16 ก.ย. 2020 เวลา 02:17 • สุขภาพ
สัมผัสผ่านเพื่อนและคนรอบตัว หลายคนเครียดและไม่สบายใจทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัวจนกระทั่งแสดงเป็นอาการทางกาย เช่น นอนไม่หลับ ไม่สบาย โลกหมุน หรือโกรธเกรี้ยว ทำให้รู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่ 'ไม่ง่าย' สำหรับหลายคน ทั้งในแง่การงาน การเงิน รวมถึงความคาดหวังที่แบกไว้บนบ่า จึงอยากชวนทบทวนถึงสิ่งที่อยู่ในใจและในชีวิตประจำวันกันเล็กน้อยครับ
4 ลด
---
1
ลดความคาดหวังที่ตั้งไว้กับตัวเอง
เราอยู่ในยุคสมัยที่หลายคนตั้งความคาดหวังกับตัวเองสูงมาก จึงพยายามกดดันให้ทำสิ่งที่คาดให้สำเร็จ บ่อยครั้งที่เราเร่งความเร็วเสียจนกายใจถูกเผาไหม้ไปด้วย ทั้งที่ความคาดหวังนั้นอาจไม่จำเป็นต้อง 'สูง' หรือ 'เร็ว' ขนาดนั้น หากลดระดับลงและช้าลงได้บ้างอาจลดน้ำหนักในใจลง
...
2
ลดความคาดหวังที่ตั้งไว้กับคนอื่น
ในโจทย์เดียวกัน เราเผลอตั้งความคาดหวังให้คนใกล้ตัว ลูกหลาน พี่น้อง พ่อแม่ กระทั่งเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงาน โดยคาดว่าเขาจะต้องเป็นไปตามที่เราคิด ซึ่งหากสามารถปล่อยวางได้บ้าง ให้เขาได้ทดลองบนเส้นทางของเขา และเรียนรู้ผ่านเส้นทางนั้น อาจไม่เป็นอย่างใจเราเสียทั้งหมด แต่เขาก็จะมีวิธีและวิถีของเขาเอง รอดได้ในแบบเขา ดีในแบบเขา เราก็เบาใจลงเมื่อวางได้บ้าง
...
3
ลดความเข้มงวด เอาเป็นเอาตาย
ต่อเนื่องจากความคาดหวัง ลองสำรวจว่ามีอะไรบ้างช่วงนี้ที่เรา 'เอาเป็นเอาตาย' กับมัน อาจเป็นเรื่องงาน ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย หรือบางสิ่งที่จริงจัง ลองลดทอนลงสัก 20% เผื่อช่องว่างให้มัน 'ไม่ต้องเป็นแบบนั้นก็ได้' ไว้สักนิดให้หายใจ ใจจะผ่อนคลายขึ้น
...
4
ลดความเข้มข้นในเรื่องเดียว
พลังของการโฟกัสก็เหมือนแว่นขยายรวมแสงอาทิตย์ มันรวมความร้อนเผาไหม้กระดาษได้ ในทางกลับกันก็เผาไหม้หัวใจเราได้เช่นกัน ลองเติมส่วนผสมอื่นลงไปในชีวิตบ้าง ถ้าบ้างานมากก็หาเวลาออกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะบ้าง ถ้ารักใครคนหนึ่งมากก็แบ่งความรักให้เพื่อนหรือพ่อแม่บ้างด้วยการแบ่งเวลา ลองสังเกตว่าในโซเชียลมีเดียของตัวเองโพสต์หัวข้อไหนบ่อย เป็นไปได้ว่าเรากำลังหมกมุ่นกับเรื่องนั้น แล้วมันเป็นเรื่องเดียวในชีวิตของเราช่วงนี้เลยหรือเปล่า ถ้าใช่ อาจต้องเติมส่วนผสมอื่นเข้าไปบ้าง
😊😊😊
4 เพิ่ม
---
1
เพิ่มเวลาให้ความสัมพันธ์
ความเครียดและเป็นทุกข์เกิดบ่อยเวลาเราอยู่ตามลำพังและฟุ้งไปกับความคิดทั้งจากอดีตและอนาคต การได้ใช้เวลากับคนที่เราอยากอยู่ด้วย ได้คุย หัวเราะ รับฟัง แบ่งสุขทุกข์จะช่วยผ่อนคลายและเจือจางความคิดและความเครียดลง
...
2
เพิ่มเวลาให้ความเงียบ
แบ่งเวลาอยู่ตามลำพังโดยปราศจากการเล่นโซเชียลมีเดีย อ่านหนังสือเงียบๆ ฟังเพลงที่ชอบ หรือเดินในสวนสาธารณะ (ไม่ต้องวิ่งทำสถิติ) หรือนั่งเล่นในสถานที่เงียบสงบก็ช่วยลดความตึงในชีวิตได้
...
3
เพิ่มเวลานอน
ไม่ได้หมายถึงขี้เกียจ แต่มีวินัยในการนอนมากขึ้นจะส่งผลมหาศาลต่อชีวิต เมื่อร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่เราจะกลายเป็นคนที่ได้ชาร์จพลังเต็มร้อย ถ้านอนก่อนสี่ทุ่มได้จะดีมาก ใครไม่เคยลองอยากชวนให้ลองครับ การนอนดึกทำให้เราเครียดและแก่โดยไม่รู้ตัว สิ่งที่อ่าน ดู ฟังก่อนนอนก็สำคัญ ควรเป็นสิ่งผ่อนคลาย นำไปสู่การผ่อนพักในช่วงเวลาสำคัญของวัน
...
4
เพิ่มเวลาให้กับการไม่ทำอะไร
เราอยู่ในโลกที่เรียกร้องคาดหวังให้เราต้อง 'ทำ' อะไรสักอย่างเสมอ มิฉะนั้นจะกลายเป็นคนไร้ประสิทธิภาพ ไม่ขยัน ไม่สำเร็จ เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้เราทนไม่ได้ที่จะอยู่นิ่งๆ ต้องโพสต์ แชร์ คอมเมนต์ตลอดเวลา การอยู่เฉยๆ กลับกลายเป็นเรื่องยาก นั่นเองที่ทำให้สมองเราคิดไม่หยุด เครียดลึกๆ และกดดันตัวเองทุกวินาที
เมื่อทำงานก็ทำเต็มที่ แต่ในช่วงเวลาที่สามารถอยู่นิ่งได้บ้างก็ควรให้เวลาตัวเองฝึกที่จะ 'ไม่ทำอะไรโดยไม่รู้สึกผิด' เช่น ตอนเลิกงาน พักกลางวันสักห้านาที ตอนโดยสารรถกลับบ้าน หรือวันหยุดสุดสัปดาห์ อาจหาเวลาสัก 10-15 นาที ที่ใช้ฝึกการไม่ทำอะไรโดยไม่รู้สึกแย่กับตัวเอง บางคนอาจทำสมาธิหรือเจริญสติ ฝึกความรู้สึกตัวไปในช่วงนี้ด้วยเลย ยิ่งทำให้เท่าทันความฟุ้งซ่านของตัวเองมากขึ้น ใจยิ่งสงบและเบาขึ้น
...
เราใช้งานร่างกายและจิตใจ รวมถึงจิตใต้สำนึกหนักหน่วงมาก หากไม่ให้เวลาทบทวนและปรับเปลี่ยนย่อมเสี่ยงที่จะชำรุดทรุดโทรม ขออนุญาตแบ่งปัน '4 ลด 4 เพิ่ม' ให้ลองใคร่ครวญกันดูครับ หากเพื่อนๆ มีอะไรแนะนำให้ลองลดหรือเพิ่มก็แนะนำกันได้นะครับ ผมจะลองหยิบยืมไปปฏิบัติบ้างครับ
อยากมีชีวิตที่มีความสุข ร่างกายที่แข็งแรง และใจที่เบาครับ
#นิ้วกลม
#Roundfinger
---
โฆษณา