Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Brainest Thailand
•
ติดตาม
19 ก.ย. 2020 เวลา 14:35 • การเมือง
ย้อนอดีตการเมือง "สนามหลวง" เคยผ่านอะไรมาบ้าง.
bangkokbiznews.com
การชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.นี้ เป็นการชุมนุมที่หลายฝ่ายยังมิอาจคาดเดาตอนจบของเรื่อง แม้ว่าข้อเรียกร้องหลัก 3 ข้อยังคงเดิมคือ หยุดคุกคามประชาน แก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.) และยุบสภา เพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่
หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะเป็นการชุมนุมใหญ่ ที่มีมวลชนเดินทางมามากที่สุดในรอบหลายปี นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 22 พ.ค. 2557
และเป็นการชุมนุมที่หลายฝ่ายวิตกกังวลกว่าหลายครั้งว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นได้
จากกระแสการชุมนุมที่กำลังร้อนแรงในขณะนี้ จึงอยากนำเสนอประวัติศาสตร์ของสนามหลวง
อดีตที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ต่างๆมากมายได้เกิดขึ้นที่นี่ แล้วเราได้ข้อคิดอะไรจากมันบ้าง
ซึ่งเหตุการณ์ที่น่าสนใจมีหลากหลายเหตุการณ์
อาทิเช่น
- กบฏบวรเดช
- 14 ตุลาคม 2516 ,
- 6 ตุลาคม 2519
- พฤษภาทมิฬ 2535 ,
- พันธมิตร , นปช. , กปปส.
*นับเฉพาะตอนที่ชุมนุมที่สนามหลวง*
จึงอยากนำเสนอประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย ให้รับชม โพสต์เดียวจบ
Koi Yimyam
ข้อมูลจากเว็บไซต์นิตยสารศิลปวัฒนธรรมและกรมศิลปากร ระบุว่า
ท้องสนามหลวงหรือชื่อเดิมว่า "ทุ่งพระเมรุ" มีมาแต่แรกสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชกาลที่ 1 เป็นบริเวณที่โล่งที่จัดให้มีขึ้นอย่างเดียวกันกับสนามหน้าจักรวรรดิ ของพระนครศรีอยุธยา ครอบคลุมพื้นที่ 74 ไร่ 63 ตารางวา ตั้งอยู่ระหว่างพระบรมมหาราชวัง (วังหลวง) กับพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่ของของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ โรงละครแห่งชาติ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เหตุผลที่เรียกว่าทุ่งพระเมรุเพราะสถานที่นี้ถูกใช้เป็นที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดินและพระบรมวงศานุวงศ์
posttoday.com
ปี 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเรียกจาก "ทุ่งพระเมรุ" เป็น "ท้องสนามหลวง" เพราะบริเวณทุ่งพระเมรุนี้ เคยใช้เป็นที่ทำนาของหลวงด้วย
เมื่อยกเลิกวังหน้าในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ขยายเนื้อที่ออกไปอีกครึ่งหนึ่ง แล้วแต่งเป็นรูปไข่อย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน และปลูกต้นมะขาม 2 แถวโดยรอบ เคยใช้เป็นสนามกอล์ฟ สนามแข่งว่าว สนามแข่งม้า และเป็นที่สวนสนาม และในสมัยหลังเคยใช้เป็นตลาดนัดด้วย
กบฏบวรเดช (11 ตุลาคม พ.ศ. 2476)
นับเป็นการกบฏครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยหลังการการปฏิวัติสยาม สาเหตุเกิดมาจากความผิดหวังตำแหน่งทางการเมืองของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช และมีความขัดแย้งระหว่างระบอบเก่ากับระบอบใหม่
Wikipedia.com
25 ตุลาคม พระบาทสมเด็จประปกเกล้าฯมีพระราชกระแสจากพระตำหนักเขาน้อย จังหวัดสงขลา แนะนำให้รัฐบาลประกาศอภัยโทษให้แก่ผู้ร่วมก่อการจลาจลตลอดจนนายทหารและบุคคลที่ไม่ใช่หัวหน้าหรือคนสำคัญในการกระทำครั้งนี้เสียโดยเร็ว แต่ถูกแต่รัฐบาลปฏิเสธโดยอ้างหลักการที่ว่าจำต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเสียก่อน
29 ตุลาคม รัฐบาลจัดตั้งศาลพิเศษขึ้นพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการกบฏและจลาจล คำพิพากษาถือเป็นเด็ดขาดไม่มีอุทธรณ์ฎีกา มีผู้ถูกจับกุมกว่าหกร้อยคน มีการส่งฟ้อง 318 คน ใช้เวลาพิจารณาความนานนับปี พบว่ามีความผิดต้องโทษ 296 คน ในจำนวนนี้ต้องโทษประหารชีวิต 6 คน จำคุกตลอดชีวิต 244 คนอย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าทรงปฏิเสธการลงพระนามให้ประหารชีวิตตามคำพิพากษา จึงนำตัวไปประหารไม่ได้
รัฐบาลได้จัดให้มีรัฐพิธีให้แก่ผู้เสียชีวิตทั้ง 17 คน ที่ร่วมปราบกบฏบวรเดช ในการนี้ได้ทำหนังสือขอพระราชานุญาติใช้พื้นที่สนามหลวงในการประกอบพิธี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯปฏิเสธทันที ทรงรับสั่งให้ไปใช้สถานที่อื่น แต่รัฐบาลยังคงยืนกรานที่จะใช้พื้นที่สนามหลวง ทำให้พระองค์ยินยอมตามนั้น รัฐบาลจัดสร้างเมรุชั่วคราวสนามหลวง ซึ่งเดิมพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่ทรงยินยอมให้ใช้พื้นที่ทุ่งพระเมรุนี้ แต่ทางคณะราษฎรยืนกรานที่จะสร้างเมรุชั่วคราวบนทุ่งพระเมรุ
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าจึงต้องทรงยินยอม แต่ระบุถ้อยคำด้วยท่วงทำนองว่า "ทรงไม่ขัดข้อง แต่ขอให้เป็นที่เข้าใจว่า พระราชดำริในเรื่องนี้เป็นไปอีกอย่างหนึ่ง"
นี่ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการจัดพิธีศพสามัญชนบนท้องสนามหลวง ซึ่งก่อนหน้านั้นจะใช้เป็นที่ประกอบพิธีสำหรับเชื้อพระวงศ์เท่านั้น
ประท้วงการเลือกตั้งที่สกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์ (2 มีนาคม พ.ศ. 2500 )
wikipedia.com
ในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2500 นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ชักธงชาติลงครึ่งเสาเพื่อไว้อาลัยการเลือกตั้ง จากนั้นนิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาลัยการศึกษา และ วิทยาลัยเทคนิค รวมทั้งประชาชนได้รวมตัวกันประท้วงการเลือกตั้งที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้มีข่าวเตรียมเดินขบวนประท้วงการเลือกตั้งเผยแพร่ออกไปสู่ประชาชนทางหนังสือพิมพ์
โดยในเวลา 15.00 นาฬิกา ในวันเดียวกันนั้น คลื่นมหาชนที่ร่วมกันเดินขบวนประท้วงการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้เดินขบวนเรียกร้องไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอพบพระยารามราชภักดีในฐานะปลัดกระทรวงมหาดไทย
แต่ปลัดกระทรวงมอบหมาย หลวงชาติตระการโกศล อธิบดีกรมมหาดไทย ออกมาชี้แจงแทน
ซึ่งกลุ่มผู้เดินขบวนได้ยื่นข้อเรียกร้องรวม 6 ข้อ โดยมีจุดประสงค์สำคัญให้รัฐบาลประกาศให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะและให้จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยขอให้รัฐบาลให้คำตอบภายในวันเดียวกัน ต่อมาจึงเดินขบวนต่อไปที่ท้องสนามหลวงและเปิดไฮด์ปาร์คโจมตีรัฐบาล
จนในเวลา 17.30 นาฬิกา ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลอันเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญเพื่อไปเรียกร้องกับนายกรัฐมนตรีเมื่อขบวนผ่านถนนราชดำเนินกลางก็มีประชาชนมาสมทบจนขบวนใหญ่ขึ้นทุกที โดยมีทหารเตรียมสกัดอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ไม่ให้ประชาชนผ่านไปยังทำเนียบรัฐบาล
ในขณะที่ทหารและประชาชนประจันหน้ากันอยู่อย่างตึงเครียดนั้น สุดท้ายฝ่ายทหารก็ยอมเปิดทางให้ประชาชนเดินขบวนต่อไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยฝูงชนได้พังประตูทำเนียบเข้าไป และได้พบรัฐบาลหลายคนรวมทั้งจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ก็อยู่ในที่นั้นด้วย
ผู้เดินขบวนได้เรียกร้องโดยตรงกับจอมพล ป. พิบูลสงคราม ให้ชี้แจงถึงการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเมื่อจอมพล ป. พูดไม่ยอมรับปากจะจัดการให้เป็นไปตามข้อเรียกร้อง ประชาชนจึงเกิดไม่พอใจและได้โห่จอมพล ป. และ ขอให้จอมพลสฤษดิ์ชี้แจงแทน
ซึ่งเมื่อไม่สามารถทัดทานเสียงเรียกร้องของประชาชนได้ จอมพล ป.จึงยอมให้จอมพลสฤษดิ์ชี้แจงแทนโดยขอให้ทุกคนช่วยกันรักษาความสงบ ส่วนปัญหาที่ทางผู้ชุมนุมเรียกร้องนั้นจอมพลสฤษดิ์รับปากว่าจะขอรับไปนำเสนอเพื่อแก้ไขในคณะรัฐบาลภายหลัง
ประชาชนจึงพอใจและสลายการชุมนุมและเหตุการณ์ก็คืนสู่ภาวะปกติ
วันมหาวิปโยค (14 ตุลาคม พ.ศ. 2516)
wikipedia.com
เหตุการณ์ 14 ตุลา หรือ วันมหาวิปโยค หรือ วันมหาปิติ
เป็นเหตุการณ์การเรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชนครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เป็นเหตุการณ์ที่มีนักศึกษาและประชาชนมากกว่า 5 แสนคน ชุมนุมเพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญ จากรัฐบาลเผด็จการ จอมพล ถนอม กิตติขจร นำไปสู่คำสั่งของรัฐบาลให้ใช้กำลังทหารเข้าปราบปราม
ระหว่างวันที่ 14 ถึง 15 ตุลาคมพ.ศ. 2516 มีผู้เสียชีวิตกว่า 77 ราย บาดเจ็บ 857 ราย และสูญหายอีกจำนวนมาก
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้เกิดขึ้นด้วยสาเหตุที่สะสมก่อนหน้านี้หลายประการทั้ง ข่าวการทุจริตในรัฐบาล การพบซากสัตว์ป่าจากอุทยานในเฮลิคอปเตอร์ทหาร การถ่ายโอนอำนาจของจอมพลถนอม กิตติขจรต่อจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลทหารเข้าปกครองประเทศนานเกือบ 15 ปี และรวมถึงการรัฐประหารตัวเอง พ.ศ. 2514 ซึ่งเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายการปกครองในระบอบเผด็จการทหารและต้องการเรียกร้องรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
ในวันที่ 9 ตุลาคม 2516 นักศึกษาจัดให้มีการประท้วงในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อเรียกร้องให้ รัฐบาลปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมทั้ง 13 คน และ มีนักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชนมาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนประมาณ 5 แสนคน
เที่ยงตรงของวันที่ 13 ตุลาคม 2516 ฝูงชนเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์สู่อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย และ ลานพระบรมรูปทรงม้า การเจรจาระหว่างนักศึกษากับฝ่ายรัฐบาลดำเนินไปจนถึง เวลาดึกของวันเดียวกัน
การนองเลือดเริ่มต้นเวลาเช้ามืดของวันที่ 14 ตุลาคม 2516 เมื่อตำรวจคอมมานโดบุกเข้าตี นักศึกษาที่กำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้านอยู่แล้ว ข่าวการทารุณของตำรวจคอมมานโดแพร่ไปทั่วกรุงเทพฯ
นักเรียน นิสิตนักศึกษา ประชาชนที่มีแต่ระเบิดขวด ท่อนไม้ และ ก้อนหิน ปะทะกับทหารตำรวจอาวุธ ครบมือ เหตุการณ์ลุกลามไปทั่วบริเวณหน้ากรมลุกลามไปทั่วบริเวณหน้ากรมประชาสัมพันธ์ หน้าวัด ชนะสงคราม สะพานผ่านฟ้าฯ ถนนราชดำเนินกลางและถนนราชดำเนินนอก
ต่อมาในเวลาหัวค่ำ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยประกาศว่า จอมพล ถนอม กิตติขจร ขอลาออกจากตำแหน่งแล้ว และมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสัญญา ธรรมศักดิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
จากนั้นไม่นาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระราชดำรัสทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยด้วยพระองค์เอง แต่เหตุการณ์ยังไม่สงบ กลุ่มทหารเปิดฉากยิงปืนเข้าใส่นักศึกษาและประชาชนอีกครั้ง หลังถ่ายทอดพระราชดำรัสทางโทรทัศน์เพียงหนึ่งชั่วโมง
เหตุการณ์สิ้นสุดลงเมื่อ จอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร และ พันเอก ณรงค์ กิตติขจร ( หรือตามที่เรียกกันในขณะนั้นว่า "3ทรราช" ) เดินทางออกนอกประเทศไปในที่สุด
เหตุการณ์ 6 ตุลา หรือ การสังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (6 ตุลาคม 2519)
wikipedia.com
เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เป็นผลผลิตอันสืบเนื่องจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
เมื่อขบวนการนักศึกษาได้รับชัยชนะในการต่อสู้ และนำมาซึ่งกระแสการตื่นตัวด้านประชาธิปไตยครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
นำมาซึ่งการเรียกร้องการปฏิวัติวัฒนธรรม สร้างวัฒนธรรมใหม่ที่รับใช้ประชาชน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคมไทยอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
19 กันยายน 2519 จอมพล ถนอม เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย โดยอ้างว่าจะเข้ามาดูใจบิดา (ก่อนหน้านี้ จอมพล ประภาส เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม แต่ถูกต่อต้านจนต้องเดินทางออกนอกประเทศไปอีก) นักศึกษาจึงได้รวมตัวกันประท้วงการกลับเข้ามาของ จอมพล ถนอม โดยที่รัฐบาลก็เห็นชอบ
“นักศึกษาที่จะทำการชุมนุมก็มีสิทธิทำได้ตามรัฐธรรมนูญ” ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2519
ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การประท้วงเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2519
4 ตุลาคม นักศึกษาได้จัดแสดงละครสะท้อนเหตุการณ์ ฆ่าแขวนคอกรรมกรที่ร่วมขับไล่ จอมพล ถนอม ที่ จ.นครปฐม
(ภาพรางวัลพูลิตเซอร์ปี 2520)
5 ตุลาคม หนังสือพิมพ์ บางกอกโพสต์ และ ดาวสยาม ได้ตีพิมพ์ภาพละครแขวนคอ ของนักศึกษา โดยระบุว่าเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เนื่องจากบุคคลนั้นมีหน้าตาคล้ายกับองค์รัชทายาท
เป็นผลให้ ทหารและประชาชน ที่ไม่เห็นด้วยโกรธแค้น มีการชุมนุมจากกลุ่มพลังฝ่ายขวาทั่วกรุงเทพฯ และ ชมรมวิทยุเสรี ได้กระจายเสียงปลุกเร้ากลุ่มพลัง และ นัดหมายเวลาที่จะเคลื่อนกำลังมาชุมนุมกันนอกมหาวิทยาลัยในเย็นวันนั้น
ท่ามกลางสื่อฝ่ายขวาที่โหมปลุกความเกลียดชังอยู่ต่อเนื่อง ขณะนั้น มีผู้ประท้วงอยู่ในมหาวิทยาลัยราว 4,000 คน และ มีตำรวจและคนมาล้อมไว้ราว 8,000คน
วันที่ 6 ตุลาคม ตำรวจและประชาชนกลุ่มฝ่ายขวา ปิดทางเข้าออกมหาวิทยาลัยไว้ทุกด้าน
ระหว่างเวลา 5.30–11.00 น. ตำรวจเปิดฉากใช้อาวุธสงครามหลายชนิด ทั้ง ปืน เครื่องยิงลูกระเบิด ปืนต่อสู้รถถัง และระเบิดมือ เข้าปราบปรามผู้ประท้วง พลตำรวจโท ชุมพล โลหะชาละ รองอธิบดีกรมตำรวจ อนุญาตให้เปิดฉากยิงได้อย่างเสรี
เกิดการยิงปะทะระหว่างสองฝ่ายช่วงสั้น ๆ ก่อนผู้ประท้วงเป็นฝ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว
นักศึกษาที่ยอมจำนนแล้ว และ ที่กำลังหลบหนี ถูกทำร้ายร่างกาย ปล้นชิงทรัพย์สิน ล่วงละเมิดทางเพศ ถูกยิง เผาทั้งเป็น และทุบตีจนตาย ส่วนศพนั้นถูกทำลายด้วยการเผา
ผู้ประท้วง 3,094 คนถูกจับ ส่วนผู้ลงมือฆ่าได้รับความดีความชอบ
ในเวลา 18.00 น. พลเรือเอก สงัด ชลออยู่ ได้เข้ายึดอำนาจ โดยอ้างเหตุนักศึกษาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นคอมมิวนิสต์ และ มีอาวุธสงครามในครอบครอง
เหตุการณ์ 6 ตุลา เป็นจุดสิ้นสุดของ"ยุคการทดลองประชาธิปไตย" ซึ่งมีอายุไม่ถึงสามปี
มีการตั้งรัฐบาลใหม่ที่มี นาย ธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลมีความคิดขวาจัด และเกิดการกวาดล้างฝ่ายซ้ายอย่างรุนแรง
ทำให้บางส่วนหนีเข้าป่า ไปเข้ากับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ทำให้การก่อการกำเริบรุนแรงยิ่งขึ้น
แต่สุดท้ายรัฐบาล ได้นิรโทษกรรมในปี พ.ศ. 2521 โดยรัฐบาลใช้วิธีการ ปล่อยให้สังคมลืมไปเองในที่สุด
ในขณะที่หนังสือเรียนประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ในประเทศไทยแทบทั้งหมด ข้ามเหตุการณ์นี้ไปเสียเฉยๆ
พฤษภาทมิฬ (17-24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535)
ผู้ชุมนุมและทหาร ในช่วงพฤษภาทมิฬ บริเวณถนนราชดำเนิน
เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เป็นเหตุการณ์ที่ประชาชนเคลื่อนไหวประท้วงรัฐบาลครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมือง
โดยมี พลเอกสุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรี และ ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ในระหว่างวันที่ 17-24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535
ซึ่งเป็นการรัฐประหาร รัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534
นำไปสู่เหตุการณ์ปราบปรามและปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกับประชาชนผู้ชุมนุม มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
พลเอกสุจินดาแถลงภายหลังว่า เหตุการครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิต 44 คน บาดเจ็บ 1,728 คน
เหตุการณ์ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ได้ทำการรัฐประหารรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ โดยมีหัวหน้าคณะคือ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ภายหลังการรัฐประหาร ได้เลือกนาย อานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี และ ได้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จนมีการเลือกตั้ง ผลปรากฏว่า นายณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม พรรคที่จัดตั้งขึ้นมาและได้รับการสนับสนุนจากบุคคลในคณะ รสช. ได้คะแนนมากที่สุด
แต่สุดท้ายไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ เนื่องจากถูกรัฐบาลสหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีดำ เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับนักค้ายาเสพติดข้ามชาติ
ทำให้ พล.อ.สุจินดา ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ซึ่งเป็นการตระบัดสัตย์ที่เคยกล่าวไว้ว่าจะไม่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนได้รับฉายา "เสียสัตย์เพื่อชาติ" ในเวลาต่อมา
ทำให้ประชาชนหลายส่วนไม่พอใจการขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของพล.อ.สุจินดา ซึ่งขัดกับหลักประชาธิปไตย จนนำไปสู่การประท้วงทั้งการอดอาหาร การเดินขบวน และการชุมนุมในสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ
หลังการชุมนุมยืดเยื้อตั้งแต่เดือนเมษายน เมื่อเข้าเดือนพฤษภาคม รัฐบาลเริ่มระดมทหารเข้ามารักษาการในกรุงเทพมหานคร และเริ่มมีการเผชิญหน้ากันระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารในบริเวณราชดำเนินกลาง ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ
17 พฤษภาคม ขณะที่มีการเคลื่อนขบวนประชาชนจากสนามหลวงไปยังถนนราชดำเนินกลางเพื่อไปยังหน้าทำเนียบรัฐบาล ตำรวจและทหารได้สกัดการเคลื่อนขบวนของประชาชน ณ สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เริ่มเกิดการปะทะกันระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทั่ง มีการบุกเผาสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง
18 พฤษภาคม รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
รัฐบาล พล.อ.สุจินดา ใช้คำสั่งสลายการชุมนุม เกิดการปะทะขึ้น มีประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ในเวลาต่อมาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงรับสั่งให้ พลเอกสุจินดา คราประยูร และ พลตรีจำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้า โดยทรงพระราชทานพระราชดำรัสแก่คณะผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ซึ่งได้มีการเผยแพร่ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
หลังจากนั้นอีก 4 วัน พล.อ.สุจินดา จึงได้ประกาศลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี และนายอานันท์ ปันยารชุน ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ก่อนจะมีการเลือกตั้งในเวลาต่อมา
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (26 กุมภาพันธ์ 2549)
news.yahoo.com
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ กลุ่มคนเสื้อเหลือง เป็นการรวมตัวจากหลายองค์กรทั่วประเทศ และ ได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย ภายใต้จุดประสงค์ในการขับไล่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ ต้องการให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน มีแกนนำคนสำคัญ ได้แก่ สนธิ ลิ้มทองกุล และ พลตรีจำลอง ศรีเมือง
การชุมนุมเพื่อขับไล่ พ.ต.ท. ทักษิณ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2547 ในช่วงปลายรัฐบาลทักษิณ 1 โดยมีการรวมตัวของกลุ่มคนในนามกลุ่มประชาชนเพื่อชาติและราชบัลลังก์ ตามด้วยการชุมนุมปราศรัยทางการเมือง ก่อนที่จะแพร่หลายขึ้นใน พ.ศ. 2548 แรงกดดันให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
19 กันยายน พ.ศ. 2549 เกิดเหตุการณ์รัฐประหาร ส่งผลให้ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) นำโดยพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ก้าวขึ้นสู่อำนาจ
ส่งผลให้ไทยอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหาร ซึ่งมีพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี
23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ผลการเลือกตั้งทั่วไป พรรคพลังประชาชน ชนะการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลผสม
ทำให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเคยดำเนินการเคลื่อนไหวก่อนเหตุการณ์รัฐประหาร กลับมาชุมนุมอีกครั้งในปี พ.ศ. 2551 เพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช และ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ออกจากตำแหน่ง
ส่งผลให้มีการปิดล้อมท่าอากาศยานนานาชาติหลายแห่ง จนกระทั่งเที่ยวบินทุกเที่ยวหยุดทำการ นักเศรษฐศาสตร์ คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะสูญเสียเงินกว่า 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการปิดสนามบินครั้งนี้ และส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือและต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมหาศาล
2 ธันวาคม 2551 มีคำวินิจฉัยคดียุบพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลอีก 2 พรรค อันเนื่องมาจากกรณีทุจริตการเลือกตั้งของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช
วันรุ่งขึ้นแกนนำพันธมิตรฯ ได้ประกาศยุติการชุมนุมทั้งที่ทำเนียบรัฐบาล ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง
แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. (22 กรกฏาคม พ.ศ.2550)
การชุมนุมของ นปก. เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2550 ที่ท้องสนามหลวง
นปก.ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2550 โดยรวมกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อต่อต้านรัฐประหาร พ.ศ. 2549 และขับไล่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ กับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี
22 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 โดยแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) 15 คน และกลุ่มผู้ชุมนุม จำนวน 20,000 คน เคลื่อนขบวนจากท้องสนามหลวง ไปปิดล้อมบริเวณหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ บ้านพักรับรองสำหรับผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพบกไทย ซึ่ง พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ใช้พักอาศัยในกรุงเทพมหานคร เพื่อกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งประธานองคมนตรี เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมเชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารในประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549
26 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ประกาศยุติการชุมนุม หลังจากที่พรรคพลังประชาชนได้รับเลือกตั้งเป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร โดยในภายหลังได้กลับมารวมตัวกันอีก เพื่อต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 จนเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน โดยมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
ผลการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนธันวาคม 2551 ปรากฏว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเลือก ทำให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช. เดิมคือ นปก.) กลับมาชุมนุมอีกครั้งในปี 2552
26 มีนาคม พ.ศ. 2552 นปช. กลับมาชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาลจนเกิดเหตุการณ์โกลาหล
7 เมษายน พ.ศ. 2552 รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรง และยกกำลังทหารปิดล้อมผู้ชุมนุม
14 เมษายน พ.ศ. 2552 ประกาศยุติการชุมนุม และ แกนนำ 3 คน ได้แก่ นายกองเอก วีระ มุสิกพงศ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายแพทย์ เหวง โตจิราการ ถูกควบคุมตัว
17 สิงหาคม พ.ศ. 2552 กลุ่ม นปช. จัดกิจกรรมชุมนุมที่สนามหลวง และเคลื่อนไปตามถนน ผ่านโรงแรมรัตนโกสินทร์ ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อ้อมไปพระบรมมหาราชวัง สิ้นสุดที่ หน้าประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษแก่ทักษิณ ชินวัตร
ในปีเดียวกัน นปช.ประกาศตัดความสัมพันธ์ และแยกตัวจากเครือข่ายพลังประชาธิปไตยแดงสยาม เนื่องจากมีทัศนคติและจุดมุ่งหมายที่ต่างกัน
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552)
theguardian.com
15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จัดชุมนุมบริเวณท้องสนามหลวง ถูกคนร้ายโยนระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 11 ราย
โดยเสนอให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เร่งปฏิรูปประเทศและจัดการกลุ่มเสื้อแดงอย่างเด็ดขาด และ เร่งรัดให้ทหารออกมาจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว ส่วนในภูมิภาคจะให้เครือข่ายพันธมิตรฯ ยื่นหนังสือกดดันทหารตามหน่วยที่ตั้งพร้อมกันวันนี้ด้วย
หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงแนวทางกระบวนการปรองดองแห่งชาตินั้น ทางกลุ่มพันธมิตรฯได้ออกแถลงการณ์ว่า นายกรัฐมนตรียังขาดความชัดเจน ทั้งนี้ยังเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งเพื่อให้ผู้ที่สามารถจัดการกับปัญหาเข้ามาแก้ไขปัญหาต่อไป
แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. (22 กรกฏาคม พ.ศ.2553)
ภาพกรุงเทพมหานครบางส่วนเกิดอัคคีภัยระหว่างวิกฤตการณ์การเมืองเดือนพฤษภาคม 2553
มีนาคม พ.ศ. 2553 กลุ่มผู้ประท้วง นปช. ได้มาบรรจบกันที่กรุงเทพเพื่อแสดงความต้องการให้นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศเลือกตั้งใหม่ การเคลื่อนไหวดังกล่าว นำโดย นปช. ประกอบด้วยกลุ่มผู้สนับสนุนประชาธิปไตย กลุ่มผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ต่อมา ได้มีการประท้วงโดยการรับบริจาคเลือดของผู้ชุมนุมไปเทด้านนอกของบ้านพักนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์
วันที่ 19 พฤษภาคม กองทัพ พร้อมรถลำเลียงหุ้มเกราะเข้าโจมตีค่ายผู้ชุมนุม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 คน และผู้สื่อข่าวชาวอิตาลี 1 คน ผู้นำกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งหมดยอมมอบตัวหรือพยายามหลบหนี ได้เกิดเหตุจลาจลทั่วกรุงเทพมหานครเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมถูกบีบบังคับให้ออกจากค่าย ได้มีการวางเพลิงซึ่งทำลายศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และอาคารอื่น
จนกระทั่งถูกสลายการชุมนุมในวันที่ 10 เมษายน และ 19 พฤษภาคม
ยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 85 คน และ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1,378 คน
ภายหลัง รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 สมาชิกกลุ่ม นปช.ส่วนหนึ่งหลบหนีไปต่างประเทศ เนื่องจากถูกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรียกให้มารายงานตัว จนกระทั่งเป็นที่มาของการที่ศาลทหารออกหมายจับ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (25 มกราคม 2554)
michael-lapalme.blogspot.com
25 มกราคม พ.ศ. 2554 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้กลับมาชุมนุมอีกครั้งบริเวณสะพานมัฆวาน สนามหลวง และหน้าทำเนียบรัฐบาล จากกรณีความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
โดยเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามมติของกลุ่มพันธมิตรฯ 3 ข้อ คือ
1. ยกเลิก บันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543
2. ผลักดันชาวกัมพูชาที่อพยพและรุกล้ำเข้ามาอาศัยและสร้างสิ่งก่อสร้างในเขตแดนไทย
3. ให้ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลก
แต่ทว่ารัฐบาลก็มิได้มีการตอบสนองใดๆต่อคำเรียกร้องดังกล่าว
การชุมนุมในครั้งนี้ปรากฏว่า แนวร่วมผู้ชุมนุมลดลงไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมที่เหลือและแกนนำเมื่อได้ขึ้นเวทีปราศรัยก็ได้โจมตีและกล่าวหารัฐบาล อย่างรุนแรงหลายต่อหลายครั้ง
และเมื่อรัฐบาลมีท่าทีว่าจะยุบสภาภายในต้นเดือนพฤษภาคม ปีเดียวกันนี้ และกำหนดให้มีการเลือกตั้ง ทางกลุ่มพันธมิตรฯก็ได้มีมติให้ทำการโหวตโน คือ รณรงค์ให้กาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนให้ใครในบัตรเลือกตั้ง
1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศยุติการชุมนุม เนื่องจากพอใจกับการตัดสินใจของการถอนตัวออกจากสมาชิกมรดกโลกของรัฐบาลในการประชุมครั้งที่ 35 ที่ประเทศฝรั่งเศส
กปปส. (5 พฤษภาคม 2557)
dw.com
กปปส. มีชื่อเต็มว่า คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
โดยมุ่งหมายขจัดอิทธิพลของพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากการเมืองไทย
สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำการประท้วงและอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ ก่อตั้งกลุ่มดังกล่าวตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 และแต่งตั้งตนเองเป็นเลขาธิการ
22 พฤษภาคม 2557 กปปส. ยุติการชุมนุม เมื่อเกิดรัฐประหาร
วันที่ 16 มิถุนายน 2557 สุเทพกล่าวว่า กปปส. หยุดเคลื่อนไหวทันทีหลัง คสช. ยึดอำนาจ และ กปปส. พร้อมให้ความร่วมมือหาก คสช. จัดการปฏิรูปฯ
หลังรัฐประหาร สุเทพเปิดเผยว่า ตนพูดคุยกับประยุทธ์ จันทร์โอชาให้ถอนรากถอนโคนอิทธิพลของทักษิณและพันธมิตรนับแต่การชุมนุมทางการเมืองใน พ.ศ. 2553 เขากล่าวว่า ได้ติดต่อเป็นประจำผ่านแอพไลน์ ก่อนรัฐประหาร ประยุทธ์ติดต่อเขาว่า "คุณสุเทพและมวลชนผู้สนับสนุน กปปส. ของท่านเหนื่อยมากแล้ว ตอนนี้เป็นหน้าที่ของกองทัพที่ต้องรับต่อ" สุเทพว่า กองทัพตระหนักดีถึงวัตถุประสงค์ของ กปปส. ระหว่างที่กลุ่มกดดันข้าราชการและทหารให้เข้าร่วมขบวนการมาตลอด
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมเมื่อส่งผลให้ฝ่ายที่เป็นอนุรักษนิยมสูญเสียอำนาจ เขาคงไม่ยอมมากนัก และมักจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเสมอ ทุกสิบปีมีการฉีกรัฐธรรมนูญ ทุกสิบปีมีความรุนแรง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลังการชุมนุมทุกครั้ง สังคมไม่ผลักดันให้มีการปฏิรูปเชิงครงสร้างอย่างจริงจัง สุดท้ายโครงสร้างแบบเดิมก็กลับมาอีก
หนึ่งสิ่งที่อยากฝากไว้ให้การชุมนุม 19 ก.ย. คือ อย่าปฏิเสธกลไกรัฐสภา อย่าปฏิเสธรับฟังบริบทรอบด้าน ณ วันแรกที่เริ่มชุมนุมบริบททางการเมืองอาจจะเป็นแบบหนึ่ง แต่ผ่านไปบริบทก็อาจจะเปลี่ยน หากภาคการเมืองเขาตอบรับวาระหรือประเด็นของผู้ชุมนุม แกนนำต้องคิดแล้วว่าจะมียุทธศาสตร์อย่างไร ต้องปรับหรือไม่ ซึ่งประเด็นการชุมนุมครั้งนี้คคือการแก้ไข รธน. ดังนั้น รธน.ฉบับใหม่จะถูกกติกาเป็นฉันทามติหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่าจะตัดสินใจเปิดทางหรือสกัดกั้นสิ่งเหล่านี้
th.wikipedia.org
วิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 - วิกิพีเดีย
th.wikipedia.org
วิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2548–2553 - วิกิพีเดีย
th.wikipedia.org
เหตุการณ์ 14 ตุลา - วิกิพีเดีย
th.wikipedia.org
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย - วิกิพีเดีย
th.wikipedia.org
แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ - วิกิพีเดีย
บันทึก
1
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย