Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ไปทัวร์ไทย Pai Tour Thai
•
ติดตาม
16 ก.ย. 2020 เวลา 14:44 • ท่องเที่ยว
“ไปเที่ยวสิงห์บุรีมีอะไรให้ดู” ของดีสิงห์บุรีที่ไม่ค่อยมีใครรู้ เราจะพาไป
เป็นคำถามที่ได้ยินเสมอเมื่อจะไปสิงห์บุรี แม้แต่คนสิงห์บุรีเองก็ตั้งคำถามนี้ #ไปทัวร์ไทย จะพาไป #ReviewSingBuri #ReviewThailand ณ จังหวัด #สิงห์บุรี #SingBuri
ผมคนหนึ่งล่ะที่ชอบไปเยือนจังหวัดนี้ จังหวัดที่หลายคนบอกว่าไม่มีอะไร แต่ผมยืนยันว่าที่นี่มีหลายอย่างน่าไปสัมผัสเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นวิถีผู้คน สถาปัตยกรรมเก่าแก่ ร้านกาแฟน่านั่ง วัดวาอาราม หรือแม้แต่ตลาดก็น่าเดินชม
ผมเลือกการเดินทางด้วยรถตู้โดยสาร ราคา 120 บาท จากหมอชิตสู่จังหวัดสิงห์บุรี ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มาถึงสถานีขนส่งประจำจังหวัด
รถตู้โดยสาร เวลาที่ออก ราคา 120 บาท
ก้าวแรกของการเหยียบเมืองสิงห์บุรี คือ....เงียบมาก ไม่ค่อยมีผู้คน รถราก็ไม่เยอะมากมาย เดินสบายๆ ผมเดินออกมาหามื้อเที่ยงบนถนน สายหลักของจังหวัด เจอร้านข้าวขาหมูก๋วยเตี๋ยวชื่อ “ร้านข้าวขาหมูอาชีพก๋ง” รสชาติหมูกับหนังหอมอร่อยมาก ใครมาเมืองสิงห์ต้องลองมาชิม
ข้าวขาหมูอาชีพก๋ง
จากนั้นผมเดินไปตามถนนศรีพรหมโสภิต เดินไปเรื่อยๆ เลี้ยวเช้าถนนนายจันทร์หนวดเขี้ยว ไปพบกับร้านกาแฟอินดี้ติดร้านตัดผม ชื่อ “ตาสว่างคาเฟ่” ก็ได้ฟินรสชาติกาแฟอเมริกาโน่อันละมุนลิ้น จิบชาไปด้วย อ่านหนังสือไปด้วยสบายอารมณ์ เจ้าของร้านก็เป็นกันเอง เสิร์ฟทั้งน้ำร้อนน้ำเย็น .. ตาสว่างประทับใจกันไป
กาแฟร้านตาสว่างคาเฟ่
ผมเดินออกมาทางถนนวิไลจิตต์ ซึ่งเป็นถนนขนานกับแม่น้ำเจ้าพระยา เดินเรื่อยๆ ผ่านร้านซาลาเปาชื่อดัง ซิกเนเจอร์ที่คนสิงห์บุรีต้องรู้จักชื่อร้าน “แม่สายใจซาลาเปาทูลเกล้า” ของดีเมืองสิงห์บุรี แวะชิมสักลูก..อิ่มอร่อยสมชื่อโฆษณา
เดินมาอีกนิดก็มาถึงเป้าหมายหลักของการมาเมืองสิงห์บุรีในครั้งนี้ นั้นคือ “ศาลากลางสิงห์บุรี” และ “ศาลจังหวัดสิงห์บุรี” หลังเก่า ที่มีความเก่าแก่โบราณ เป็นสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าที่ได้รับการบูรณะให้สวยงามเสมอ
ศาลากลางสิงห์บุรี และ ศาลจังหวัดสิงห์บุรี หลังเก่า
ศาลากลางจังหวัดสิงห์บุรีหลังเดิมสร้างขึ้นเมื่อปีร.ศ.130 (พ.ศ.2454) ถือเป็นกลุ่มอาคารที่เก่าแก่ที่สุดของจังหวัดสิงห์บุรีที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ในยุคที่มีการล่าอาณานิคม หรือที่รู้จักกันดีว่า “ยุคโคโลเนียล”
ศาลากลางสิงห์บุรี
สำหรับลักษณะสถาปัตยกรรมของอาคาร เป็นตึกก่ออิฐถือปูน ชั้นเดียวทรงยุโรป โดยมีจุดเด่นอยู่ที่การเป็นตึกสไตล์บาโรกที่กึ่งกลางอาคารทำเป็นมุขยื่นออกมา ด้านบนของมุขเป็นหน้าบันขนาดใหญ่ที่แตกต่าง จากหน้าบันทั่วไปซึ่งส่วนใหญ่ประดับด้วยลายปูนปั้น
ศาลากลางสิงห์บุรี
แต่สำหรับอาคารหลังนี้ หน้าบันนั้นเป็นตราอาร์มซึ่งเป็นตราประจำแผ่นดินในสมัยรัชกาลที่ 5 ด้วยความเก่าแก่และมีเอกลักษณ์เช่นนี้เอง กรมศิลปากรจึงได้ขึ้นทะเบียน อาคารหลังนี้เป็นโบราณสถานที่สำคัญของชาติเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2533
ตราอาร์มประจำแผ่นดินในสมัยรัชกาลที่ 5
หน้าบันศาลากลางจังหวัดสิงห์บุรี ร.ศ.130 (บวกด้วย 2324 คือ พ.ศ.2454) คือ ตราแผ่นดินสมัยรัชกาลที่ 5 ปรากฎด้านขวาฉัตรเป็นคชสีห์ ประคองฉัตร หมายถึงข้าราชการฝ่ายกลาโหมซึ่งเป็นใหญ่ทางทหาร ด้านซ้ายของฉัตร เป็นราชสีห์ ประคองฉัตร หมายถึง ข้าราชการฝ่ายมหาดไทย ซึ่งเป็นใหญ่ทางฝ่ายพลเรือน ทั้งสองฝ่ายมีหน้าที่ป้องกันพระราชอาณาจักรและค้ำจุลพระราชบัลลังก์ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ราชสีห์ สัญลักษณ์ของจังหวัดสิงห์บุรียังปรากฏในหน้าบันของศาลากลางจังหวัด
อยู่ข้างกัน เป็นอาคารที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คืออาคารศาลจังหวัดสิงห์บุรี หลังเก่า ใกล้กับศาลากลางจังหวัด (หลังเก่า) สร้างเมื่อ พ.ศ. 2453 (ร.ศ. 129) เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนชั้นเดียว ด้านหน้าตอนบนมีกระจังและตราแผ่นดินสมัยรัชกาลที่ 5 ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นยุโรป ซึ่งร่วมสมัยกับสถาปัตยกรรมที่เมืองฉะเชิงเทรา เมืองกรุงเก่า เมืองอ่างทอง และเมืองสิงห์บุรี ซึ่งกรมศิลปากรได้บูรณะและประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2532
ศาลจังหวัดสิงห์บุรี หลังเก่า
ปัจจุบันศาลากลางหลังเก่า และศาลจังหวัด เป็นสถานที่จัดงาน "ถนนคนเดิน ร.ศ.130 สิงห์บุรี” ซึ่งจัดเป็นถนนคนเดินแห่งแรกของจังหวัดสิงห์บุรี จัดขึ้นเป็นประจำในวันศุกร์แรกของทุกเดือน บรรยากาศเป็นงานย้อนยุคแบบไทย ๆ ของคนสิงห์บุรี เพื่ออนุรักษ์ประเพณีไทย โดยการเชิญชวนให้พ่อค้าแม่ค้า และผู้มาเยี่ยมชมให้แต่งชุดไทย เน้นอาหาร ภาชนะที่ใช้แบบย้อนยุค พร้อมชมการแสดงศิลปะและวัฒนธรรมของจังหวัดสิงห์บุรี
จากศาลากลางหลังเก่า ผมเดินเลาะมาทางด้านหลัง ก็เจอกับร้านอาหาร กาแฟ และของหวานที่คนสิงห์บุรีรู้จักกันดี คือร้าน “หวานหัวทิ่ม” หรือ ICE HOUSE Café สิงห์บุรี ชิมขนมหวาน Honey Toast และบลูเบอร์รี่โซดา รสชาติดีทีเดียว หากใครมาแถวนี้แนะนำให้แวะมาชิม
ร้านหวานหัวทิ่ม
วันต่อมาเราตั้งใจไปวัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร เพื่อสักการะพระพุทธรูปปางไสยาสน์ จุดหมายสุดท้ายของทริปนี้
พระพุทธรูปปางไสยาสน์วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร
วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ในตำบลจักรสีห์ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี ไม่ปรากฎหลักฐานว่าสร้างตั้งแต่เมื่อใด แต่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี โดยตามพงศาวดารระบุว่าในปี พ.ศ. 2297 พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา ได้เสด็จมานมัสการและซ่อมแซมองค์พระ โดยได้สร้างพระวิหาร พระอุโบสถ และเสนาสนะต่างๆ ขึ้นใหม่ ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จมานมัสการ และทรงบูรณะปฏิสังขรปูชนียวัตถุต่างๆ
วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร
ภายในวัดพระนอนจักรสีห์วรวิหารมีวิหาร สถานที่ประดิษฐานพระนอนจักรสีห์ พระพุทธรูปไสยาสน์หรือพระนอนขนาดใหญ่ ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย พระนอนจักรสีห์ เป็นพระพุทธรูปสุโขทัยที่มีความอ่อนช้อยงดงามมาก ยาว 47 เมตร 42 เซนติเมตร มีลักษณะพระพักตร์ หันไปทางทิศเหนือ พระเศียรหันไปทางทิศตะวันออก
นอกจากนี้ภายในพระวิหารยังมีพระพุทธรูป สิ่งสักการะ และวัตถุโบราณอีกจำนวนมากรายล้อมพระนอนจักรสีห์ สามารถเดินชมได้อย่างใกล้ชิด แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าห้ามแตะต้องเป็นอันขาด เรียกว่าดูแต่ตาได้ถ่ายรูปได้เท่านั้น
วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร
บริเวณหน้าวัดยังเป็นที่ตั้งของพุทธมณฑลจังหวัดสิงห์บุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางของการประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา
พุทธมณฑลจังหวัดสิงห์บุรี
ภายในวัดพระนอนฯ. ยังมี ”ตลาดต้องชม”
ตลาดต้องชม
ตลาดที่ชาวบ้านและ คนในชุมชนนำสินค้าที่ผลิตเอง เช่นพืชผัก ผลไม้ น้ำพริก ผลิตภัณฑ์ปลาร้าที่ขึ้นชื่อของจังหวัด สินค้า OTOP ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน เสื้อผ้าสำเร็จรูป กระเป๋าถือ และของใช้ต่าง ๆ นำมาจำหน่ายในราคาเป็นธรรม น้ำหนักเที่ยงตรง เปิดจำหน่ายเป็นประจำทุกวัน
ตลาดต้องชม
มาตลาดต้องชมทั้งที ต้องไม่พลาด "ก๋วยเตี๋ยวกะลา" ก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าอร่อย ที่มีผักเครื่องเคียงแบบไม่อั้น กินจุกๆกันไปเลย ร้านอยู่ท้ายตลาดติดกับบ่อน้ำตลาดน้ำเก่า แนะนำให้ไปลองชิม
ก๋วยเตี๋ยวกะลา
การเดินทางไปจังหวัดสิงห์บุรี เมื่อถึงสิงห์บุรีแล้ว หากไม่มีรถส่วนตัวจะมีรถสามล้อเครื่องและมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ไปยังสถานที่ต่างๆ ก็สามารถต่อรองราคากันได้ตามสะดวก
บขส.สิงห์บุรี
1.โดยรถยนต์
จากกรุงเทพ ฯ สามารถไปได้ 3 เส้นทาง คือ
- จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) ผ่านอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดอ่างทอง จนถึงตัวเมืองจังหวัดสิงห์บุรี
- จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่านอำเภอวังน้อย อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี จังหวัดลพบุรี แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 311 ผ่านอำเภอท่าวุ้ง เข้าสู่จังหวัดสิงห์บุรี
- จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ถึงอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เลี้ยวซ้ายเข้า เส้นทางหมายเลข 309 ผ่านจังหวัดอ่างทอง ไปจนถึงจังหวัดสิงห์บุรี
2.รถโดยสาร
-มีรถประจำทางปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-สิงห์บุรี ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ หมอชิต 2 ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวัน วันละหลายเที่ยว
-รถตู้โดยสาร ราคา 120 บาท มีวันละหลายเที่ยว ที่ท่ารถโดยสารขนาดเล็กหมอชิค ขากลับส่งที่สถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต
ขอบคุณข้อมูล : สำนักงานจังหวัดสิงห์บุรี , สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสิงห์บุรี
บันทึก
1
4
2
1
4
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย