24 ก.ย. 2020 เวลา 14:42 • กีฬา
เป็นทางการไปเรียบร้อยสำหรับดีลของ “หลุยซ์ ซัวเรซ” ที่ย้ายออกจากบาร์เซโลน่า แบบมีน้ำตาซึม และ เจอเรื่องวุ่นๆเล็กน้อย ก่อนกลายเป็นนักเตะใหม่ของ แอต.มาดริด ในที่สุด…
โดยดาวยิงวัย 33 ปี ถือแข้งเป็นบิ๊กเนมรายล่าสุดที่ได้รับผลกระทบจากการมาของ โรนัลด์ คูมัน กุนซือคนใหม่ จนต้องเก็บกระเป๋าย้ายออกจากถิ่นคัมป์ นู เช่นเดียวกับในรายของ อีวาน ราคิติช และ อาร์ตูโร่ วิดัล ที่ต้องออกไปหาความท้าทายใหม่เช่นกัน ถือเป็นจุดเปลี่ยนช่วงสำคัญจริงๆ
แม้ตอนแรกแฟนบอลยังสงสัยในภาพลักษณ์ติดเกเรของเขา จากการไปงับๆใส่ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ในศึกฟุตบอลโลก 2014 จนถูกลงโทษแบนนาน 4 เดือน ในช่วงที่ย้ายมาสู่ทีม แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปกว่า 6 ปีที่ผ่านมา เจ้าตัวก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าคือดาวยิงที่ทีมฝากความหวังได้เสมอ
➡➡➡ รวมพล “MSN” บันเทิงยิง
การมาถึงของ ซัวเรซ ช่วยเสริมให้แนวรุกของทีมที่มี ลิโอเนล เมสซี่ กับ เนย์มาร์ เป็นตัวชูโรงก่อนอยู่แล้วอัพเลเวลขึ้นไปอีกขั้น โดยในฤดูกาล 2014/15 สามประสานจากอเมริกาใต้เป็นกำลังสำคัญของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ พาทีมคว้า “ทริปเปิ้ลแชมป์” มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ โดย “เทพเหยิน” จัดการทำไปได้ถึง 25 ประตู กับ 24 แอสซิสต์ ซึ่งก็รวมถึงลูกยิงในเกมนัดชิงชปล.ด้วย
➡➡➡ รองเท้าทองคำที่คู่ควร
ถัดมาในฤดูกาล 2015/16 ซัวเรซ ยังโชว์ผลงานได้ร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ด้วยการทำไปถึง 59 ประตู กับ 22 แอสซิสต์ พาทีมคว้าแชมป์ได้ถึง 4 รายการด้วยกันทั้ง ซูเปอร์โคปา เดอ เอสปันญ่า, สโมสรโลก, โกปา เดล เรย์ และ ลา ลีกา พร้อมส่งให้เขาผงาดคว้าดาวซัลโวของยุโรปมาครองได้อีกต่างหาก ถือเป็นอีกหนึ่งเกียรติยศสำคัญที่บ่งบองถึงความอันตรายของเขาได้อย่างดี
➡➡➡ โกงความตายเหนือ “เปแอสเช”
แม้ผลงานในฤดูกาล 2016-17 ของ “บาร์ซ่า” จะไม่โสภาซักเท่าไหร่ เพราะโดนทาง เรอัล มาดริด ปาดหน้าคว้าทั้งแชมป์ลีก และ ชปล. ไปครอง โมเมนท์สำคัญที่ทำให้พอคิดถึง และ ยิ้มได้คือ ซัวเรซ เป็นคนยิงเบิกร่องช่วยทีมเอาคืน เปแอสเช ขาดลอด 6-1 โกงความตายเข้ารอบ 8 ทีมถ้วย “บิ๊กเอียร์” ไปแบบเหลือเชื่อ รวมแล้วยังยิงไปได้อีก 42 ประตู กับ 16 แอสซิสต์
➡➡➡ จุดสิ้นสุดแก็งค์ “MSN”
ในช่วงซัมเมอร์ 2017 เนย์มาร์ ได้เซ็นสัญญาย้ายไปอยู่กับ เปแอสเช ทำให้แนวรุกเหลือแค่ เมสซี่ และ ซัวเรซ ที่เป็นแกนหลัก ซึ่งดูเหมือนจะส่งกระทบไม่น้อย ทีมไปไม่ถึงฝันในถ้วยใหญ่ยุโรป ตกรอบน็อคเอาท์สองปีติด แต่ ซัวเรซ ยังมีสกอร์มาฝากกันต่อเนื่อง ฤดูกาล 2017-18 ยิงไป 36 ลูก และ 2018-19 ยิงไป 33 ลูก รวมถึงการทำแฮตทริกใส่ทัพ “ชุดขาว” ได้ที่คัมป์ นู ด้วย
➡➡➡ ถึงเวลาต้องอำลา…
ฤดูกาลสุดท้ายของ ซัวเรซ กับยอดทีมแคว้นกาตาลัน จบลงด้วยผลงานทำ 21 ประตู กับ 11 แอสซิสต์ ซึ่งในเกมส่งท้ายก็ไม่น่าจดจำเท่าไหร่เมื่อแพ้ บาเยิร์น มิวนิค ขาดลอย 2-8 ในถ้วยชปล. พร้อมหล่นคำสัมภาษณ์แบบน่าเห็นใจว่าสุดทางกับทีมแล้วจริงๆ…“บางครั้งสโมสร หรือ นักเตะ ต่างก็ต้องการโอกาสเพื่อพิสูจน์ตัวเอง แต่ในเคสนี้คือโค้ชไม่ต้องการผมแล้ว มันก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ”
➡➡➡ สถิติที่น่าจดจำ
จากผลงานตลอด 6 ปีที่ผ่านมาบอกได้เลยว่า ซัวเรซ มีความสำคัญกับทีมมากแค่ไหน การยิงไปได้ 198 ประตู ทำให้เขาขึ้นเป็นดาวยิงสุดสุดอันดับ 3 ของสโมสร (เป็นรองแค่ เซซาร์ โรดริเกวซ และ เมสซี่) นอกจากนั้นยังถือเป็นแข้งต่างชาติที่ทำประตูได้มากที่สุดเป็นอันดับ 7 ในลา ลีกา รวมถึงยังเป็นแข้งสัญชาติ “จอมโหด” ที่ฝากสกอร์ไว้ในลีกสูงสุดได้มากที่สุดอยู่ด้วยในเวลานี้
👑🥇 6 ปี 13 แชมป์ 🥇👑
🏆 ลา ลีกา : 4 สมัย
🏆 โกปา เดล เรย์ : 4 สมัย
🏆 สแปนิช ซูเปอร์ คัพ : 2 สมัย
🏆 ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก : 1 สมัย
🏆 ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ : 1 สมัย
🏆 สโมสรโลก : 1 สมัย
➡➡➡ คู่หูที่ดีที่สุดของ “เมสซี่”
ความผูกพันธ์ของ ซัวเรซ กับ เมสซี่ นั้นต้องบอกเลยว่าแน่นปึ๊กทั้งในสนาม และ นอกสนาม โดย เมสซี่ เป็นฝ่ายจ่ายให้ ซัวเรซ ทำประตูได้ถึง 39 ลูก ซึ่งถือว่ามากกว่านักเตะคนอื่นๆ ขณะที่ เมสซี่ เองก็เคยทำประตูได้จากแอสซิสต์ของดาวยิงทีมชาติอุรุกวัย ไปได้ถึง 47 ลูก เรียกได้ว่าเกือบครึ่งต่อครึ่งกันเลยทีเดียว เชื่อได้เลยว่างานนี้ต้องไม่ใครก็ใครคิดถึงกันไม่น้อยกว่ากันแหงเลย
หลายคนสงสัยว่า ซัวเรซ มีดีพอที่จะถูกเรียกว่าเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของบาร์เซโลน่าได้หรือเปล่า?...สำหรับแฟนบอลทีมอื่นจะพูดถึงเขาว่ายังไงไม่รู้ แต่สำหรับแฟนบอล “บาร์ซ่า” แล้ว ซัวเรซ จะเป็นสุดยอดกองหน้าที่นั่งอยู่ในใจของพวกเขาตลอดไปอย่างแน่นอน
#9raciasLuis #Suarez #Barcelona #LaLiga #ติดสอยห้อยเล่าเรื่อง
โฆษณา