หนังมีการถ่ายภาพที่โดดเด่น ทั้งการจัดตำแหน่งของตัวละครในภาพ รวมทั้งการเคลื่อนกล้องเพื่อเสริมอารมณ์ ซึ่งหนังมีช็อตของกล้องที่โดดเด่นที่สุดคือ “Vertigo Effect” หรือภาษาอย่างเป็นทางการคือ “Zoom Out and Track In” ที่ใช้การซูมออกขณะเคลื่อนกล้องเข้าหาตัวละคร เป็นช็อตที่ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนจะตกจากที่สูงจากอาการกลัวความสูงของสก๊อตตี้ในเรื่อง โดยช็อตที่ว่านี้ยังคงถูกใช้มาถึงปัจจุบันซึ่งเราสามารถหาดู Video Essay จากทาง Youtube ได้เลย Vertigo ถ่ายภาพโดย Robert Burks ตากล้องขาประจำของฮิตคอกซ์ ทั้งในหนังยังมีช็อต Visual Effect ที่แปลกประหลาดอันสื่อถึงฝันร้ายภายในจิตใจของสก๊อตตี้ที่เรียกได้ว่าจะทำให้คนดูลืมไม่ลงแน่นอน รวมถึงการออกแบบไตเติ้ลของหนัง การออกแบบโปสเตอร์หนัง ก็จัดเป็นดีไซน์ที่มินิมอลอย่างโดดเด่น ซึ่งจะไม่พูดถึงก็ไม่ได้สำหรับเขาคนนี้ “Saul Bass” นักออกแบบโลโก้ชื่อดังที่ออกแบบงานให้หนังหลายต่อหลายเรื่อง รวมถึงงานในยุคหลังอย่าง Goodfellas (1990) ของ Martin Scorsese
Visual Effect ฝันร้ายของสก๊อตตี้
ต่อมาคือ Composer หรือคนทำดนตรีประกอบหนังที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้อย่าง Bernard Hermann ที่งานของเขามักจะเป็นดนตรีที่ทำขึ้นเพื่อเสริมอารมณ์ให้หนังฟิล์มนัวร์ (ดนตรีที่ให้อารมณ์อันไว้วางใจต่อเหตุการณ์ไม่ได้) มาใน Vertigo พอบทที่จะโรแมนติก เขาก็ทำดนตรีซะหวานเยิ้มอย่างไม่เคอะเขินแต่อย่างใด แม้ดนตรีส่วนมากในเรื่องจะคงเป็นแบบฟิล์มนัวร์ก็ตาม ฮา Bernard Hermann ยังเป็น Composer ที่ส่งอิทธิพลต่องานดนตรีของ Ryuichi Sakamoto นักดนตรีชาวญี่ปุ่นอีกด้วย (เชิญฟังงานของ Bernard Hermann ในเรื่อง Vertigo ได้ที่ลิงก์ข้างล่าง)