Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เศษซากปรักหักพัง
•
ติดตาม
23 ก.ย. 2020 เวลา 12:38 • นิยาย เรื่องสั้น
ศิลปินใจสลาย กับคำทักทายจากชายผู้กลับมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ
"ฝีแปรงคุณเปลี่ยนไปนะ"
เขาบอก จะว่าไปเธอไม่ได้เห็นใบหน้าของเขามานานแล้ว รวมถึงไม่ได้ยินเรื่องราวของเขาในชีวิตมานานแล้วเช่นกันล่ะมั้ง
—อยู่ดี ๆ เขาก็ก้าวเข้ามาในพิพิธภัณฑ์ของเธอ ไม่มีถ้อยสำเนียงทักทาย ไม่มีเสียงฝากกระซิบมากับสายลมหนาว
"อื้ม ก็เริ่มใช้ฝีแปรงนี้มาสักพักใหญ่แล้วแหละ" —การเริ่มบทสนทนานั้นจะเป็นการกระทำที่สมควรหรือเปล่านะ
"แล้วคุณไม่ใช้ฝีแปรงเดิมหรือไม่วาดด้วยเทคนิคแบบเก่าแล้วหรือ?" คำถามของเขาช่างน่าขบขันนัก
"ฉันก็ยังชอบความละมุนละไมของฝีแปรงแบบเก่าของฉันอยู่ แต่ฉันก็ชอบความสับสนคลุมเครือแบบฝีแปรงอันใหม่ของฉันด้วย"
"คุณนี่เข้าใจยากดีจังนะ" เขาค้นดูภาพนับสิบบนพื้น —ที่มีเนื้อสีอะคริลิกฉาบลงบนเฟรมผ้าใบขึ้นมาดูและวางมันลงในตำแหน่งเดิมที่มันเคยอยู่
"ศิลปะของฉันอาจไม่เหมาะกับคนที่ไม่พร้อมจะทำความเข้าใจมันก็ได้" —คงเป็นคำประชดประชันเดียวที่ฉันมอบให้เขาได้
เขานิ่งเงียบสักพัก "ถ้าเช่นนั้นงานศิลปะของคุณปฏิเสธผมหรือ?" ยังคงเป็นคำถามที่น่าขบขันจนไม่น่าเอื้อนเอ่ยออกมาได้
"ถึงมันจะเป็นอย่างนั้น แต่มันก็ไม่เคยปฏิเสธใคร" —กับคุณแล้ว ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ —ฉันไม่ได้ตอบไปทั้งหมด
เขาเดินเตร็ดเตร่ลึกเข้าไปในห้องเก็บภาพ เหยียบย่ำลงบนทุกตารางนิ้วของพื้นกระเบื้องสีมะฮอกกานี สอดส่องสำรวจทุกซอกซอนเสียราวกับว่ามันเป็นสถานที่ที่ไม่มีเวลาเปิด-ปิด —เขาช่างใจเย็น ไม่รีบร้อนและกำเริบเหิมเกริม ราวกับเขาคิดว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเขา
เขากวาดสายตาไปทั่วทุกอณูของทุกเฟรมผ้าใบมากมายที่วางเรียงกระจัดกระจายกันอยู่ที่พื้นห้อง สองมือควานหยิบจับเลือกสรรผลงานขึ้นมาเชยชมตามใจชอบ ทั้งยังเลือกภาพแนว Abstract ที่เธอใช้ฝีแปรงแบบเดิมบรรจงสาดสีชมพูเฉด Ballet Slipper ผสมกับสีฟ้าเฉด Babyblue ลงไปเสียน่ารัก —เอามาแนบลำตัวไว้อย่างกับเขาเองคือผู้เป็นเจ้าของ
"ผมชอบภาพนี้ที่สุด" —ดูคำพูดของเขาสิ
"นี่คือจุดประสงค์ของการเข้ามาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ของฉันในเวลาปิดทำการหรือ?" เธอถามคำถามที่เธอนึกฉงนสงสัย
"คงเป็นการโกหกหากผมตอบว่า ไม่" —เป็นครั้งแรกหรือเปล่านะที่เขาพูดความจริงเช่นนี้ —แต่หากเป็นคำพูดที่ฟังดูแล้วเจ็บปวดดี ก็คงจะเป็นความจริงถูกต้องแล้ว
"คุณไม่เคยใช้สีดำเช่นนี้บนเฟรมผ้าใบของคุณ ฝีแปรงใหม่ของคุณนั้น ผมไม่ชอบเอาเสียเลย" เขากำเริบเสิบสานเข้ามาลูบคลำภาพของเธอบนขาตั้งเฟรมอีกครั้ง ทั้งที่มันยังไม่เสร็จดี อีกทั้งวิจารณ์เสียขวานผ่าซากราวกับนักวิจารณ์ศิลปะมือหนึ่งที่ไม่เคยแยแสศิลปิน
"ฉันค้นพบว่าสีดำมันน่าหลงใหลดี และเชื่อมั่นยึดถือฝีแปรงใหม่ของฉันเทียบเท่ากับของเดิม น่าแปลกที่ฉันไม่คิดจะใช้มันก่อนหน้านี้" เธอตอบกลับด้วยความสัตย์จริงทั้งหมดตราบเท่าที่เคยทำมา
"เป็นทฤษฎีที่น่าสนใจ แต่ผมยังคงชอบสีสันสดใส กับฝีแปรงนุ่มละไมแบบเดิมของคุณมากกว่าเป็นไหนไหน" เขาก้มมองภาพ แววตาและสีหน้าเรียบเฉยเมื่อจ้องมองรูปวาดแนว Abstract ที่ซัดสาดสีดำกับสีชมพูหม่นบนเฟรมผ้าใบของเธอ —บ่งบอกดีว่าเขาเข้าไม่ถึงมันเสียเลย
"คุณคงไม่มีวันเข้าใจศิลปะของฉัน และไม่มีวันชื่นชอบมันได้อีก นับแต่นี้ต่อไป ไม่ว่ารูปใดใดที่ฉันจะวาด ฝีแปรงใดใดที่ฉันจะระบาย หรือสีใดใดที่ฉันจะแต่งเสริมเติมใส่"
"คุณหมายความว่าอย่างไรกัน? ให้ตายเถอะนะ ผมไม่เคยเข้าใจคุณเสียเลย" —เขายังทำทีเหมือนเป็นเรื่องน่าขบขัน —คงจริงอย่างนั้น มันอาจเป็นเรื่องน่าขบขันมาโดยตลอด
—เขาช่างหยาบคายเสียจริง
"หากคุณได้รูปที่คุณประสงค์แล้ว ก็คงเสร็จกิจธุระกับฉันแล้วใช่หรือไม่?" เธอไม่คิดอยากจะอธิบายคำตอบของคำถามก่อนหน้านี้
"ผมคงไม่ได้บอกคุณ ว่าผมแวะมาทักทายคุณด้วยเช่นกัน" —คำพูดของเขาน่าขันอีกแล้ว
"ฉันคงไม่ถือสาอะไร ถ้านั่นเป็นเพียงจุดประสงค์รองของคุณเท่านั้น" เธอยังคงตอบด้วยความสัตย์จริงเที่ยงแท้
เขาหยิบรูปวาดเฟรมเก่าที่แนบหนีบลำตัวไว้ขึ้นมาเชยชมสมฤดี
"รูปวาดมากมายนั่น คุณไม่เก็บมันไปให้หมดเสียเลยเล่า เหตุใดถึงเลือกมาเพียงรูปนี้" เธอถามต่อเมื่อเห็นเขาทำเช่นนั้น
"ผมคงไม่รบกวนคุณขนาดนั้น ผมขอเก็บไว้เพียงรูปนี้ รูปที่ผมชอบที่สุดก็พอ" —เขาสรรหาคำตอบน่าพิสมัยสำหรับสนองความต้องการของเขาได้ดีเสมอ
"ผมพูดจริงจริงนะ ผมชอบฝีแปรงและโทนสีเดิม ๆ ของคุณเหลือเกิน ผมชอบการที่คุณมองสีพวกนั้นออกมาในแนวทางที่สวยงามเช่นนี้ หากเป็นไปได้ผมอยากให้คุณกลับมาวาดรูปแบบนี้ต่อไป" ไม่เพียงพูด หากยังยกรูปภาพในมือขึ้นมาประกอบราวกับนักโฆษณาชวนเชื่อ
—นึกขันลึก ๆ เหมือนกันที่คำพูดเหล่านั้น มาจากคนที่ไม่เคยแม้แต่จะจับด้ามพู่กันหรือจานสีเลยสักครั้ง
"ทำไมคุณถึงพูดว่าคุณหลงใหลฝีแปรงใหม่ของคุณ เทียบเท่ากับของเดิมเสียเล่า ผมว่ามันหมองเศร้า ว่างเปล่าและไร้จุดหมายจนน่าอดสู" —คำถามจริงใจเช่นนี้ ทำไมไม่เคยได้ยินก่อนหน้านี้บ้างเลยนะ
เขามองภาพบนเฟรมที่ยังไม่เสร็จดีอย่างพินิจไตร่ตรอง สีดำทมิฬที่สาดฉาบทาบทับสีชมพูหม่นเป็นวงใหญ่ราวกับรอยเปื้อนที่ลบไม่ออก ทำให้เขาเบือนหน้าหนีเมื่อพบเห็น ฝีแปรงหยาบโลนเปื้อนป้ายทำให้เขาขมวดคิ้วเป็มปมอย่างไม่เข้าใจในความหมายของมัน —ไม่มีสิ่งใดบนผืนผ้าใบนี้ที่คุณหลงใหลเลยสินะ
"อาจเป็นเพราะฉันไม่สามารถกลับไปวาดฝีแปรงแบบเก่าของฉันได้อีกต่อไปแล้ว" เธอตอบ คำตอบแสนสัตย์จริง เที่ยงตรง จนให้รสขมปร่าที่ปลายลิ้น
"ทำไมเป็นเช่นนั้นเล่า" —อีกแล้ว เขาไม่เคยเข้าใจอะไรเลยสินะ
"คุณไม่น่าถามเช่นนั้นเลย แล้วฉันจะตอบอย่างไรดีเล่า" —คำถามของเขาล้วนแต่จาบจ้วง เต็มไปด้วยความใคร่รู้ แต่ก็ว่างเปล่าจนโหดร้าย
"ทำไมคุณไม่เคยอธิบายสิ่งใดใดให้กระจ่างแจ้งใจหรือแถลงไขถ้อยคำกำกวมนั่น ให้ชัดเจนมาเสียสักสิ่งอย่าง" เขาตอบคิ้วขมวดเป็นปม
เธอไม่ต้องตอบคำถามของเขาให้ประจักษ์เลยสักคำถามก็ยังได้
"เช่นนั้นคุณตอบฉันมาเสียสักหน่อย ว่าคุณจะให้ฉันอธิบายคำตอบจากถ้อยคำถามที่ว่า ‘ทำไมฉันถึงไม่กลับไปวาดฝีแปรงแบบเก่า’ กับคนที่ทำให้ฉันไม่อาจกลับไปวาดฝีแปรงแบบเดิมเหล่านั้นได้ ด้วยคำตอบอย่างไรดีเล่า" สัตย์จริง—เที่ยงตรง—และออกมาจากหัวใจ
"คุณหมายความว่าอย่างไรกันแน่" เขาถามมาอย่างสงสัย —โง่เขลา คำถามนี้ช่างโง่เขลา
—เขาช่างเก่งกาจเสียจริงกับการทำให้ 'คนอื่น' รู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้ "ศิลปะอันพิกลพิการของฉัน คงไม่มีทางที่คุณจะเข้าใจมันไปได้มากกว่าลายเส้นที่ฉันใช้ สีที่ฉันระบาย หรือความสวยงามที่คุณจับต้อง ขอบคุณที่มองเห็นความสวยงามจากฝีแปรงอันเก่าและความอัปลักษณ์ยับเยินจากฝีแปรงอันใหม่ของฉันได้ชัดเจนเช่นนี้"
สายตาเธอมองผ่านกระจกหน้าต่างไปที่ท้องฟ้าสีดำเข้ม —สงบเหลือเกิน แต่ช่างเยือกเย็น ดาวพร่างกระจ่างแสงเพียงไม่กี่ดวงที่ยังคงมีให้เห็นรำไร ที่เหลือคงหลบหลีกซ่อนเร้นในกลีบเมฆครึ้ม —คงจริง วันนี้ไม่เหมาะกับการชมดาวเอาเสียเลย
เธอไม่รู้เหมือนกัน ว่าตอนนี้แววตาของเขาคนนั้นจับจ้องไปที่ตำแหน่งใด และสีหน้าของเขาจะงุนงงสงสัย หรือเรียบเฉยได้ถึงเพียงไหน —แต่ที่แน่ ๆ คงไม่มีสักหยดน้ำตาที่รินไหล
"ขอโทษนะคะคุณลูกค้า ตั้งแต่คุณจากไป ศิลปะที่เกิดจากความรักเช่นนั้นทางเราคงไม่อาจผลิตมันขึ้นมาให้สวยสมหรือถูกใจหมายหมั้นคุณลูกค้าได้อีกแล้ว และฉันยินดีที่จะมอบผลงานในมือคุณนั้น ให้เป็นชิ้นสุดท้ายโดยไม่คิดสักเศษสตางค์แดงเดียวเหมือนอย่างเคย"
"ขอบคุณคุณ —ผู้อุปการะพิพิธภัณฑ์ศิลปะกระจอก ๆ ของฉัน และทำให้ได้รู้ว่า ศิลปะจากความรักนั้น สวยงามน่าเชยชมมากเพียงใด —แต่ในตอนนี้ มีเพียงฝีแปรงหยาบโลนแห้งกรังที่ทางเราพอจะประทังเยียวยาจิตใจและพิพิธภัณฑ์ศิลปะของฉันไว้ได้"
"ขอบคุณคุณ —ผู้อุปการะอีกครั้ง ที่ทำให้ได้รู้ว่า ศิลปะที่เกิดจากความไม่รักนั้น แม้จะเป็นรูปแบบตรงกันข้าม แต่ก็สวยงามน่าหลงใหลไม่แพ้กันเท่าไร —ตลกสิ้นดีเลยว่าไหมคุณลูกค้า —ที่ไม่ว่าการที่คุณจะเข้ามาหรือจากไป ก็ล้วนแต่มีความหมายกับงานศิลปะทุก ๆ ชิ้นของฉันทั้งนั้น"
—เขาจะมีสีหน้าอย่างไรกันนะ เมื่อได้ฟังเรื่องราวเหล่านั้น เรื่องราวที่ไม่เคยถูกบอกกล่าว ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเขาทั้งนั้น —ไม่ว่าเรื่องไหน ๆ ของฉัน หรืองานศิลปะชิ้นไหน ๆ ของฉัน ก็มีเขาเป็นองค์ประกอบอยู่ดี
เขาหันหลังกลับไปแล้ว และกำลังจะเดินจากไป
—เชื่อว่าคงเป็นการจากไปที่ไม่มีวันหวนกลับมา เมื่อได้สดับฟังถ้อยความจริงที่น่าอดสู
"เราคงไม่มีโอกาสเจอกันอีกแล้วใช่หรือไม่"
เธอถาม —ศิลปินผู้กักเก็บความรู้สึก ไม่อาจทำให้มันเป็นความลับได้อีกต่อไป
"..."
—เธอรู้คำตอบดี เธอรู้คำตอบของเขาดีเสมอ
"ที่นี่ยังคงต้อนรับคุณเสมอ
แม้ไม่มีงานศิลปะใดใดแล้วให้คุณตามหา และขอบคุณสำหรับความกรุณาของคุณลูกค้าที่มีกับเรามาโดยตลอด"
"..."
เขาค่อย ๆ เดินห่างออกไปอย่างนิ่งเงียบ เงียบยิ่งกว่าสรรพเสียงของความเงียบที่เธอได้ยินในค่ำคืนไร้ดาวนี้
"คุณถามฉันว่า ฝีแปรงของฉันเปลี่ยนไป ใช่หรือไม่ และคำตอบคือ ‘ใช่’
.
ฝีแปรงวาดภาพของฉันเปลี่ยนไป
เพราะใจของฉันยังไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
เช่นคุณ"
"ราตรีสวัสดิ์และโชคดีนะคะคุณลูกค้า"
1 บันทึก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย