29 ก.ย. 2020 เวลา 10:39 • การศึกษา
..พระอานนท์พิสูจน์อย่างไร...ว่าได้บรรลุพระอรหันต์แล้ว ....
#วิริยสูตร #พระอานนท์
เรื่องที่นำมาเสนอในวันนี้.... เป็นเรื่องในวิริยสูตร พระพุทธองค์ตรัสว่า... "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นเหตุให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรืออกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป เหมือนการปรารภความเพียร "
ในเรื่องนี้ มีตัวอย่างของพระอานนท์ ที่ปรารภความเพียรอันยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะทำการประชุมสังคายนา เพราะว่าผู้ที่จะทำสังคายนาจะต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น แต่พระอานนท์ยังเป็นพระโสดาบัน เรื่องมีอยู่ว่า ....
วันหนึ่ง เพื่อนสหธรรมิก กล่าวพาดพิงพระอานนท์ว่า "ในหมู่สงฆ์นี้ มีภิกษุรูปหนึ่งเที่ยวโชยกลิ่นคาวอยู่" พระอานนทเถระได้ยินคำนั้น รู้สึกสังเวช สลดใจ เพราะท่านรู้ดีว่า ...แม้ท่านมีความรู้มาก ได้อยู่ใกล้พระพุทธเจ้ามากที่สุด แต่ยังไม่ได้หมดกิเลสเหมือนพระภิกษุรูปอื่น จึงเป็นเหมือนผู้มีกลิ่นคาวอยู่ ทั้งยังได้ฟังคำแนะนำจากเพื่อนสหธรรมิกว่า "การประชุมเพื่อทำสังคายนาจักมีขึ้นในวันพรุ่งนี้แล้ว แต่ท่านยังเป็นพระเสขะ ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์จึงไม่ควรที่จะเข้าร่วมการประชุม ขอท่านจงเป็นผู้ไม่ประมาทเถิด"
พระอานนท์รู้สึกกังวลใจอยู่ลึกๆ เพราะว่าที่ประชุมใหญ่ มีแต่พระอรหันต์ล้วน ๆ แต่ท่านเป็นพหูสูต ทรงจำพระธรรม คำสอนไว้มาก มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมประชุมด้วย จึงตั้งใจปฏิบัติธรรม เจริญกายคตาสติตลอดทั้งวันทั้งคืน เวลาท้อแท้ใจขึ้นมา ก็นึกถึงโอวาทของพระบรมศาสดาว่า....
"อานนท์ เธอเป็นผู้ที่ได้ทำบุญไว้ดีแล้ว ในบรรดาพุทธอุปัฏฐากทั้งหลายในภัทรกัปนี้ เธอเป็นยอดของอุปัฏฐากเหล่านั้น เพราะฉะนั้น เธอจงหมั่นประกอบความเพียรเถิด จักเป็นผู้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะในภพชาตินี้"
ท่านคิดว่า "ธรรมดาพุทธพยากรณ์นั้น จะไม่เป็นอย่างอื่น เด็ดขาด สงสัยเราคงปรารภความเพียรมากเกินไป จิตของเราจึงไม่สงบเป็นเอกัคคตารมณ์ เอาเถิด เราจะประกอบความเพียรให้พอดีๆ" เนื่องจากท่านได้บำเพ็ญสมณธรรมติดต่อกันมาหลายคืน ไม่ค่อยได้พักผ่อน ร่างกายจึงอ่อนเพลีย
ในเวลาใกล้รุ่งของเช้าวันนั้น หลังจากหยุดการเดินจงกรม แล้ว ท่านกลับเข้าไปในกุฏิ เพื่อจะพักผ่อนนอนหลับสักครู่ เพราะร่างกายอ่อนเพลียมาก ในขณะที่เอนกายลง เท้าทั้งสองยังไม่ทันพ้นจากพื้น ศีรษะยังไม่ทันถึงหมอน ขณะนั้นเอง ใจของท่านปลอดโปร่ง โล่ง เบาสบาย คลายจากความตั้งใจมากเกินไป เมื่อใจสบาย ใจหยุดนิ่งได้ถูกส่วน หยุดเข้าไปในกลางกายธรรมพระโสดาบัน ดำเนินจิตเข้าไปเรื่อยๆ จนเข้าไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายธรรมอรหัต เป็นพระอรหันต์ หลุดพ้นจากอาสวกิเลสทั้งหลาย
ครั้นถึงเวลาเช้า ที่พระอรหันต์ต้องประชุมกันเพื่อทำสังคายนา ได้มีการจัดอาสนะสำหรับพระอานนท์ด้วย เพราะถือว่า ท่านจะมาหรือไม่มาก็ตาม ควรให้ความเคารพภิกษุผู้เป็นพระเถระและเป็นพหูสูต พระอานนทเถระมีความประสงค์จะให้ผู้อื่นรู้ว่า ท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว เมื่อจะแสดงอานุภาพของท่านให้ปรากฏ จึงใช้อิทธิปาฏิหาริย์ดำลงในแผ่นดิน ไปโผล่ขึ้นในท่ามกลางมหาสมาคม นั่งอยู่บนอาสนะที่เตรียมไว้สำหรับท่าน
เมื่อพระมหากัสสปะเห็นพระอานนท์ ได้กล่าวชื่นชมยินดีว่า ....ท่านผู้เจริญ พระอานนท์บรรลุพระอรหันต์แล้ว งามจริงๆ หนอ ถ้าพระบรมศาสดายังดำรงพระชนม์อยู่ พระองค์จะพึงประทานสาธุการแก่พระอานนท์ในวันนี้แน่แท้.... จากนั้นคณะสงฆ์ทุกรูปพร้อมใจกัน อนุโมทนาสาธุการกับพระอานนท์ที่ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
จะเห็นได้ว่า ความเพียรในการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง เป็นสิ่งที่ควรทำกันทุกคน เมื่อหยุดแล้ว ใจจะแล่นเข้าไปเอง หลุดร่อนจากกายและกิเลสต่างๆ ไปทีละชั้น เป็นชั้นๆ เข้าไป เมื่อหยุดสนิทที่ตรงกลางฐานที่ ๗ ใจจะถูกดึงดูดให้แล่นเข้าไปสู่ข้างใน หลุดจากหยาบไปถึงละเอียด จนกระทั่งถึงกายธรรมอรหัต กายธรรมอรหัตหลุดร่อนจากกิเลสอาสวะทั้งหลาย จะหลุดได้ก็อาศัยวิธีหยุดกับนิ่งอย่างเดียว แล้วใจจะแล่นเข้าไปข้างในเคลื่อนเข้าไปเรื่อยๆ เคลื่อนไปก็ขยายกว้างออก ขยายไปสู่จุดที่ละเอียด จากกายมนุษย์หยาบก็เข้าไปถึงกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายพรหม กายอรูปพรหม และเข้าถึงกายธรรมในกายธรรมเข้าไปเรื่อยๆ อาศัยการหยุดกับนิ่งอย่างเดียว
คัดลอกบางตอนมาจากหนังสือธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับมงคลชีวิต ๒
หน้า ๙๗ -๑๐๔
อ้างอิง.......พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย)
พรหมชาลสูตร เล่ม ๑๑ หน้า ๘๑
โฆษณา