“จิตหลังความตาย 20 นาทีแรก”
ก็มีความสำคัญในการเปลี่ยนภพด้วย
“การศึกษาทางประสาทสรีรวิทยา
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
พบว่าหนูที่ตายใหม่ๆ หัวใจหยุดทำงาน
เลือดหยุดไปเลี้ยงสมอง
แต่คลื่นสมองยังคงอยู่ในภาวะ
“ตื่นตัวขั้นสูง”
บ่งบอกถึงการมีสติสัมปชัญญะ
ของคนเมื่อหัวใจหยุดเต้น
ดังนั้น .. ทางการแพทย์บอกว่า
“ตาย” .. แต่สมองยังทำงานอยู่
เป็น “การสร้างภาพจากสังขารจิต 20 นาที”
ว่าจะไปภพภูมิใด
ดังนั้น .. จึงควร “เหนี่ยวนำ
ไม่ให้นิมิตมาหลอกหลอน 20 นาที
หลังหัวใจหยุดเต้น
(กรรม กรรมนิมิต คตินิมิต)
การเข้าสู่ความมืด(ภวังคจิต)
บังสุกุล คำศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละศาสนา
จะปลุกจิตให้ตื่นหรือถอนออกมาเอง
แปลว่า .. ต่อให้ก่อนตาย
ญาติและคนไข้ได้เตรียมตัว
เหนี่ยวนำจิตเป็นอย่างดี จนตายไปแล้ว
(ก็คือหัวใจหยุดทำงาน)
สมองก็ยังเหนี่ยวนำสิ่งที่ทำก่อนตายอยู่
เช่น .. ถ้ากำลังสวดมนต์ภาวนา
ตายไปแล้วจิตและสมองก็ยังหมกมุ่น
อยู่กับการสวดมนต์ภาวนา
ดวงจิตก็ย่อมเปลี่ยนภพภูมิไปที่ดี
แต่หากสมมติว่า .. ก่อนตายเตรียมตัวดีมาก
แต่เมื่อตายไปแล้ว
ญาติๆ ร้องไห้ระงมเสียงดังลั่น
หรือ ลูกหลานทะเลาะแย่งสมบัติ
ด้วยเสียงแซ่งแซ่ บรรยากาศเหล่านั้น
ก็จะเหนี่ยวนำให้สมองครุ่นคิดตรงนั้น
และก็นำพาดวงจิตไปสู่ภพภูมิไม่ดีได้นั่นเอง
ดังนั้น .. สิ่งที่ควรทำหลังความตาย 20 นาทีแรก คือ .. "สวดมนต์"
เมื่อรู้ว่ามีคนตาย ก็หยิบขวดน้ำมนต์เย็นๆ
ในตู้เย็นติดมือไป และ หยดน้ำมนต์ที่ตาที่สาม (จักระ 6) ตรงหน้าผากหว่างคิ้ว
เพื่อให้ความเย็นของน้ำไปส่งสัญญาณ
ให้สมองที่ตรงกลางข้างในซึ่งยังทำงานอยู่
ได้ตื่นตัวฟังเสียงสวดมนต์หรือบังสุกุล
แต่ถ้าใครไม่มีน้ำมนต์ ก็ให้ใช้น้ำเย็นธรรมดาก็ได้