Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กีฬาโต๊ะกลม
•
ติดตาม
27 ก.ย. 2020 เวลา 10:17 • กีฬา
ต่อให้แปลงกายเป็นนางฟ้าจำแลงปรากฏกายลงมา ถึงโฉมงามเพียงใด
แต่ก็ยังทิ้งตัวตนเดิมที่เป็นอสูรร้าย ไปไม่ได้
ถ้าท่านผู้อ่านท่านใดชื่นชอบในกีฬาความเร็ว โดยเฉพาะการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ อย่างรถสูตรหนึ่ง หรือฟอร์มูล่าวัน - Formula One นอกจากการแข่งขันเรื่องความเร็วที่เห็นกันผ่านจอ และการนำเสนอเครื่องยนต์ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีขั้นดีที่สุดของโลกก็ตาม เรื่องธุรกิจที่เป็นฉากหลัง ซึ่งเป็นน้ำเลี้ยงในการลงทุน วิจัยและพัฒนาของแต่ละค่ายรถ ก็มีปมที่ฟาดฟันกันสนุกไม่แพ้บนสนามแข่งเช่นกัน
เรื่องนี้ถ้ามองย้อนหลังไปซัก 10 กว่าปีก่อน ภาพชินตาสิ่งหนึ่งที่หายไปจากหน้าจอการแข่งขัน ก็คือ การโฆษณาบุหรี่หลากหลายยี่ห้อ ที่แสดงในจุดเด่นหลักของรถ รวมทั้งบนชุดนักแข่ง และทีมงานทั้งหมด
ถึงแม้ปัจจุบัน ในการแข่งฟอร์มูล่าวัน จะมีกฏห้ามมีการโฆษณาบุหรี่โดยสิ้นเชิง แต่ก็มีบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าหนึ่ง ที่พยายามหาทุกวิธีทาง เพื่อให้ได้กลับมาอยู่ในจุดเดิม สามารถให้ผู้คน และแฟนกีฬาโดยทั่วไปเข้าถึง และจดจำสินค้าตัวเองให้ได้ต่อไป
นั่นก็คือบริษัท Philip Morris เจ้าของแบรนด์ Marlboro
ภาพช่วงที่บริษัทสนันสนุนหลักในแต่ละค่าย ยังเป็นแบรนด์บุหรี่ ที่เห็นกันจนชินตา
Philip Morris International (PMI) และ Ferrari ทั้งคู่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจมาอย่างยาวนานมากกว่า 3 ทศวรรษ เริ่มตั้งแต่ปี 1984 และนำ Marlboro ขึ้นเป็นแบรนด์หลักตั้งแต่ปี 1997 ซึ่งแน่นอนนอกจากอยู่กันยาวแล้ว เม็ดเงินสนับสนุนที่ลงไปในแต่ละปีก็มหาศาลเช่นกัน
ที่จริงการห้ามโฆษณาบุหรี่ หรือยาสูบต่างๆ เริ่มมีมาบ้างแล้ว ช่วงปี 1970s ในประเทศเยอรมัน แต่เริ่มเด่นชัดเป็นรูปธรรม ในปี 2005 โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ - Framework Convention on Tobacco Control หรือ FCTC และมีการเจรจา ส่งเรื่องให้กับทาง สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ FIA - Federation Internationale de L’Automobile
FIA ก็คือ หน่วยงานที่มีความรับผิดชอบในการกำหนด กฎ ระเบียบ แถมยังเป็นผู้กำหนดและจัดการแข่งขันรถยนต์ 4 ล้อระดับโลก ซึ่งฟอร์มูล่าวันก็อยู่ภายใต้กฏนี้
รวมทั้งเรียกร้องไปยังรัฐบาลตามประเทศที่มีสนามแข่งต่างๆ ให้ดำเนินการตามกฎหมายภายในประเทศของตน ให้ห้ามการโฆษณา การส่งเสริมและการสนับสนุนบุหรี่ หรือยาสูบต่างๆ ซึ่งอาจรวมถึงการออกบทลงโทษที่บังคับใช้ภายใต้กฎหมายภายในประเทศและการดำเนินการป้องกันต่างๆ โดยเริ่มจากประเทศใน EU และขยายออกไป
สรุปสุดท้าย กว่าจะลงตัว ทั้งหมดจบลงในปี 2008 การแข่งฟอร์มูล่าวันในทุกสนาม ห้ามมีการโฆษณาบุหรี่โดยสิ้นเชิง คือ ห้ามแสดงโลโก้ หรือสัญลักษณ์เชิงพาณิชย์ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในทุกประเทศที่มีการแข่งขัน ก็เป็นตามที่คาดการณ์ ผลดังกล่าว ทำให้บริษัทบุหรี่หลายรายค่อยๆ ถอนตัวออกไป เช่น Lucky Strike ออกจากค่าย Honda, McLaren ต้องยุติ 8 ปีกับ West และ Mild Seven ก็จำต้องออกจาก Renault แต่ไม่ใช่สำหรับ Ferrari ที่ช่วงนั้น เลือกต่อสัญญากับ Philip Morris International (PMI) ต่อไปอีก
เหมือนมีแผนในใจก่อนแล้ว Ferrari แทนที่โลโก้ Marlboro ด้วยสัญลักษณ์แบบ บาร์โค้ด - Barcode พร้อมกล่าวชี้แจงว่าไม่เคยมีจุดประสงค์เพื่อเชื่อมโยงกับแบรนด์เดิม และขอการยุติเรื่องนี้และมุ่งเน้นไปในสิ่งที่สำคัญกว่า หึ่ม.. กะชิ่งและปิดจบโดยเร็ว
แบบ บาร์โค้ด ที่ใช้ระหว่างปี 2008-2010
สุดท้ายก็ไปไม่รอดนะครับ ถูกถอดออกในปี 2010 โดนข้อกล่าวหาเรื่องการโฆษณาแฝง โดยสี และแบบ ที่มีส่วนคล้ายซองบุหรี่ Marlboro
กฏก็ต้องเป็นกฏ เมื่อไม่ได้จริงๆ สุดท้ายก็ต้องมาใช้โลโก้ที่เป็นม้าพยองของตัวเอง - Scuderia Ferrari
แบบ Scuderia Ferrari ที่ใช้จนถึงราวกลางปี 2018
แต่เรื่องยังไม่จบง่ายๆ อีกครั้งในปี 2018 ทาง PMI ปล่อยตัว Mission Winnow ออกมา โดยออกประกาศว่าไม่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาบุหรี่แต่อย่างใด อีกแล้ววว! โดยมีจุดมุ่งหมาย แบบว่าให้ทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน สร้างสรรค์โลก สามารถเปลี่ยนไปใช้ชีวิตด้วยหนทางที่ดีกว่า เน้นเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม อุทิศตัวให้กับเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนั้น
Mission Winnow ในปี 2019
เนื่องด้วย Philip Morris ก็ยังเป็นนายทุนใหญ่และเจ้าของ อยู่เบื้องหลังการวิจัย และการจัดการต่างๆ ทำให้สนามแข่งในบางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ แคนาดา ก็ไม่อนุญาติให้ใช้สื่อ Mission Winnow ออกไป โดยมองว่ายังเป็นการแฝงโฆษณาบุหรี่อยู่เช่นเดิม ซึ่งนี้ก็แสดงให้เห็นว่า ต่อให้ประกาศว่าจุดยืนสวยงาม และเป้าหมายดูดีเพียงใด แต่ก็ยังหนีตัวตนเดิมของตนเองไม่พ้น ใครจะไปเชื่อละครับ
ซึ่งในปี 2019 ทาง Ferrari ต้องใช้รถแข่งที่ไม่สามารถแสดงโลโก้ Mission Winnow ได้ใน 11 สนามจากทั้งหมด 16 สนาม เลยทีเดียว
และนี้ก็ถือว่านี้เป็นการพยายามครั้งล่าสุดจาก Philip Morris และ Ferrari
ในช่วง covid-19 ตารางการแข่งขันที่เหลือถูกยกเลิก และกรมอนามัย หรือกระทรวงสาธารณสุขในแต่ละประเทศ รวมทั้งองค์การอนามัยโลก (WHO) มีเรื่องโรคระบาดที่แทรกเข้ามาให้ต้องเร่งจัดการ เสมือนการพักยก ที่ต้องไปปรับกลยุทธ์และหาวิธีการ จนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องกลับมาแข่งกันใหม่ ต้องติดตามกันต่อไปว่าทาง WHO, FIA จะมีมาตรการอะไรต่อไป เป็นการห้ามโดยเบ็ดเสร็จเด็ดขาดหรือไม่ เพื่อไม่ให้การโฆษณาบุหรี่ทุกรูปแบบหวนกลับมาได้อีก หรือฝ่าย PMI จะมีไอเดียนำเสนอล้ำหน้าอะไรอีก เพื่อให้รอดพ้นจากกฎข้อห้ามนี้ไปให้ได้
อ้างอิงตามข้อมูลองค์การอนามัยโลก (WHO)
ทุกๆ ปี มีผู้เสียชีวิต มากกว่า 8,000,000 ราย มีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่
โดยมากกว่า 7,000,000 ราย เป็นผู้สูบโดยตรง และประมาณ 1 ล้าน 2 แสนราย เป็นผู้รับผลกระทบจากควันบุหรี่ หรือควันบุหรี่มือสอง ซึ่ง 80% ของรายได้ ในอุตสาหกรรมนี้ มาจากผู้สูบที่ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลาง
REFERENCES - ข้อมูลอ้างอิง
*
https://www.racefans.net/2019/02/13/how-tobacco-brands-are-returning-to-f1-by-the-back-door/
*
https://ash.org.uk/media-and-news/blog/big-tobacco-f1/
*
https://www.retro-speed.co.uk/showfeature.asp?art=6526
*
https://www.autoweek.com/racing/formula-1/a2007391/ferrari-denies-marlboro-influence-formula-one-logo/
*
https://thejudge13.com/2018/02/21/marlboro-will-be-advertised-on-the-2018-ferrari-car/
*
https://tobaccotactics.org/wiki/motorsport-sponsorship/
*
https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/tobacco
2 บันทึก
8
4
2
8
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย