14 พ.ย. 2020 เวลา 07:34 • นิยาย เรื่องสั้น
EP 7: บันทึกคนป่วย COVID19 เป็นเรื่องราวประสบการณ์จริงของคนไทยที่ติดอยู่ในเมืองนิวยอร์ก เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองเอ็นเตอร์เทนที่สุดในโลกที่ตอนนี้แทบจะกลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว กลายเป็นเมืองที่มีคนติดเชื้อไวรัสCOVID19 มากที่สุดในโลก ปัจจุบัน (4/21/2020) ยอดคนป่วยรวมอยู่ที่ประมาณสองแสนกว่าคนและยอดคนป่วยเพิ่มขึ้นหลักหมื่นต่อวัน โรงพยาบาลที่ไหนในโลกก็คงไม่สามารถรองรับคนป่วยที่มากมายขนาดนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ อุปกรณ์ ยา บุคลากร ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการแพทย์มันไม่พอกับจำนวนผู้ป่วยแบบเขื่อนแตกแบบนี้ หากไม่ป่วยเจียนตายจริงก็ไม่ได้อยู่โรงพยาบาล หรือหากเจียนตายจริง ๆ หมอก็จะไล่ให้กลับบ้านไปตาย เอ๊ย ไม่ใช่! ให้กลับไปรักษาตัวเอง และนี่ก็เป็นเรื่องของการรักษาตัวตอนที่สองของหนึ่งหนุ่มไทยที่เจียนตายและหมอก็ให้กลับไปรักษาตัวเองที่บ้านครับ
วันที่ห้า:
ช่วงที่วิกฤตที่สุดของคนป่วยที่ติดเชื้อไวรัส COVID-19 น่าจะเป็นช่วงสัปดาห์แรกนี่แหละ อย่างของผมเมื่อวานก็ไข้สูง จิตหลุดเฉียดตาย วันนี้ตื่นมากลับเจออีกประสบการณ์นึงที่บรรยายได้ยากมา บอกไม่ถูกจริง ๆ ว่ามันใกล้ความตายขนาดไหน มันเป็นช่วงเช้ามืด ไฟในบ้านดับหมดแล้ว ห้องนั่งเล่นก็เริ่มมีแสงสว่างเข้ามาแบบเลือนราง จากหน้าต่างที่อยู่บนเพดานบ้าน ผมก็พยายามที่จะลุก ลากสังขารเข้าห้องน้ำ ด้วยความที่ห้องน้ำที่บ้านมันเล็กอยู่แล้ว และเราก็อาศัยความคุ้นเคยเป็นหลัก รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนนี่แหละ ไม่ต้องเปิดสวิตช์ไฟมันหรอก
หนึ่งในอาการของ COVID-19 ก็คือ อาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัว ร่างกายมันจะแข็ง กรอบเกร็งไปหมด แต่ส่วนที่ผมเป็นหนักเลย ก็คือ อาการปวดเมื่อยคอกับบริเวณหลังส่วนล่าง ที่เกร็งตึงแบบเปรี๊ยะมาก งอหรือดัดไม่ได้เลย หลังจากที่จัดการพาน้องไปร้องไห้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำลังยืนล้างมืออยู่ ผมก็พยายามที่จะยืดเส้นยืดสายไปด้วย โดยการหันหน้าไปทางซ้ายเบา ๆ ช้า ๆ แล้วก็หันไปทางขวาบ้าง สาบานได้ว่าทำช้ามาก เพราะมันตึงไปหมด แล้วจู่ ๆ ผมได้ยินเสียงดังเปร๊าะ!
เสียงมันดังลั่นในหัวผมเหมือนกับว่ากระดูกหักอะไรทำนองนั้นเลยนะ ทั้งที่จริงแล้วมันคงไม่ได้ดังอะไรมากมายขนาดนั้น แล้วเพียงแค่ครู่เดียวความร้อนวูบนึงก็พุ่งขึ้นมาบนหัว เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีอาการวิงเวียน โลกมันเหมือนหมุนติ้ว ๆ โคลงเคลง ๆ ขาสั่นไม่มีแรงเหมือนคนจะเป็นลม ก็พยายามคลำหาก๊อกน้ำจะปิดน้ำ แต่หาไม่เจอ! คือหาไม่เจอก๊อกน้ำ ทั้ง ๆ ที่ยืนอยู่หน้าอ่างล้างมือตามปรกตินั่นแหละ ใจก็คิดว่าอาการหนักแล้วตรู ก็พยายามคลำกำแพงจน หาสวิตช์ไฟในห้องน้ำเจอ กดเปิดไฟทันที เอ๊ะ! ทำไมไฟในห้องน้ำมันไม่สว่างวะ เราก็แอบแปลกใจ ทำไมไฟมันต้องมาเสียตอนนี้ด้วย? ก็เลยเปิดประตูออกมาแทนกะว่า ถึงมันจะเช้ามืด แต่มันยังมีแสงสว่างส่องมานิด ๆ จากช่องหลังคาที่เป็นกระจก เมื่อกี้ตอนเดินมาเข้าห้องน้ำยังพอเห็นทางอยู่เลย แต่พอเปิดประตูออกมา ก็ปรากฏว่า ทุกอย่างมันดำมืดสนิทไปหมดจ้า มองไม่เห็นอะไรเลย อุทานกับตัวเองเบา ๆ นี่กูตาบอด!
ตอนนั้นเราก็ยืนงงอยู่ พยายามตั้งสติยืนนิ่ง ๆ มือก็จับขอบประตูช่วยพยุงตัวเองเอาไว้ ขายังสั่นเบา ๆ ยืนอยู่อย่างนั้นเกือบนาทีนึงได้ อาการร้อนวูบที่หัว กับโลกทั้งใบที่มันโคลงเคลงก็ค่อย ๆ หายไป ภาพห้องนั่งเล่นที่มันมืดเมื่อสักครู่ ก็ค่อยๆ สว่างกลับมาเห็นอีกครั้งนึง โดยเห็นจากขอบภาพที่ค่อย ๆ สว่างขึ้นแล้วก็ไล่เข้ามาจนถึงตรงกลางในตาเรา
เหตุการณ์ตามืดหน้ามัวน่าจะกินเวลาแค่ประมาณนาทีเดียวได้ แต่ถ้านับตามทฤษฎีความสัมพันธ์ของเวลาอย่างที่ไอนสไตน์เคยกล่าวไว้ ว่าเวลาของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับแต่ละผู้สังเกต หากเราใจจดใจจ่อกับอะไร ก็จะรู้สึกว่ามันนานขึ้นกว่าปรกติ ไอ้เจ้าหนึ่งนาทีที่ผมยืนมึน ๆ หน้ามืดเนี่ย มันช่างยาวเหมือนห้านาทีเลยล่ะครับ มันเป็นความรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนว่าตัวเองนั้นกำลังลอยคออยู่ในทะเลอันหนาวเหน็บคนเดียวในคืนเดือนมืด เจอกับขอนไม้ท่อนเล็ก ๆ ท่อนนึงก็คว้าเอาไว้ ทั้งที่ไอ้เจ้าขอนไม้นั้นก็ปริ่ม ๆ จะจมไม่จมแหล่อยู่แล้ว แต่ผมก็เกาะเจ้าขอนไม้นั้นแน่นไว้สุดชีวิต
วันที่หก:
วันนี้นอนซมทั้งวัน แต่เหมือนจะดีขึ้นอยู่อย่างเดียวก็คือ อาการเจ็บคอหายแล้ว เหมือนยา Augmentin (ยาปฏิชีวนะ ไม่ใช่ยาแก้อักเสบนะ) มันจะได้ผลแหะ กินมาตั้งแต่วันที่สาม อธิบายไว้ก่อนว่า Augmentin มันคือยาปฏิชีวนะ มันลงไปจัดการทำความสะอาดทั้งร่างกายเรา ฆ่าพวกแบคทีเรีย ที่ส่วนใหญ่มันจะเป็นต้นเหตของอาการอักเสบ ซึ่งมันก็จะทำให้ร่างกายของเราอ่อนแอลงด้วย เพราะมันจัดการทำความสะอาดหมดทั้งเชื้อโรคดีและเชื้อโรคไม่ดี Augmentin ฆ่าหมดทุกอย่าง!
เป็นยาแรงที่อเมริกาต้องมีใบสั่งยาถึงจะหาซื้อได้ กินบ่อยไม่ดี และถ้ากินก็ควรกินให้ครบโดสด้วย ไม่งั้นอาจจะมีอาการดื้อยาตามมาในภายหลังได้ Augmentin มันไม่สามารถกำจัดเจ้าไวรัส COVID19 ได้นะครับ แต่สาเหตุที่ผมกินเข้าไปก็เพราะว่า ผมมีอาการเจ็บคอมากๆ มีแผลอักเสบในคอตั้งแต่วันแรกแล้ว คอแห้ง ไอแห้ง ๆ ตลอด ก็เลยเลือกที่จะกินตัวนี้ ตอนนี้คอหายเจ็บแล้วแต่ยังต้องกินต่อให้ครบโดส อีกวันเดียวเท่านั้น
ช่วงนี้เหมือนคนป่วยไข้กลับ คือกลับมาเป็นไข้ทุกวัน วันละรอบมั่ง สองรอบมั่ง แต่เหมือนจะน้อยลงคือจากช่วงวันสี่ห้าวันแรก ที่ตอนนั้นกินพาราทุก 6-8 ชั่วโมงเลยนะ พอครบสัปดาห์ก็เลื่อนเป็นประมาณทุกๆ 10 ชั่วโมง คืออาการจะประมาณว่า ไข้ขึ้นหนึ่งครั้ง กินยาพาราเข้าไป นอนห่มผ้า สักพักเหงื่อออกเต็มไปหมด ร่างกายก็เหมือนได้ระบายความร้อนออกไป เราก็รู้สึกสดชื่นขึ้น กินน้ำ กินข้าวได้ดีขึ้นหน่อย อาจจะเหนื่อยบ้างอยู่แต่มันเหมือนอยู่กลางทะเลทรายแล้วได้เจอแหล่งน้ำ แต่หลังจากนั้นซักสิบชั่วโมงไข้ก็กลับมาอีก เป็นอย่างนี้ตลอด วนไปๆ จนเกิดคำถามว่าเมื่อไหร่มันจะหายไปนะ เจ้าอาการเป็นไข้เนี่ย หัวก็ปวดระบมไปหมด เพราะว่ากินพาราติดต่อกันนานเกิน! ซึ่งพอตกเย็นหลังจากกินยาพาราไปอีกมื้อนึงแล้ว เหงื่อออกเรียบร้อย อาการดีขึ้น คุณแฟนก็มาถามว่า
“ยูอยากจะไปหาหมอไหม ไปให้เข้าตรวจดูว่าต้องทำอะไรบ้าง เผื่อเขาให้ยามา น่าจะดีกว่ากินแค่ไทลินอลอยู่อย่างนี้นะ” คุณแฟนถาม คงเห็นสีหน้าผมที่ซังกะตาย อาการก็ไม่ดีขึ้น ทรง ๆ ทรุด ๆ อยู่อย่างนี้ไม่รู้จะรักษายังไงแล้ว
“เอาซิ ยังไงก็ได้” ผมตอบไป ว่าแล้วก็ลากสังขารออกเดินทางไปตรวจที่ คลินิกฉุกเฉินชื่อ CityMD. หลังจากเข้าไปก็มีบุรุษพยาบาลมาวัดความดัน ตรวจชีพจร ผ่านไปซักพักก็มีหมอเดินเข้ามา หมอแกใส่อุปกรณ์ป้องกันแบบหนาแน่นมาก ใส่หน้ากากแบบที่เหมือนกับว่ากันได้แม้แต่แก๊สพิษ กับมีแผ่นพลาสติกป้องกันใบหน้าทับอีกชั้นหมอ ถุงมืออีกสองชั้น หมอก็เข้ามาดูหน้าตาเรา บอกอ้าปากขอดูในคอ กับให้ลองหายใจลึกๆ ซึ่งพอเราทำเราก็ไอตลอด
“คุณน่าจะเป็น COVID-19 นะ” หมอบอก ก่อนจะกล่าวเสริมว่าไม่ต้องแปลกใจ ใครๆ เขาก็เป็นกันทั้งนั้น ซึ่งเราก็พอจะดูอาการตัวเองออก มีอาการหมดทุกอย่างแบบนี้ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโควิท ก็คงเป็นควายแล้วล่ะครับคุณหมอ
“ระบบการหายใจยังปรกติอยู่ไม่มีอะไรต้องห่วง แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณหายใจลำบากมากขึ้นละก็...ให้ติดต่อโรงพยาบาลโดยตรงได้เลย ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกนะ เพราะคุณอาจจะแพร่เชื้อให้กับคนที่อยู่ที่นี่ได้” หมอบอกเหมือนไม่ใช่เรื่อง แต่คือ ณ ตอนนั้นเนี่ยผมหายใจไม่เคยจะได้เต็มปอดเลยสักครั้ง หายใจได้ห้วง ๆ สั้น ๆ ตลอดแบบนี้ อย่างนี้เขาเรียกปรกติเหรอครับคุณหมอ ผมถามไป
“เป็นธรรมดา โรคนี้มันจะทำให้เราหายใจสั้นลง แต่ถ้ายังสามารถหายใจได้ปรกติอยู่ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ เดี๋ยวหมอจ่ายยาให้ กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านเองนะ โชคดี” หมอบอก โธ่หมอ ถ้าหายใจขัดข้องขนาดนั้น ผมก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาลล่ะครับ ไปวัดไม่ดีกว่าเร๊อะ!
สรุปคือ หมอเขียนลงในใบตรวจว่าผมเป็น 'Viral Syndrome' กับสั่งยามาให้สองตัว เป็นยาแก้ไอตัวนึงชื่อ Robafen กินทุกสี่ชั่วโมงอีกตัวเป็นยาลดไข้ Naproxen กินทุกสิบสองชั่วโมง ผมไม่มีประกันก็ต้องจ่ายเอาค่าหมอเอง โดนไป $200 สบาย ๆ เล่นเอาซะเกือบไข้หายเลยกรู 555 กลับมาบ้าน กินยาชื่อ Naproxen ไปรอบนึง โอ๊ยยยยย...ยาแรงมากพ่อเจ้าประคู้น! กินไปไม่ถึงสิบนาที เหงื่อมาเต็มแบบน้ำท่วมผ้าห่มเลยครับพี่น้อง ไข้ลดลงแบบทันทีทันใด เราก็คิดว่าเออ ดีเว๊ย ยาตัวนี้ กินทีเหงื่อออกเร็วดีจัง แต่มันมาแรงมากจนหนาวตัวสั่นไปอีก… พอถามพี่สาวที่เป็นหมอ นางบอกว่าไม่ควรกินตัวนี้เพราะเหมือนเคยอ่านเจอบทความว่า ibruprofen และ nsaids เพราะเหมือนจะทำให้อาการแย่ลง ผมก็เสียดายเลยว่า แหม่ อุตส่าห์คิดว่าเจอยาแรง เหมาะมือแล้ว กินไปจะได้หาย แต่ก็ไม่เป็นไรครับ เชื่อคำหมอ คนในบ้านเราดีกว่า555
สรุปผ่านมาหกวันแล้ว อาการเหมือนจะดีขึ้น แต่ช้ามาก ยังมีอาการเหนื่อย ล้า ปวดตัวหลังแข็งตัวแข็งไปหมด มีอาการวิงเวียนตลอดเวลาก็ตาม ไข้ก็ยังคงมีเป็น ๆ หาย ๆ เหมือนเดิม จมูกยังไม่ได้กลิ่นอะไร และอ่อนแอ มือไม้ยังคงไม่มีเรี่ยวแรงเหมือนเดิม
วันที่เจ็ด:
วันนี้เป็นวันที่ดีใจสุดๆ เพราะเป็นวันสุดท้ายของการกิน Augmentin รู้สึกเหมือนเพราะกินยาตัวนี้ทำให้ร่างกายเราไม่มีเรี่ยวแรง ไม่สามารถจะสร้างอะไรออกมาสู้กับไวรัสได้เลย พอจะครบโดสแล้วก็รู้สึกโอเค ส่วนไข้ก็ยังกลับไปกลับมาเหมือนเดิม ส่วนอาการที่มีมานานแล้วและยังคงมีอยู่ คืออาการปวดหัวแปล๊บ ๆ แถบฝั่งซ้ายของหัว อารมณ์เหมือนมันระบม จับถูกก็ปวด นอนก็ปวด ไม่ทำเหรี้ยอะไร แม่งก็ปวด ทำตัวประหนึ่งเหมือนรัฐบาลไทยที่วันๆ ไม่ทำส้นตรีนอะไร นอกจากหาเรื่องให้คนไทยปวดหัว! เอ๊ะ! นี่มาการเมืองได้ยังไงหว่า สงสัยเพราะพิษไข้ 555
อาการอย่างอื่นก็ตามปรกติคือ ง่อยเปลี้ย ไม่มีแรง เหมือนคนไม่มีแรงบันดาลใจ ไม่เหลือพลังอะไรในชีวิตอีกต่อไปแล้ว น่าจะเป็นช่วงที่เรียกว่าจิตตกต่ำเตี้ยม่อต้อที่สุดแล้ว สิ่งหนึ่งที่คนป่วยต้องการมากนอกจากยาแรงแล้วก็คงต้องเป็นยาใจ แถมเรียกได้ว่าต้องการยาใจมากที่สุดเสียด้วย เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องของการฟื้นตัวทางร่างกาย แต่มันต้องเน้นเรื่องสภาพจิตใจด้วย ผมยังโชคดีที่มีคนคอยดูแล ยังคิดอยู่เลยว่า ถ้าไม่มีคุณแฟน ป่านนี้อาจจะตายไปแล้วก็ได้! เห็นใจนางเหลือเกินเพราะนางเหมือนต้องทำสองจ็อป นอกจาก Work from home แล้วยังต้องดูแลเราไปด้วย
แต่ก็มีที่เริ่มระทึกอยู่บ้าง ก็ตอนที่นางบอกว่า รู้สึกเหมือนจะมีอาการเจ็บคอกับไอแห้ง ๆ บ้างแล้ว เราก็แทบร้องกรี๊ดเลยครับ คือกรูเป็นคนเดียวยังป่วยนาน แถมทรมานขนาดนี้ นี่ถ้าป่วยพร้อมกันสองคน มันจะเลวร้ายขนาดไหนล่ะ! ตอนนี้สภาพเรายังไม่ฟื้นเลยนะ ถ้านางเป็นอีกคนใครจะดูแลล่ะ ว่าแล้วก็เลยพยายามปลุกไฟในตัวเองขึ้นมา บอกว่าต้องกินข้าวให้มาก ๆ จะบอกว่าทานไม่ไหว ไม่อยากทานก็ต้องยัดมันเข้าไป จะได้มีแรงสู้กับไวรัสตัวร้าย
วันที่แปดถึงวันที่สิบสอง:
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่ว่าตั้งแต่เลิกกิน Augmentin แล้ว ร่างกายก็เริ่มมีเรี่ยวแรงอีกครั้ง แม้ไข้จะยังกลับไปกลับมาตลอด แต่รู้สึกว่าร่างกายมันค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ ชีวิตเป็นกิจวัตรมากในช่วงสัปดาห์ที่สองของการป่วย นั่นคือ กินไวตามินซี 1000 mg วันละสองรอบ เปลี่ยนหน้ากากอนามัยทุกวัน วันละสองรอบ อาการทั่วไปแบบปวดตัวก็มีตลอด ไอเยอะมากแต่ว่าไอไม่แห้งแล้ว กลายเป็นไอที่มีเสมหะมาด้วยตลอด พอตัวร้อนเมื่อไหร่ก็กินพาราไทยเข้าไป สองมื้อเช้าเย็น แต่ก็กินแบบค่อย ๆ เว้นระยะห่างมากขึ้นจากที่สัปดาห์แรกนี่กินทุก สี่ชั่วโมง ก็กลายเป็นห่างแปดชั่วโมง ตอนนี้ขยับห่างเพิ่มเป็นสิบชั่วโมงก็ไหลไปจนเป็นสิบสองชั่วโมง จนวันที่สิบสองนี่แหละที่บอกลา เลิกกินพาราแล้ว ไชโย!
หลังจากนั้นอาการหัวที่ปวดแปล๊บ ก็ค่อย ๆ น้อยลงจนหายไปในที่สุด สรุปกว่าจะออกจากถ้ำกระบอก เลิกยาพาราได้ก็วันที่สิบสองนี่แหละ หลังจากนั้นอาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ช้าบ้างเร็วบ้างตามประสา แต่มันผ่านมาครบสองสัปดาห์แล้ว ตอนนี้ก็เริ่มกินข้าวได้มากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มมีความอยากอาหารมากขึ้น แม้จะยังไม่เท่าของเดิมก็ตาม แต่ก็เรียกว่าผมน่าจะรอดชีวิตจากเจ้าไวรัส COVID-19 แล้วล่ะ ก็อยากมาเขียนเป็นเรื่องราวแบ่งปันเรื่องราวให้กับเพื่อนๆ เผื่อคนไหนเป็น COVID-19 ก็หวังว่าเรื่องของผมจะพอเป็นสาระให้กับคนอ่านนะครับ
สรุปบันทึกคนป่วย COVID-19: อาการ คือ
- ไอแบบแห้งๆ เจ็บคอ เสียงไม่มี
- ปวดเมื่อยตามตัว คอและหลังนี่คือหนักสุด
- หายใจติดขัด สูดลมหายใจลึก ๆ หรือกลั้นหายใจไม่ได้ ถ้าเป็นหนักมากก็คือหายใจไม่ออก อันนั้นต้องไปโรงพยาบาลทันทีนะครับ
- มีไข้สูง กินยาลดไข้เท่าไหร่ก็เหมือนจะไม่หาย ผมกินพาราเซตตามอลติดต่อกันสิบสองวัน... กินจนกลัวได้ของแถม เป็นพวกโรคตับ โรคไตกันเลยเชียว
- จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรู้รสชาติ
ถ้าคิดว่าตัวเองกำลังติดเชื้อไวรัส COVID-19 และก็กำลังเริ่มมีอาการไอแบบแห้ง ๆ เหมือนมีอะไรติดอยู่ที่ลำคอ สิ่งที่ควรทำก็คือ ให้กลั้วคอด้วยน้ำเกลืออุ่น ๆ อย่าให้เจ้าไวรัสตัวนี้ติดอยู่แถวคอเราได้ เพราะมันจะลามลงไปที่ปอด ที่หน้าอก แล้วมันก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่!
ไวตามินซี ไวตามินบีรวมช่วยได้ ทานเข้าไปเถอะ เช้าเย็นๆ อย่างน้อยก็ให้ร่างกายมีไวตามิน มีแร่ธาตุไปสู้กับโรคร้าย ไวตามินซีช่วยเรื่องของไข้หวัดอยู่แล้วด้วย
ผ้าปิดปากหรือหน้ากากอนามัยใส่ซะ และจงเปลี่ยนทุกๆ 12 ชั่วโมงตามที่ CDC บอก (ตอนเป็นหนักๆ นี่ แฟนเราให้เปลี่ยนวันละสามรอบเลย) คือเวลาไอมาก ๆ สิ่งสกปรกมันก็ไปติดตามหน้ากากอันนั้นน่ะแหละ เราสามารถช่วยป้องกันไม่ให้มันไปติดคนอื่นได้ แต่ถ้าเราไม่เปลี่ยนมันบ้างตามเวลาที่ควรจะเปลี่ยน เราก็จะหายใจเอามันกลับเข้าไปใหม่นี่แหละ แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะหายล่ะจริงไหม และอย่าลืมแยกตัวเองออกจากคนอื่น ๆ ในบ้านซะ ไม่จำเป็นช่วงนี้ไม่ต้องคบหา ไม่ต้องพูดคุยอะไรเยอะ จริงๆ ก็ไม่ค่อยจะมีแรงคุยอยู่แล้วล่ะนะ 555
สุดท้ายก็รักษาตามอาการของโรค ตัวร้อนก็กินยาลดไข้ ไอก็กินยาแก้ไอ เจ็บคอก็กินยาแก้อักเสบหรือถ้าไม่มีจริงๆ พวกอม็อคซี่ หรือ Augmentin ก็พอจะช่วยได้อยู่ แต่ว่าถ้าไม่กินก็อาจจะดีกว่านะ เพราะมันทำให้ร่างกายเราอ่อนแอลง ตั้งแต่ผมกินครบโดส ร่างกายมันก็มีเรี่ยวมีแรง สภาพดีขึ้นมาทันตาเห็นเลย กับพยายามฝืนกินข้าวหน่อย ข้าวต้มร้อน ๆ ดูเป็นอะไรที่เข้าท่ากับคนป่วยอย่างเรามากที่สุด ร่างกายมันอาจจะไม่อยากกิน แต่ถ้าไม่กินอะไรบ้างแล้วร่างกายเราจะเอาพลังงานที่ไหนไปสู้กับเชื้อโรคล่ะ พอผ่านสัปดาห์แรกไปได้ สัปดาห์ที่สองร่างกายเราก็เหมือนจะเริ่มฟื้นตัวเองได้บ้างแล้ว พักผ่อนเยอะ ๆ ดื่มน้ำมาก ๆ ถ้าอาการทรุดหนักลง ก็ไม่ควรรักษาด้วยตัวเองต่อ ให้ติดต่อหารถพยาบาลมารับไปเข้าโรงพยาบาลดีกว่า ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะครับ ท่องเอาไว้ เราต้องรอด!
บุญรักษาครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา