26 ก.ย. 2020 เวลา 01:53 • ไอที & แก็ดเจ็ต
#จีน ตั้งเป้าพัฒนา #ไมโครชิพ ด้วยเทคโนโลยีของตัวเองภายในปี 2025 แก้เกมสหรัฐคว่ำบาตร #หัวเว่ย ให้ความสำคัญเท่าการพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์สมัยสงครามเย็น
🇨🇳
#สหรัฐ บังคับใช้มาตรการห้ามส่งออกไมโครชิพที่ใช้เทคโนโลยีของสหรัฐให้กับบริษัทของจีนตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน หัวเว่ยออกมายอมรับว่าต้องยุติการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ดิจิทัลต่าง ๆ
.
ถึงแม้จีนจะมีเทคโนโลยี 5G และ AI ที่ก้าวหน้า แต่การผลิตไมโครชิพยังล้าหลังอยู่มาก แต่ละปีจีนนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เป็นมูลค่ามากกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่เป็นไมโครชิพที่ใช้สิทธิบัตรของสหรัฐ โดยจีนนำมาประกอบและผลิตเป็นสมาร์ตโฟนและผลิตภัณฑ์เทคโนโลยียี่ห้อจีน
.
บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีนล้วนต้องใช้ไมโครชิพจากบริษัทสหรัฐหรือพันธมิตร เช่น #TSMC ของ #ไต้หวัน และ ASML ของฮอลแลนด์ ซึ่งทั้งหมดต้องพึ่งพาเทคโนโลยีของสหรัฐ และอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรครั้งนี้
.
TSMC #台積電 ของไต้หวันที่ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ให้กับหัวเว่ย ต้องเร่งการผลิตทั้งวันทั้งคืนเพื่อส่งมอบชิ้นส่วนให้กับหัวเว่ยให้ทันก่อนสหรัฐจะลงดาบในวันที่ 14 ก.ย. หลังจากนั้นจะไม่สามารถทำธุรกิจกับหัวเว่ยได้อีก คาดว่าชิ้นส่วนที่หัวเว่ยมีอยู่ในมือจะใช้ไปไปจนถึงกลางปีหน้าเท่านั้น
.
จีนมีรัฐวิสาหกิจที่ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ คือ SMIC หรือ #中芯国际 สามารถผลิตไมโครชิพขนาด 40 นาโนเมตรโดยไม่ใช้เทคโนโลยีของสหรัฐ แต่เทคโนโลยีปัจจุบันใช้ไมโครชิพขนาด 5 นาโนเมตร ไมโครชิพ 40 นาโนเมตรที่จีนผลิตได้เองนั้นใช้ได้กับโทรศัพท์มือถือรุ่นฝาพับเท่านั้น
.
หัวเว่ยและบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ของจีน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการวางตลาดสมาร์ทโฟนที่ใช้เทคโนโลยีคลาวด์เก็บข้อมูลและแอปพลิเคชัน เพื่อให้ไม่ต้องใช้ไมโครชิพที่มีประสิทธิภาพสูงในการประมวลผล แต่การทำงานบนคลาวด์ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งจะมีปัญหาหากใช้งานในพื้นที่นอกเขตเมืองที่อินเทอร์เน็ตยังไม่ดีพอ
🇨🇳
รัฐบาลจีนได้กำหนดในแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะ 5 ปี ฉบับล่าสุดว่า ภายในปี 2025 จะเร่งพัฒนาไมโครชิพด้วยเทคโนโลยีของตัวเอง โดยใช้ซิลิคอนคาร์ไบด์ SiC และ กัลเลียมไนเตรทGaN เป็นวัตถุดิบ ไมโครชิพรุ่นนี้จะมีประสิทธิภาพสูง ใช้สำหรับการสื่อสาร5G เรดาร์ทางทหาร และรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง
.
การให้ความสำคัญกับการผลิตไมโครชิพของรัฐบาลจีนยุคสีจิ้นผิง เทียบได้กับยุคของประธานเหมาเจ๋อตง ที่อ้าง “ความจำเป็นทางยุทธศาสตร์” เร่งวิจัยระเบิดนิวเคลียร์ทั้ง ๆ ที่ประชาชนจีนยังยากจนอยู่ ในอดีตสงครามรบกันด้วยระเบิด แต่ปัจจุบันรบกันด้วยเทคโนโลยี.
โฆษณา