17 ก.ย. 2020 เวลา 07:42 • การเกษตร
วัฒนธรรมของผู้บุกรุกกับผู้ถูกไล่ล่า ตอน:สงคราม แหล่งอาหาร
"อาหารคือสิ่งจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตผิวบนโลกใบนี้"
คำกล่าวนี้ การกินคือการดำรงชีพ ในอดีตกาลวัฒนธรรมการกินของเผ่าชนแตกต่างกันไปตามแหล่งที่อยู่อาศัยหรือพื้นเพเดิมของถิ่นที่อยู่ของมนุษย์กลุ่มชนนั้น มนุษย์ที่อยู่ใกล้ทะเล แม่น้ำ ลำคลอง ก็จะหาอาหารจากสัตว์น้ำมาเป็นอาหาร
มนุษย์ที่อยู่บนขุนเขาป่าดงดิบ ก็จะเสาะหาอาหารจากสัตว์ป่านานาชนิดด้วยการล่าสัตว์มาเป็นอาหาร
บรรดาสัตว์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นสัตว์น้ำสัตว์บนบกต่างก็หาอาหารตามความชอบแต่สายพันธุ์ เช่นปลานั้นก็แยกแยะออกเป็นสัตว์จำพวกกินเนื้อสัตว์และสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหาร ทั้งสัตว์น้ำสัตว์บกก็มีการแบ่งแยกชนิดของประเภทของอาหารเช่นกัน
แต่ที่สำคัญมนุษย์นั้นไม่มีการเลือกความชอบทานเหมือนสัตว์ทั้งหลาย มนุษย์คือผู้ล่าและผู้ทำลายสัตว์และทำลายพืชพันธุ์ธัญหารที่มีบนโลกแล้วต่อมาก็เลือกนิยมชอบเลือกประเภทชนิดเนื้อสัตว์ที่ชอบทาน หรือเช่นพวกพืชก็มีการคัดเลือกทานเป็นแต่ละชนิดประเภทไป จนทำให้เกิดการขาดแคลนเมื่อจำนวนประชากร มนุษย์เพิ่มขึ้น ทรัพยากรสัตว์พืชพันธุ์ธัญหารที่มนุษย์แย่งกันกินลดน้อยลงไปๆเรื่อยๆจนขาดแคลนในที่สุด แต่ด้วยมนุษย์นั้นมีมันสมองเป็นเลิศจึงพัฒนาความคิดเลี้ยงปศุสัตว์และฟาร์มพืชผักผลไม้จนกลายเป็นธุรกิจที่มีการแลกเปลี่ยนซื้อขาย ผู้ที่ฉลาดล้ำเลิศก็ประยุกต์ผสมสายพันธุ์สัตว์และพืชที่ตอบสนองมนุษย์ที่ต้องการมากที่สุดในด้านรสชาติและการให้พลังงานธาตุอาหาร และกายภาพที่ตอบสนองความต้องการของตลาดด้านการซื้อขาย จนในที่สุดมนุษย์เพิ่มขีดความสามารถสร้างสัตว์และพืชให้เติบโตเร็วกว่าปกติด้วยการคิดค้นสูตรอาหารพืชและสัตว์ที่ตอบสนองกายภาพของการเจริญเติบโตพืชและสัตว์ประสบความสำเร็จในปลายยุค คศ.19เป็นต้นมา
และได้พัฒนามาเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ฟาร์มปลูกพืชที่ครอบคลุมพื้นที่บนผิวโลกอย่างมหาศาล มนุษย์ต้องตัดไม้ทำลายป่าธรรมชาติเพื่อปลูกข้าวโพดให้เป็นอาหารสัตว์ มนุษย์ต้องขุดสินแร่นำมาผลิตปุ๋ยเคมีมนุษย์ต้องมีกิจกรรมเกี่ยวการกินเป็นหลักบนโลกใบนี้ในร้อยละ60-70%ของกิจกรรมอื่นๆ อาหารเนื้อนมไข่ยารักษาโรคเครื่องนุ่งห่ม รวมถึงเครื่องอำนวยความสะดวกยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องประดับ ล้วนแล้วแต่ บุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติบนโลกใบนี้ที่มนุษย์อาศัยอยู่คือโลกใบนี้นั่นเอง
เมื่อโลกอ่อนแอถูกบุกรุกระบบนิเวศเสียหายย่อมแพ้ต่อภัยธรรมชาติก็เกิดภัยพิบัตินานาชนิดเข้ามาทำลายโลก สิ่งที่ร้ายกาจที่สุดมนุษย์ได้พัฒนาอาวุธยุทธปกรณ์ ระเบิดล้างทำลายที่มีอนุภาพสูงไว้ป้องกันเผ่าพันธุ์ตนเอง อาวุธเครื่องระเบิดต่างๆนั้นมุ่งหวังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างเดี่ยวหาไม มันกับมีวัตถุประสงค์ทำลายล้างทุกสิ่งบนโลกตั้งแต่สิ่งปลูกสร้าง ถิ่นที่อยู่อาศัย ลักษณะกายภาพสิ่งแวดล้อมของผิวโลกให้แปรเปลี่ยนไปในที่สุด
ใน คศ.2019 มนุษย์นั่นเองที่คิดสร้างอาวุธที่ร้ายที่สุดตั่งแต่การมีมนุษย์จุติบนโลกใบนี้ มนุษย์ได้สร้างอาวุธเชื้อไวรัสมาทำลายฆ่าล้างกัน และแพร่เชื้อไปทุกมุมโลก ไวรัสร้ายคูวิด-19ไม่ไช่ไวรัสตัวแรกหรือตัวสุดท้ายที่จะถูกคิดค้นมาทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุยษย์ ตราบใดที่มนุษย์ยังมีการแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชิวิตมาตอบสนองราคะ ทางด้านความยากที่มีการกินเป็นหลัก
ในโลกอนาคต การแสวงหาของกิน คือจุดฉนวนสงครามที่เป็นอันดับต่อไป ในสงครามโลกครั้งที่1ส่วนหนึ่งของการเกิดสงครามก็คือประเทศมหาอำนาจต้องการล่าอาณานิคมเมืองขึ้น เพื่อต้องการ "แผ่ขยายอำนาจ" แต่ในสงครามครั้งที่2 สาเหตุหลักอีกประการหนึ่งที่เกิดสงครามก็คือ ประเทศมหาอำนาจต้องการ" แหล่งทรัพยากรธรรมชาติ" เช่นแหล่งน้ำมัน ทองคำเป็นหลักการต้นๆ และในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศมหาอำนาจนั้นกำลังต้องการรุกรานแหล่งผลิตอาหารให้แก่ประชากรของตนเองต่อไป
เฉ่กเช่นมหาอำนาจจีนทั้งบีบบังคับและหว่านล้อม ประเทศที่กำลังพัฒนาให้ยกพื้นที่ดินให้เช่าทำธุรกิจข้ามชาติโดยการเสนอตัวเป็นผู้เข้ามาพัฒนาเขตเศรษฐกิจต่างๆให้ แท้ที่จริงเป้าหมายคือ การบุกรุกแหล่งอาหารใหม่นั่นเอง.นี่คือเป้าหมายของจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีประชากรจำนวนมากที่ต้องกินบริโภคทรัพยากรอย่างมหาศาล จีนคาดการณ์ไว้ว่าหากในอนาคตจีนเกิดภัยธรรมชาติเกิดขึ้นในประเทศจีน ประชาชนชาวจีนจะมีผลกระทบต่อการขาดแคลนอาหารมากที่สุด จีนนั้นมีเงินมหาศาลก็จริงแต่เมื่อประชากรขาดแคลนไม่มีอาหารกิน จีนสามารถสั่งซื้อข้าวปลาอาหารจากประเทศคู่ค้าแต่ถ้านานาประเทศเกิดภัยพิบัติเหมือนกันประเทศแต่ละประเทศต่างต้องกักตุนสินค้าให้แก่ประชากรตนเองไว้บริโภคก่อนเช่นกัน จึงเกิดปัญหาในอนาคตที่เงินจีนไม่มีค่าใช้ซื้อหาอาหารได้ จีนจึงแผ่ขยายย้ายฐานธุรกิจไปต่างประเทศเพื่อไปเลือกประเทศนอมินี เป็นแหล่งผลิตอาหารขนกลับไปจีนแผ่นดินใหญ่ให้กับประชากรจำนวนมากของจีนที่ต้องบริโภคอาหาร จำนวนมาก เคยมีผู้กล่าวว่าถ้าจำเป็นต้องรบกับจีนเพื่อจะมีชัยชนะจีนให้ได้นั้นง่ายที่สุดคือ รบว่าด้วยเสบียงอาหารเป็นหลัก เพราะจีนมีแหล่งเพาะปลูกที่ในอนาคตเสี่ยงต่อการสูญเสียจากภัยธรรมชาติเข้าทำลายมากสูงสุด จีนมีความเสี่ยงต่อการขาดแคลนอาหารในอนาคต จีนจึงต้องขยายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศที่มีธรรมชาติที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมที่จะปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ป้อนคืนกลับสู่มาตุภูมิของตนเองเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว
ส่วนเรื่องน้ำจีนไม่ห่วงเพราะมีต้นน้ำหลายสายทำเขื่อนกักเก็บได้ เรื่องอาหารการกินทรัพยากรเหล่านี้จีนต้องพึงประเทศแถบอาเซียน โดยเฉพาะไทยเป็นฐานการผลิต โดยเฉพาะมีนอมินีอย่าง CP. คอยป้อนสินค้าคืนสู่กลุ่มชาติพันธุ์เดิมของตนเอง ท่านว่าไช่ไหมครับ.ฉนั้นคนไทยเราต้องรู้จักถนอมพื้นที่ดินไว้เพื่อการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นคลังอาหารครัวเรือนแก่ตนเอง ไม่หลงผิดเอาวัตถุนำวิถีชีวิตจนไม่พื้นที่ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์เพื่อบริโภคหลงเหลือที่ดินสำหรับทำเกษตรกรรมไว้แม้แต่ตารางนิ้วเดี่ยว.
ภัทรกนก สายทอง
คลินิคเกษตรไบโอกรีนเทค
โฆษณา