19 ก.ย. 2020 เวลา 15:19 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รีวิว #Alive เมื่อต้องเอาตัวรอดจากซอมบี้เพียงลำพัง
#Alive หนังซอมบี้สัญชาติเกาหลีที่ตัวเอกต้องเอาตัวรอดให้ได้ และยังเป็นเครื่องการันตีถึงความทะเยอะทะยานของคนทำหนังซอมบี้เกาหลีที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ Hollywood
อุตสาหกรรมภาพยนตร์เกาหลีมาถึงจุดพีคที่สุด ตั้งแต่ Parasite ได้รางวัลออสการ์ , ความนิยมในหนังซอมบี้อย่าง Train to Busan จนได้ไปเชิดชายที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ จนทำให้มีภาคต่ออย่าง Train to busan : Peninsula ที่พึ่งเข้าฉายบ้านเราไปเมื่อ 1-2 เดือนก่อน ทำเอา The Walking dead กลายเป็นซีรี่ส์ซอมบี้ที่ดูเฉยๆ ไปเลย
โดยล่าสุด ทาง Netflix Original film ได้ปล่อย #Alive (หรือชื่อเดิม #Alone) หนังซอมบี้สัญชาติเกาหลี ออกมาให้ชมกัน ที่เพิ่มดีกรีความสนุกไปอีกขั้น แต่ดูง่าย สนุก และไม่ยาวจนเกินไป
เนื้อเรื่องพูดถึง โอจุนอู เด็กหนุ่มหัวทองสกินเฮด ที่วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากเล่นเกม กิน นอน ไปวันๆ ในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในเกาหลีใต้ แล้วจู่ๆ เขาก็ต้องพบกับเหตุการณ์หายนะที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน นั่นคือ ทุกๆ คน ที่อยู่ในและนอกอพาร์ทเม้นท์ กำลังจะกลายเป็นซอมบี้ ทำให้เกิดความชุลมุนเกิดขึ้น ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เชื้อไวรัสนี้เมื่อสัมผัสหรือโดนกัดแล้ว เชื้อจะลามไปสู่สมองและกลายเป็นซอมบี้ในที่สุด
โอจุนอู จึงใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องพักของตน นั่งดูทีวีไปเรื่อยๆ แบ่งอาหารเอาไว้กินให้พอดีแต่ละวัน และรอวันที่ซอมบี้จะผ่านพ้นไป แต่ก็คงเป็นไปได้ยาก ออกไปก็ตาย อยู่ไปก็ตาย จนเขาเกือบหมดทางออกโดยการฆ่าตัวตายไปแล้ว
จนมาวันหนึ่งเขาได้พบกับเพื่อนสาวฝั่งตรงข้ามอพาร์ทเม้นท์ของ โอจุนอู นั่นคือ ยูบิน สาวผู้รอดชีวิตฝั่งตรงข้าม ที่ได้เห็นว่า ยังมีคนที่ยังไม่ติดเชื้อ พวกเขาได้รู้จักกันผ่านวิทยุสื่อสาร แลกเปลี่ยนอาหารเพื่อประทังชีวิต และรอวันที่รัฐบาล หรือ กองทัพมาช่วยพวกเขาออกไปให้ได้
หลังจากรับชมแล้ว ต้องยอมรับว่า มันเป็นหนังที่ดูเพลินเลยทีเดียว ไม่ยืดยาว และก็ไม่ต้องใส่ดราม่าอันหนักหน่วงให้กับหนัง ซึ่งคอนเซปของหนังนั้นมันเล็กน้อยมาก เล่าด้วยเหตุการณ์ ไม่เน้นบทพูดที่ยืดยาว มีเพียงแค่คนๆ หนึ่งติดอยู่ในอพาร์ทเม้นต์ท่ามกลางซอมบี้ที่พร้อมจะกินเนื้อ กินเลือดเขา เลยพยายามหาทางออกผ่านโซเชียล ถ่ายคลิปตนเอง ลง Social Media เพื่อหวังว่าจะมีคนมาช่วย ถึงคอนเซปมันจะเล็กน้อย แต่การเล่าเรื่องกับสนุกสนาน ไม่ตึงเครียดจนเกินไป
ในแง่ของงานสร้าง ต้องยอมรับว่า ทำออกมาค่อนข้างดี ทั้งการดีไซน์ฉากในห้องของ โอจุนอู ที่น่าสนใจ แค่ฉากๆ เดียว แต่กลับต้องเล่าเกือบทั้งเรื่อง ก็ต้องมีการดีไซน์ช๊อตให้ไม่ซ้ำซากเกินไป งานแต่งหน้าเอฟเฟ็กต์ก็เช่นกัน ทำให้ซอมบี้นั้นดูน่ากลัวไม่ต่างจากหนังซอมบี้เรื่องอื่นๆ เลย และในส่วนการถ่ายทำ หนังยังใช้เทคนิคพิเศษที่ทำให้มันเนียนจนคนดูไม่ออก ซึ่งจริงๆ แล้ว ในอุสาหกรรมหนังเกาหลี การทำ Visual Effect ค่อยๆ พัฒนา และใกล้ตามทัน Hollywood เข้าไปทุกทีแล้ว ต้องยอมรับว่า พวกเขาเก่งมาก
ก็ต้องยอมรับกันว่า อุตสาหกรรมหนังเกาหลี จะเป็นหนังซอมบี้ หรือหนังแนวอื่นก็แล้วแต่ เขาพัฒนากันไปไกลมาก ไม่ว่าจะหนังทุนมาก ทุนน้อย ต่างก็ให้ความสนุกให้กับคนเกาหลีใต้เองและคนทั่วโลก ทำให้เป็นที่จับตามองว่า อุตสาหกรรมหนังเกาหลี จะสามารถโค่นอุตสาหกรรมหนัง Hollywood ได้หรือไม่ เนื่องจากส่วนใหญ่ หนังที่ Netflix สร้างขึ้น (โดยเฉพาะฝั่ง Hollywood) จะไม่ค่อยได้รับคำวิจารณ์ที่ดีนัก ส่วนมากจะเป็นหนังอินดี้มากกว่าที่พอจะได้รับคำชมอยู่บ้าง แต่หนัง ซีรี่ส์จากเกาหลีที่ Netflix ร่วมสร้าง กลับได้รับความนิยมไปทั่วโลก แบบนี้ก็ต้องมาดูกันยาวๆ ว่า หนังเกาหลี จะสร้างปรากฏการณ์อะไรใหม่ๆ อีกหรือไม่
โฆษณา