว่าชอบผู้ชาย ในที่ทำงานอาทิตย์จะแสดงออกเป็นพี่น้องปกติกับก้องภพ แต่จะเปิดเผยกับเพื่อนหรือคนสนิทเท่านั้น
และมันก็มีฉากหนึ่งที่ก้องภพพูดกับพี่อาทิตย์ว่า
"เราสามารถเป็นตัวของตัวเองที่ไหนก็ได้ ถ้าเราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด"
คำพูดเนื้อหามันประมาณนี้ แต่กิ๊ฟจำคำพูดจริงๆไม่ได้
กิ๊ฟว่ามันเป็นไฮไลท์ ประเด็นที่ต้องการจะสื่อของซีรีย์เรื่องนี้เลย
ในสังคมเมื่อเรามีความแตกต่าง ตัวตนเราเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ สิ่งที่เราทำคือหลีกเลี่ยง ปิดเอาไว้ เพราะเราไม่ต้องการเป็นเป้าสายตา เป็นที่ถูกพูดถึง
มันคือการสร้างความปลอดภัยให้ตัวเองจากปัญหาที่เราคิดว่าอาจตามมาทีหลังได้
ยิ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ยอมรับ และถึงแม้ครั้งนี้เราจะยอมรับตัวตน ความชอบของเราที่เป็นอยู่นี้ได้ แต่ในความคิดเรา มันคือสิ่งที่สังคมยังตั้งคำถาม ยังแสดงความคิดเห็นกันอยู่
มันคือความรู้สึกอึดอัดใจ ไม่สบายใจ ทำตัวไม่ถูก เราไม่รู้จะวางตัวอย่างไร แสดงออกแบบไหน
ในทุกสังคมที่มีเพื่อนร่วมสังคมมาจากหลายที่ มีหลายความคิด มีหลายตัวตน หลายความชอบ เราต่างปรับตัวเพื้่อให้อยู่ร่วมกันในสังคมนี้ได้ แต่ในทางตรงกันข้าม สิ่งที่เราทำมันมากกว่าการปรับตัวหรือเปล่า
มันคือการเปลี่ยนแปลงตัวตนที่เราเคยเป็น
มันคือการปกปิดความชอบ ความเชื่อที่เรายึดถือ
สุดท้ายแล้วมันไม่ได้ถูกกำหนดว่าเราต้องเป็นใครถึงอยู่ในสังคมแบบไหนได้
ทุกสิ่งที่เราเป็น ไม่ว่าจะตัวตน ความเชื่อ ความชอบ ทุกอย่างมันคือความเฉพาะที่มีในตัวบุคคลและมันคือความแตกต่าง ซึ่งความแตกต่างของบุคคลมันคือเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
ไม่ว่าเราจะเป็นเกย์ เลสเบี้ยน ทอม หรือคำนิยามทางเพศใดๆที่สังคมตั้งขึ้นมา สุดท้ายแล้วเราก็เป็นแค่ผู้หญิงหรือผู้ชาย ซึ่งการที่เราจะชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่งตัวแบบไหน มันก็คือความชอบ เป็นรสนิยมของเรา
เราต่างมีหน้าที่ เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมไปข้างหน้า
ในซีรีย์เอง อาทิตย์มีหน้าที่งานในบริษัทที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งหากเขาทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดีที่สุด ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ชอบอะไร สุดท้ายมันก็เรื่องส่วนตัวของเขา
สิ่งที่เราควรปลูกฝังไม่ใช่การเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เข้ากับสังคมหนึ่งได้ แต่คือการให้ความเคารพในพื่นที่ส่วนตัวของคนในสังคม และให้ความสนใจที่หน้าที่ความรับผิดชอบของเขาเหล่านั้น
ว่ากันว่าคนเราไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่คนเราไม่ชอบมากที่สุดคือ การเปลี่ยนที่ทำงานใหม่
การเปลี่ยนงานใหม่ มีสิ่งทีเราต้องเจอหลักๆแล้ว คือ ลักษณะงาน และ ลักษณะเพื่อนร่วมงาน
และสิ่งที่คนเราหนักใจมากที่สุด คือการปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่การปรับตัวเข้ากับงาน เราอาจเคยได้ยินคำพูดที่ว่า "เหนื่อยคนมากกว่าเหนื่อยงาน"
ความจริงแล้ว ถ้าเราคิดแบบนั้นแสดงว่าเรากำลังโฟกัสผิดจุด
การปรับตัวเข้ากับคน มันไม่ใช่เรื่องที่เราต้องหนักใจขนาดนั้น สิ่งที่เราต้องปรับมันมีแค่เรื่องที่เกี่ยวกับงาน คือ การทำงานร่วมกับคนประเภทต่างๆ มันเป็นเรื่องของจิตวิทยาที่ว่าการเข้าหา การมอบหมายงาน การสื่อสาร กับคนประเภทต่างๆด้วยแนวคิดวิธีที่ต่างๆกัน แบบไหนจะได้ผลลัพท์ที่ดีที่สุด
แต่ความเป็นจริงๆ ในความเห็นส่วนตัวกิ๊ฟ เราก็ไม่จำเป็นต้องรู้ขนาดนั้นก็ได้ เพราะการทำงานร่วมกับคนอื่น มันก็มีสิ่งที่ควรกับไม่ควรปฏิบัติอยู่แล้ว
สิ่งที่เราควรจะเครียดเมื่อมีการเปลี่ยนที่ทำงานใหม่คือ ลักษณะงาน ทำยังไงเราถึงทำงานให้ดีที่สุด ให้สมบูรณ์ที่สุด
ทำงานของเราให้ดีที่สุด ปฏิบัติต่อกันเหมือนที่มนุษย์ทั่วไปควรปฏิบัติต่อกัน
คือให้เกียรติ์ มีน้ำใจ และจริงใจ
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่คาดเดาได้ยาก เปลี่ยนแปลง และแตกต่าง การพยายามปรับตัวเพื่อให้เจากับกลุ่มคนในสังคมหนึ่งเป็นสิ่งที่้เราทำได้ยาก เพราะมันไม่เคยหยุดนิ่ง และมันไม่มีอะไรตายตัวว่าเราต้องทำตัวแบบไหน
กิ๊ฟคิดว่าความแตกต่างจากเพื่อนมนุษย์ในสังึมเป็นเรื่องที่น่าสนุกที่เราจะได้เรียนรู้ด้วยซ้ำ เป็นตัวของตัวเอง เว้นพื้นที่ส่วนตัวให้อีกฝ่าย
เรามีพื้นที่ส่วนรวม เป็นพื้นที่ของการทำงานร่วมกันที่ต้องปรับตัว และต่างฝ่ายต่างก็มีพื้นที่ส่วนตัว ที่ไม่ควรมีใครที่ไม่สนิทหรือไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปล่วงเกิน
"เราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ ไม่ว่าอยู่ในสังคมใหนก็ตาม เพียงแค่เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด"
โฆษณา