4 พ.ย. 2020 เวลา 05:38 • อาหาร
หุงข้าวอย่างไรให้อร่อย
2
เหมือนจะเป็นเรื่องง่ายๆ แค่ซาว เทน้ำใส่และนำไปหุง
แต่มีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น
ภาพจาก http://pimpachara.blogspot.com/2017/03/6_24.html
ข้าวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
เริ่มต้นกันตั้งแต่เลือกข้าวสาร ให้เหมาะกับอาหารที่เราจะทำ
เช่น ข้าวบาสมาติ เหมาะที่จะกินกับแกง, ข้าวหอมมะลิใหม่เหมาะจะทำข้าวต้ม หรือข้าวเก่าเหมาะที่จะนำไปทำข้าวผัด (แต่ถ้าหากมีฝีมือจริงๆ เตาไฟแรง ก็นำข้าวใหม่ไปผัดได้ไม่เละ รสชาติออกมาย่อมดีกว่า)
korin.com
ข้าวนีงาตะ หุงเป็นข้าวสวยก็อร่อย นำไปทำข้าวปั้นก็เหมาะ
ส่วนข้าวไทยที่แนะนำที่หาซื้อได้ ของไทยก็อยากให้ลองยี่ห้อไดโนเสาร์
ภาพจาก https://shopee.co.th/
การซาวข้าว
หากว่ามีเงินเหลือเยอะ อยากให้ลองซาวน้ำแรกกับน้ำแร่แช่เย็น
ล้างสิ่งสกปรกออกอย่างรวดเร็ว เนื่องจากในการล้างข้าวรอบแรกนั้น
ข้าวสารจะดูดซับทั้งรสชาติ ความสกปรกและกลิ่นรำ ส่งผลให้หุงสุกแล้วสีจะไม่สวยและมีกลิ่นเหม็นสาป ส่วนการซาว ก็ให้ซาวแบบวิธีพนมมือ เพราะจะช่วยขัดสิ่งสกปรกออกได้ดีกว่า
ทั้งยังช่วยไม่ให้เมล็ดข้าวแตกหักเสียหาย อีกทั้งยังป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกที่ละลายออกไปในน้ำถูกดูดกลับเข้ามาในเมล็ดข้าว
4
สำหรับข้าวสวยทั่วไปล้างเพียงแค่สองถึงสามรอบก็เพียงพอแล้ว แต่หากเป็นข้าวที่จะนำไปทำซูชิหรือข้าวเหนียวมูลนั้นต้องซาวจนกว่าน้ำจะใส
4
หลังจากซาว ให้แช่น้ำเย็นทิ้งไว้15-20นาที แล้วค่อยนำไปหุง
ที่แช่ทิ้งไว้เพื่อให้ข้าวออกมาสุกสวยเรียงตัวกัน ป้องกันไม่ให้ดิบหรือสุกเละเกิน
ส่วนการแช่น้ำเย็น เพื่อให้ข้าวสุกออกมาเรียงตัวไปในทิศทางเดียวกันโดยดึงความหวานและรสชาติออกมา
เมื่อหุงสุก ข้าวจะฟูมีความมันวาวขาวน่ากิน หรือหากกะปริมาณน้ำได้เก่ง ก็ลองใส่น้ำแข็งลงไปก่อนหุงดูก็ได้ เพื่อให้ข้าวดูดน้ำได้เต็มที่เวลาหุง ข้าวจะได้รับความร้อนเท่ากันจะได้สุกทั่วเท่ากันทุกเมล็ด
4
หรือหากอยากให้ข้าวมันวาวและหวานยิ่งขึ้น ลองใส่หอมหัวใหญ่ลงไปซักนิด
1
ภาพจาก http://pimpachara.blogspot.com/2017/03/6_24.html
แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้
หุงขั้นเทพทั้งที ต้องมีหม้ออุ่นข้าว
เพราะหม้อหุงข้าวโดยฌแพาะจริงๆ ต่อให้ดียังไง ใส่ข้าวไว้นานๆ รูปรสกลิ่นสีมีเปลี่ยน
จึงต้องมีหม้อที่เอาไว้อุ่นข้าวสวยโดยเฉพาะ
นอกจากคงสภาพข้าวให้เหมือนหุงสุกใหม่ๆ ยังทำให้ข้าวมีกลิ่นหอมและอร่อยขึ้นอีกด้วย
จากภาพ จะมีหม้อที่เอาไว้อุ่น โดยด้านในจะต้องใส่ไม้ชนิดพิเศษลงไปเพื่อสร้างกลิ่น
ถ้าได้ลองกินละลืมหม้อที่บ้านไปเลย
1
korin.com
ส่วนที่ข้าวซูชินั้นมีรสเปรี้ยว
นั่นก็เพราะว่า สมัยก่อนยังไม่มีตู้เย็น คนทั่วไปหากไม่ได้อยู่ติดทะเล ย่อมไม่มีโอกาสได้ทานปลา จึงเกิดการหมักปลาด้วยเกลือ, น้ำส้มหรือซีอิ๊ว
ส่วนตัวข้าวเองนั้น เมื่อได้รับน้ำส้มจากการหมักปลา จึงพัฒนาต่อมาเป็นข้าวคลุกน้ำส้ม
และปลาสดแทนปลาหมัก ซูชิในช่วงแรกๆนั้น นิยมทำเป็นแบบโอชิชูซิ คือการนำข้าวกับปลามาอัดในพิมพ์
ส่วนที่นำน้ำส้มมาผสมในข้าว ของจากเหตุผลเพื่อถนอมอาหารแล้ว
ที่ข้าวซูชิต้องเปรี้ยวนั้นก็เพื่อให้ลดความคาวและดึงรสของปลาออกมาให้เด่นชัด
อีกทั้งยังช่วยฆ่าเชื้อโรคบางชนิดที่มาจากการทานปลาดิบๆ
1
ทราบหรือไม่ว่า ข้าวซูชิมีน้ำตาลมากแค่ไหน
อยากให้ลองนึกถึงน้ำส้มชายชู ลองนึกภาพว่า ถ้าซดเปล่าๆเลย
แม้จะแค่ช้อนชาเดียว จะเปรี้ยวเข็ดฟันขนาดไหน
1
แต่ที่เราๆเห็นกัน หุงข้าวซูชิเสร็จเทน้ำส้มลงไปเยอะๆขนาดนั้น
ที่ไม่ได้เปรี้ยวขนาดนั้นก็เป็นเพราะ ใส่เกลือลงไปเยอะและใส่น้ำตาลลงไปเยอะมาก
เพื่อให้ได้รสน้ำส้มที่กลมกล่อมไม่บาดปาดขมคอ
2
สูตรส่วนใหญ่ก็จะประมาณนี้ บวกลบน้ำตาลไม่มากเท่าไหร่
น้ำส้มไม่ถึงสองลิตร แต่น้ำตาลล่อไปโลครึ่ง-สองกิโล
ไม่อย่างงั้นแล้วข้าวจะเปรี้ยวจนกินไม่ได้เลย
โฆษณา