24 ก.ย. 2020 เวลา 15:51 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
US: หลอน ลวง เรา (เข้าฉาย 28 มีนาคม 2019)
เพราะ “พวกเรา” ก็คือคน (อเมริกัน) เหมือนกัน!
เพราะ “พวกเรา” ก็คือคน (อเมริกัน) เหมือนกัน!
บอกเลยว่าเหตุจูงใจเดียวที่ทำให้เราตัดสินใจซื้อตั๋วเข้าโรงหนังเพื่อไปดูเรื่องนี้โดยไม่คิดอะไรมากคือ “ใบปิด” และ “ชื่อผู้กำกับ” อย่าง Jordan Peele ซึ่งเคยกำกับภาพยนตร์กระแสดีและได้รับคำชมมากมายอย่าง Get Out (2017) และเป็นเรื่องที่เราโคตรๆจะประทับใจกับประเด็นของหนังมากๆ Styleของผู้กำกับที่มักเล่นกับประเด็นเสียดสีสังคม เช่น การเหยียดชนชั้น เหยียดสีผิว และความแตกต่างของมนุษย์ เป็นประเด็นที่ทำให้เราสามารถคิดต่อและตีความได้เยอะมาก จุดเด่นที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับเรื่องนี้คือนักแสดงหญิงผิวสีอย่าง "Lupita Nyong’o" เรียกได้ว่าแบกความหวังของหนังทั้งเรื่องเอาไว้อยู่หมัด เนื่องจากต้องแสดงเป็นทั้ง 2 ตัวละครอย่าง "Adelaide" และ “เงา” (หรือที่รีวิวฝรั่งเรียกว่า Red) ที่มีมิติและ Character ของตัวละครที่ต่างกันอย่างสุดขั้ว!
.
"US" ชื่อเรื่องสั้นๆ (ซึ่งเหมือนกับเรื่องก่อนที่เป็นแค่คำเดี่ยวๆอย่าง "Get Out" ) เราสามารถตีความชื่อหนังได้สองแง่สองง่าม เพราะมันดันไปเป็นชื่อย่อของประเทศมหาอำนาจอย่าง “สหรัฐอเมริกา” ด้วย เราเลยคิดว่ามันต้องมีประเด็นที่เสียดสีคนอเมริกันอย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบก็มีสัญลักษณ์แอบแฝงอยู่มากมายให้ตีความตามคาด บอกเลยว่าเราจับประเด็นได้ไม่หมด(ด้วยความที่ไม่ใช่คนอเมริกันและเหตุการณ์บางอย่างเราไม่เคยรู้ข่าวมาก่อนด้วย) เลยพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆที่พอจะจับใจความได้ในหนังแล้วเอาออกมาย่อยเป็นประเด็นต่างๆ
.
เรื่องนี้เป็นหนังที่ค่อนข้างดูยากนิดหนึ่งเพราะเสียดสีพวกชาวอเมริกันเสียเยอะ เป็นหนังเชิงสัญลักษณ์ที่เป็นhintซ่อนอยู่เต็มไปหมด
.
ต่อไปจะเป็นการวิเคราะห์ประเด็นต่างๆที่เกิดขึ้นในหนัง ตามบทความด้านล่างนี้นะคะ แนะนำให้ดูก่อนแล้วค่อยมาอ่านกันจะดีกว่ามากค่ะ ฮ่าๆๆ
.
.
.
.
.
.
======Spoiled Alert!! 90%======
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
1. ระบบชนชั้นและการเหยียดผิวที่แอบแฝงในประเทศแห่งเสรีภาพ
.
เหตุการณ์ในหนังเกิดขึ้นที่ชายหาด Santa Cruz โดยถ้าเป็นหาดที่มีอยู่จริงจะตั้งอยู่ที่รัฐ California ซึ่งจากคำพูดของ Red (เงาของ Adelaide) ที่มีประโยคหนึ่งหลุดมาทำนองว่า “ก็พวกเราคืออเมริกันยังไงล่ะ!” เราเลยคิดว่าน่าจะเป็นหาดที่หนังอ้างอิงจากของจริงและตั้งอยู่ที่อเมริกาอย่างแน่นอน แม้ว่าพื้นเพของตัวละครจะไม่ได้ถูกเปิดเผยว่าพื้นเพเดิมเชื้อสายของพวกเขาจะมาจากประเทศอะไรแต่ทุกคนในเรื่องคือ “ชาวอเมริกัน” แน่ๆ
.
.
แม้ว่าสโลแกนของประเทศจะเป็น “ประเทศแห่งเสรีภาพและความเสมอภาค” แต่สิ่งที่เห็นในหนังจากที่ผู้กำกับต้องการจะสื่อก็ไม่พ้นเรื่องของ “การเหยียด” ที่แอบแฝงอยู่ในประเทศเสรีทั้งนั้น ซึ่งย้อนแย้งกับสโลแกนประเทศมากๆไม่ว่าจะเป็นก่อนเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ “ชาวเงา” ขึ้นมาไล่ฆ่าพวกมนุษย์ข้างบนนั้น
ในชนชั้นกลางหรือชนชั้นปกติของหนัง คือ ครอบครัวชาวผิวสีและครอบครัวชาวผิวขาวซึ่งเป็นเพื่อนกันมาพบปะเจอกันที่ชายหาด "Kitty" ผู้เป็นแม่ของครอบครัวชาวผิวขาวกำลังนั่งคุยกับ Adelaide พูดถึงความร่ำรวยของครอบครัวตัวเองให้ฟังราวกับจะบอกว่า “เพราะฉันเป็นคนขาวฉันถึงรวยกว่าพวกเธอ!” มันสะท้อนถึงทัศนคติลึกๆที่คนทั่วๆของในชาวอเมริกันส่วนใหญ่(แม้แต่คนไทยอย่างพวกเรา) มอง
ขอยกเหตุการณ์สมมติขึ้นเป็นตัวอย่าง
วันหนึ่งเราเห็นคนที่เดินอยู่ในสวนสาธารณะสองคน...
คนหนึ่งผิวสี...
คนหนึ่งผิวขาว...
คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่าคนผิวขาวรวยกว่า มีการศึกษาที่ดีกว่าและนิสัยดีกว่า ทั้งๆที่จริงๆแล้วทุกอย่างอาจจะกลับกันหมดเลยก็ได้...
ทัศนคติด้านความแตกต่างของผิวสีและรูปลักษณ์ภายนอกยังเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นอเมริกันหรือแม้แต่คนไทยกันเองก็มีไว้เพื่อใช้ตัดสินคนแบบผิวเผินซึ่งมันเกิดขึ้นได้กับเราทุกคน เราสามารถระมัดระวังตัวได้หากเป็นคนแปลกหน้าที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนตามสถานที่ต่างๆ
แต่เราไม่ควรก็ Judge คนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก...
เราควรตัดสินคนจากการกระทำ จิตใจ และทัศนคติมากกว่าเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกในทุกเหตุการณ์และการกระทำที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา
.
.
2. การจับมือกันของพวก “เงา” และเดือนพฤษภาคมวันแรงงานแห่งชาติ
.
พูดถึงชนชั้นปกติไปแล้ว ทีนี้เราจะมาวิเคราะห์เรื่องของพวก “ชนชั้นล่าง” ที่เป็นหัวใจหลักของเรื่องกันบ้าง
“พวกเงา(The Red) ตามข้อมูลจากหนังนั้น เงาพวกนี้เกิดจากโครงการCloningของ รัฐบาลที่ไม่สำเร็จ สุดท้ายแล้วมนุษย์Cloneทุกคนก็ได้ถูกทิ้งร้างเอาไว้ให้อยู่กันอย่างแออัดในชั้นใต้ดิน
จุดประสงค์ของรัฐบาลไม่ชัดเจนแต่น่าจะเกี่ยวข้องกับความต้องการควบคุมพวกตัวจริงผ่านพวกเงาหรือไม่ก็เอาพวกเงาพวกนี้มาใช้งาน
ดูแล้วก็คล้ายกับทฤษฏี Doppelganger อยู่นะ ที่มนุษย์เราทุกคนจะมีอีกร่างหนึ่งอยู่กับตัวเราตลอดเวลา(แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยเจอมนุษย์โคลนของตัวเราเองแฮะ)
.
.
การมีอยู่ของพวกเขานั้นจะอาศัยอยู่ในชั้นใต้ดินในบ้านกระจก “Fun House” ของชายหาด Santa Cruz ซึ่งเป็นสถานที่ที่ Adelaide เคยเจอเหตุการณ์สะเทือนขวัญตอนเธอยังเล็ก
ในชั้นใต้ดินนี้จะมีเพียงบันไดที่เลื่อนลงได้เท่านั้นไม่มีบันไดเลื่อนขึ้น
ราวกับหนังต้องการจะเปรียบเปรยว่า...
ชนชั้นล่างไม่มีวันได้ขึ้นมาเป็นคนชนชั้นกลางหรือชนชั้นสูงได้หรอก!!
ถ้าคุณเกิดมาจน เกิดมาต่ำต้อย อยู่ในสภาวะแวดล้อมไปด้วยสังคมชุมชนแออัด ระบบการศึกษาและFacilitiesที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพที่เข้าถึงยากนั้น คุณจะไม่มีทางออกมาได้อย่างง่ายดาย
หรือถ้าหลุดพ้นได้คุณก็ต้องผ่านความยากลำบากมามากถึงมากที่สุด!!
.
.
ในค่ำคืนหนึ่ง...
.
บันไดเลื่อนของชั้นใต้ดินเสีย...
.
ทำให้พวกเงาชุดแดงที่อยู่ใต้ดินลุกฮือขึ้นมาและไต่ขึ้นมาจากชั้นใต้ดิน...
.
เพื่อมาไล่ฆ่าพวก “ตัวจริง” ให้หมดสิ้น!
.
ราวกับต้องการจะก่อกบฏทางชนชั้นบางอย่าง...
.
เพื่อจะประกาศก้องให้โลกทุนนิยมรู้ว่า "พวกกูไม่ต้องการทนอยู่ในสภาพแบบนี้อีกแล้วโว้ย! ไอ้พวกคนมีอันจะกิน! ไอ้พวกชนชั้นกลาง! พวกแม่งไม่มีวันเข้าใจหรอก!!
.
.
สัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่เห็นในหนังตั้งแต่เริ่มเรื่องคือเรื่องข่าวของ “การจับมือกัน” ทั่วโลกในสหรัฐอเมริกาช่วงปี ค.ศ. 1986 ซึ่งนั่นคือหนังที่เริ่มมาด้วยตอนที่ Adelaide ยังเป็นเด็กนั่นเอง
จากข่าวนี้เราได้ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข่าวการจับมือกันทั่วโลก โดยเนื้อข่าวประมาณว่า “ชาวสหรัฐอเมริกาจำนวนประมาณ 6.5 ล้านคน จะจับมือกันทั่วโลกโดยเป็น "Public Event" ที่ชื่อว่า “Hand Across America” จุดประสงค์ของผู้สร้างแคมเปญนี้เพื่อหาเงินสนับสนุนช่วยเหลือผู้ยากไร้ คนไร้บ้านและผู้หิวโหย โดยได้รับเงินจากการ Donate ของผู้เข้าร่วมจับมือคนละ 15 Dollars”
Public Event ที่เกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นวันที่ 25 พฤษภาคม 1986 ซึ่งในช่วงเดือนที่เรารู้ๆกันอยู่ว่ามันมี “วันแรงงานแห่งชาติ” อยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม โดยไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้นที่วันที่ 1 พ.ค. เป็นวันแรงงาน แต่ก็มีอีกหลายๆประเทศ
และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือ "สหรัฐอเมริกา" ด้วยเช่นกัน
.
แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับ พวกชุดแดง?
.
เกี่ยวเต็มๆเลยล่ะ…
.
ชนชั้นแรงงานส่วนใหญ่แล้วก็คือคนระดับรากหญ้าเปรียบเหมือนกับพวกชุดแดงคือกลุ่มคนระดับ“ใต้ดิน”
เราเห็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งจากหนังว่าพวกชุดแดงจับมือกันตลอดทั้งเรื่องตั้งแต่ที่พวกเขาได้ปรากฎกายออกมา
เหมือนจะล้อเลียนตามข่าวนั้นว่า...
ถ้าตามข่าวจับมือของจริง คือ “การช่วยเหลือกลุ่มคนชนชั้นล่าง” จากผู้มีอันจะกินนั้น
การจับมือในหนังก็คือ “การทำลายล้างกลุ่มคนชนชั้นบนให้สิ้นซาก” จากพวกเงาที่อาศัยอยู่ใต้ดินและไม่มีโอกาสแม้แต่จะขึ้นมาเจอโลกภายนอก ต้องอยู่อาศัยกันอย่างแออัดมาตลอดเหมือนเป็นการเสียดสีว่า
"เศษเงินของพวกคุณไม่ได้ทำให้เราขึ้นมาลืมตาอ้าปากได้หรอก! คุณแค่แจกเงินเล็กๆน้อยๆเพื่อให้เรามีกินไปวัน สองวัน แต่แล้วยังไงเหรอ? เราก็กลับไปเป็นคนระดับล่างที่ไม่ได้มีตัวตนในสังคมบนประเทศแห่งเสรีภาพอยู่ดี สุดท้ายก็ไม่ได้ทำให้เราได้รับการศึกษาที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีไปมากกว่านี้หรอก.."
.
.
3. ความเหลื่อมล้ำของชนชั้นและความลำบากของผู้ที่อยู่ต่ำกว่า
.
“กาลครั้งหนึ่งมีเด็กสาวคนหนึ่งชื่อว่า "Adelaide", เธอไม่เคยรู้เลยว่าตอนเธอเกิดมาได้มี “เงา” ของตัวเองเชื่อมต่อกับตัวเธออยู่, วันที่เธอได้กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยบนโต๊ะอาหารชั้นบนอย่างดี, “เงา” ของเธอต้องกินเลือดเนื้อกระต่ายสดๆเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ, วันที่เธอได้ของขวัญวัน Christmas เป็นของเล่นชิ้นใหญ่, “เงา” ของเธอได้แค่สิ่งแหลมคมและโดนบาดไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง, วันที่เธอได้แต่งงานกับเจ้าชายรูปงาม, “เงา” กลับได้สมสู่กับ "Abraham" ปีศาจเงาตามที่ร่างต้นของสามีเธอเท่านั้น, วันที่เธอคลอดเจ้าหญิงน้อยออกมา, “เงา”กลับได้ลูกสาวเป็นปีศาจที่หัวเราะตลอดเวลา, วันที่เธอผ่าคลอดลูกชายตัวน้อยคนที่สองโดยฝีมือแพทย์นั้น, “เงา” กลับต้องผ่าท้องของเธอด้วยตัวเองและกำเนิดลูกชายปีศาจตนที่สอง…”
นี่คือสิ่งที่เราพอจะจำได้จากหนัง(แต่ไม่เป๊ะๆนะ) โดยจากคำกล่าวของ Red ทำเรารู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก
มันมีความหมายและอะไรแฝงอยู่อย่างมากมายจากเรื่องเล่านี้ หนังเปรียบเปรยถึงความลำบากของพวกชุดแดงที่อยู่ใต้ดิน พวกเขา “เหมือนว่า” จะไม่มีความคิดและจิตใจ ทำได้แค่เพียงเลียนแบบท่าทางของคนที่อยู่บนดินเท่านั้น
ในชั้นใต้ดินแคบๆแต่แออัดไปด้วยชาวอเมริกันร่างโคลนนิ่งทั้งประเทศ พวกเขาได้แต่ทำท่าทาง “เลียนแบบความสุข” ของพวกชนชั้นบนเหมือนโดนบังคับให้ทำแต่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ
.
.
ระบบชนชั้นในสังคมบนโลกนี้ก็เช่นกัน ขณะที่เรามีบ้าน มีสังคม มีเพื่อนฝูง ณ ตอนนี้ บางประเทศอาจจะเกิดสงคราม เด็กน้อยผู้หิวนมแม่อาจถูกทิ้งไว้บนถังขยะใบหนึ่งในโลก หรือแม้แต่ขณะที่เรากำลังหนังเขียนวิเคราะห์บทหนังอยู่ตอนนี้อาจจะมีคุณปู่อายุ 80 ฐานะยากจนที่กำลังต่อคิวรอรักษาโรคมะเร็งจากหมอ โดยที่เขาได้คิวที่ 235 จาก 1000 คิว ที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งก็เป็นได้...
.
คุณเห็นความแตกต่างเหล่านี้หรือไม่?
ว่าคนที่อยู่ในฐานะหรือระบบชนชั้นที่ต่ำกว่าเราจะมีชีวิตประมาณไหน? ลำบากกว่าเรามากแค่ไหน?
เราชอบประเด็นนี้มากเพราะมันมองออกมาเป็นภาพได้อย่างแท้จริงคือถ้าคุณคิดว่าคุณลำบากแล้วคุณลองดูสถานการณ์จริงๆดูไหมว่าคนที่เรียกว่า “ลำบากยากเข็ญ” ของจริง เขาต้องเจอกับอะไรบ้าง?
ในวันหนึ่งๆเค้าต้องผ่านเรื่องประมาณไหนและความพบเจอเลวร้ายรูปแบบไหนหากเปรียบเทียบกับ “มาตราฐานชีวิตทั่วๆไป” อย่างคนธรรมดาๆ?
.
.
4. US เรา หรือ อเมริกัน?
.
หลอน ลวง เรา ตอนแรกคิดว่าจะออกแนวเดิมคือสะกดจิตแล้วสิงร่าง แต่นี่ไม่ใช่นะนี่คือไล่ฆ่าแบบโต้งๆเลย 555
อีกประเด็นในหนังที่อดพูดถึงไม่ได้คือ “การมีเงา” หรือ การ "มีอีกคนหนึ่ง" มันหมายถึงอะไรกันแน่? กรรไกรที่Redใช้เป็นอาวุธก็เหมือนกับจะมีสองข้าง ราวกับต้องการจะบอกว่าจริงๆแล้วทุกคนมีอีกคนหนึ่งอยู่นะ!
.
ยังไงบ้าง?
.
จริงๆแล้วเรามีฝาแฝดอยู่จริงไหม?...
Doppelgangerของเราคือใครกัน?
จริงๆแล้วถ้าดาวดวงอื่นมีสิ่งมีชีวิตเหมือนมนุษย์ก็อาจจะมี “เงาของทรัมป์”, “เงาของสี จิ้น ผิง” หรือ “เงาของ พี่ตูนบอดี้แสลมป์” ก็ได้นะ...
.
เรามีเงาของตัวเองกันอยู่สองแบบ
.
แบบที่1 คือเงาที่ "เหนือ" กว่าเรา รวยกว่าเรา ฉลาดกว่าเราและหน้าตาดีกว่าเรา
.
แบบที่2 คือเงาที่ "ต่ำ"กว่าเรา จนกว่าเรา ฉลาดน้อยกว่าเราและหน้าตาแย่กว่าเรา
.
เงาทั้งสองแบบนี้เปรียบง่ายๆคือคนในสังคมที่มีทั้ง สูงกว่าและต่ำกว่าเรานั่นแหล่ะ Ffโดยมีตัววัดคือค่านิยมของตัวบุคคลว่าคุณวัดคำว่า “ต่ำกว่า” หรือ “สูงกว่า” จากอะไร?
.
.
“พวกเรา” คือ “คน” เหมือนๆกัน ตัวหนังอาจจะเน้นไปที่คำว่า “อเมริกัน” ซะเป็นส่วนใหญ่ (เข้าใจว่าด้วยความที่ผู้กำกับเป็นชาวอเมริกันและต้องการเสียดสีประเทศตัวเอง) แต่เราว่าทุกประเทศก็เป็นเหมือนกันนะ
เรามีชีวิต มีสิทธิ มีเสรีภาพ ที่เท่าเทียมกัน แม้ว่าจะจนหรือจะรวยแต่คุณก็มีสิทธิ์ที่จะได้อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน ดูหนังเรื่องเดียวกัน เดินเข้าธนาคารเพื่อฝากเงินที่เดียวกัน ก็สามารถทำได้ แต่สิ่งที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ“การเข้าถึงทรัพยากร”ที่ไม่เท่าเทียมกันตามฐานะต่างหาก
.
ทรัพยากรที่ว่าได้แก่ ปัจจัย 4 ได้แก่
ที่อยู่อาศัย (พวกชุดแดงอยู่กันอย่างแออัด)
อาหาร (พวกชุดแดงได้กินแค่กระต่าย)
เครื่องนุ่งห่ม (พวกเขามีชุดเดียว คือชุดสีแดง)
ยารักษาโรค ( Red ผ่าคลอดด้วยตัวเอง) เป็นต้น
.
เพราะฉะนั้นมันคือความย้อนแย้งกับคำว่า “เสรีภาพ” ในประเทศ ที่ทำไมทั้งๆที่มีสโลแกนนี้ติดอยู่บนหน้าผากประเทศ แต่การเข้าถึงResourceของแต่ละคนถึงมีสิทธิ์ไม่เท่ากัน?
.
.
5. จิตใจของชนชั้นล่าง การฆ่าเพื่อปกปิดตัวตน การหนีจากความเป็นชนชั้นล่างตลอดกาล และกระต่ายที่หนีไป (Alert!! มีเฉลยตอนจบ!!)
.
ในตอนท้ายเรื่องขณะที่ Adelaide ลงไปชั้นใต้ดินเพื่อหา Red และลูกชายของเธอที่ถูกจับตัวมา มีสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่เราสังเกตเห็นในหนังคือเรื่องของ “กระต่าย”
.
เมื่อนางเอกลงมาจะเห็นว่ามีแต่กรงที่ว่างเปล่าทั้งๆที่ต้นเรื่องยังมีกระต่ายอยู่เต็มกรง โดยจุดนี้ไม่แน่ใจว่าพวกมันหนีออกมาได้หรือถูกจับกินไปหมดแล้ว
ราวกับหนังต้องการจะบอกว่า “การทดลอง” ได้สิ้นสุดลงแล้วพร้อมกับพวกชนชั้นล่างที่ถูก “ปลดปล่อย” ออกมา
ตอนนี้พวกนั้นได้ออกไปอยู่ชั้นบนและกำลัง “กระทำการบางอย่าง” กับร่างต้นของพวกเขา...
.
.
สุดท้ายที่หนังเฉลยในตอนจบพร้อมความอึ้งแก่คนดู (อย่างเรา) ก็คือ เมื่อนางเอกฆ่าRedสำเร็จแล้ว หนังได้เฉลยว่าแท้จริงแล้วRedคือคนจากชนชั้นบนที่ถูกสลับตัวขณะที่เธอยังเป็นเด็ก...
มีสมการง่ายๆดังนี้
Adelaide ปัจจุบัน = Red ตัวจริง
Red ปัจจุบัน = Adelaide ตัวจริง
ง่ายๆคือนางเอกถูกสลับตัวมาเมื่อตอนเด็กกับเงานั่นเอง แล้วคนที่ใช้ชีวิตอยู่ข้างบนมาตลอดเรื่องก็คือ “เงา” ของเธอ เป็นเหตุผลว่าทำไม Red ถึงเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วกว่า มีความคิดความอ่าน พูดได้ (แม้เสียงจะแหบต่ำ) เพราะเธอเคยเป็นชนชั้นบนมาก่อนนั่นเอง
กลับกันทำไมนางเอกถึงกระวนกระวายเรื่องการกลับมาที่ชายหาดตลอด เพราะเธอเคยเป็น “ชนชั้นล่าง” และไม่ต้องการที่จะกลับไปยังนรกชั้นใต้ดินนั่นอีก เธอจึงต้องหาทางจัดการกับ "ตัวจริง" ที่อาจจะเปิดโปงตัวตนที่แท้จริงของเธอก็เป็นได้!
.
.
จากคนที่พ้นจากความยากลำบากมาได้ หลุดพ้นจากความเป็น “ชนชั้นต่ำ” ก็ไม่มีทางที่อยากจะกลับไปเป็นคนชั้นล่างอีก แต่ด้วยวิธีการผิดๆที่ปิดบังกำพืดที่แท้จริงของตัวเองแบบที่ Adelaide ตัวปลอมทำนั้นก็ไม่สามารถปกปิดความจริงไปได้ตลอด ดังที่เราเห็นว่าลูกชายของเธอ “Jason” ที่มองเธออย่างฉงนสนเท่ห์ในตอนจบนั้นเราคิดว่า Jason อาจจะรู้ว่านี่ไม่ใช่แม่แต่คือ “เงา” ต่างหาก
.
.
วิธีออกจากความจนแบบผิดๆมีหลายแบบ เช่น มีหนังเกาหลีอยู่เรื่องหนึ่งที่คนจนเกาะบ้านเศรษฐีหาเงินเลี้ยงครอบครัวด้วยการหลอกลวง หรือ การหาสามีรวยๆโดยไม่ได้รักกันจริงในยุคสมัยใหม่ การลืมกำพืดของตัวเองหลังจากมีอำนาจขึ้นมา ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่เห็นอยู่ในสังคมเราสมัยนี้
สมัยนี้คนเรามองกันที่ “ฐานะ” ก่อน “หน้าตา” เสียอีกนะ ความรักจากใจจริงอาจจะใช้ไม่ได้แล้วก็ได้สำหรับสังคมยุคใหม่ เพราะความรักกินไม่ได้ แต่เงินใช้ “ซื้อกิน” ได้นะ!
.
.
สรุปโดยรวมเป็นหนังที่มีอะไรให้เราคิดต่อเยอะมาก ที่เราแยกประเด็นพวกนี้มาอาจจะยังไม่ถึงครึ่งของสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อด้วยซ้ำ แต่ส่วนสำคัญที่หนังต้องการสื่อสารจริงๆ คือ “เรื่องของความเหลื่อมล้ำทางสังคม” ที่ต้องวิพากษ์และเสียดสีออกมาเป็นหนังดีๆแบบนี้ให้เราดูกันมากกว่า ถ้าใครมีเวลาหรืออยากเปิดประสบการณ์หนังอีกหนึ่งรูปแบบ ขอแนะนำหนังเซอร์เรียลเชิงสัญลักษณ์เรื่องนี้อีกหนึ่งเรื่องค่ะ
M.Mookky
โฆษณา