26 ก.ย. 2020 เวลา 08:18 • ศิลปะ & ออกแบบ
ความกตัญญู
สวัสดีครับ ความกตัญญูคือความประเสริฐที่ทุกคนควรพึงมีเป็นกิจนิสัยประจำตัว แอดมินมีโอกาสได้ไปกราบขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดอุดรธานี สถานทีแห่งนี้คือที่ศาลปู่-ย่า
สถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ตั่งของสมาคมไทย-จีนประจำจังหวัดนี้มีศาลเจ้าจีนและเทพเจ้าจีนให้ชาวไทยเชื้อสายจีนมากราบสักการะบูชาอีกด้วย
เมื่อมีโอกาสที่ดีแล้วตามประสาคนชอบถ่ายภาพก็เริ่มเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกกันก่อน รูปแกะสลักหินอีกหนึ่งผลงานแกะสลักหินที่น่าสนใจ และชวนให้เก็บภาพ มีคติพจน์จีนที่ดีมากเขียนอธิบายภาพแกะสลักไว้ อดที่จะนำมาเสนอให้ทุกท่านได้เป็นคติเตือนใจในตำนานเล่าขานของวรรณกรรมชาวจีนในอดีตที่ทรงคุณค่าดังต่อไปนี้ ภาพที่1.
"ในสมัยราชวงค์ฮั่น หลี่เสี้ยวฟู แต่งงานเมื่ออายุ 16 ปียังไม่มีลูก สามีไปค้าขายต่างแดน ก่อนออกเดินทาง ได้กล่าวกับนางว่า ครอบครัวเรายากจน จึงจำเป็นต้องไปค้าขายยังต่างแดน ถ้าหากหน้าถ้าร่ำรวยกลับมาก็ดี หากไม่ได้กลับ มา เจ้าจะยอมภาระเลี้ยงดูแม่ข้ามั้ย นางรับปากโดยไม่ลังเลสามี นางดีใจมาก ได้ถามแล้วถามอีก จนแน่ใจ แล้วจึงอำลาจากไป ตั้งแต่นั้นมา สามีนาง ก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย ทุกวันนางต้องทอผ้าจนมืดค่ำ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูแลแม่สามี พ่อแม่ของนางเห็นว่าลูกสาวอายุยังน้อย จะให้นางแต่งงานใหม่ นางกล่าวว่า ก่อนสามีจะไปได้สั่งให้เลี้ยงดู แม่เขา ซึ่งก็ได้รับปากแล้ว หากเสียสัจจะ จะสู้หน้าสามีและฟ้าดินได้อย่างไร นางร่ำไห้จะฆ่าตัวตาย พ่อแม่นางจึงเลิกราไม่กล้าบังคับอีก เมื่อทางราชสำนักทราบเรื่อง นี้ ได้พระราชทานทอง 200 ตำลึง และป้ายสะใภ้กตัญญูแก่นาง.
ภาพแกะสลักที่2.
ลูกกตัญญูได้ทอง หยางอี่เป็นขอทาน ที่ปรนนิบัติดูแลมารดาด้วยความกตัญญูยิ่ง ทุกครั้งที่ได้อาหารมา แม้จะหิวปานใดก็จะให้มารดากินก่อน แล้วตนเองถึงจะกิน ยามมารดามีทุกข์เขาจะร้องรำทำเพลง เพื่อให้มารดาเกิดความสำราญ บันเทิงใจ ชาวบ้านร้านถิ่น ชื่นชมในความกตัญญูของเขา ยินดีที่จะช่วยเขา รับเข้าทำงานด้วยเงินราคาแพง แต่เขาปฏิเสธ โดยกล่าวว่า"แม่ผมยังอยู่จะห่างไกลได้อย่าไร"เมื่อมารดาถึงแก่กรรม ชาวบ้าน ได้ร่วมกันบริจาค เงิน ช่วยค่าโรงศพโดยฝังไว้ที่ป่าช้า หย่างอี่ได้ปลูกกระท่อมอยู่ข้างๆเพื่อเป็นเพื่อนแม่ และหมั่นเซ่นไหว้ทุกวัน เขาได้พบทองคำหนึ่งไหซึ่งฝั่งอยู่ข้างๆหลุมศพ อักขระจารึกไว้ว่า
"ฟ้าประทานแก่ลูกกตัญญู" นีคือผลลัพธ์แห่งความกตัญญู.
ภทพแกะสลักที่3.
ในสมัยราชวงค์โจว จื่อเซียนกำพร้ามารดาแต่เด็กบิดามีภรรยาใหม่ มีบุตรด้วยกัน2คน แม่เลี้ยงเกลียดชังจื่อเซียนมาก มักหาเรื่องดุด่าเฆียนตีอยู่เสมอ
วันหนึ่งในฤดูหนาว บิดาใช้ให้จื่อเซียน เข็นรถม้าออกไปข้างนอกเพื่อจะไปทำธุระขณะ จื่อเซียนกำลังเข็นรถม้าเชือกบังเหียนที่บังคับม้าหลุดจากมือเมือบิดาตรวจเสือผ้าของจื่อเซียน ก็รู้ว่าเสือกันหนาวของบุตรภายในบุด้วยนุ่นเทียม ครั้นไปตรวจดู เสื้อผ้าของลูกอีกสองคนปรากฎว่าภายในบุด้วยนุ่นอย่างดี บิดาโมโหสุดขีดคิดจะขับไล่นางไปจากบ้าน จื่อเซียนรีบคุกเข่าพูดว่า"พ่ออย่าไล่แม่ไปนะครับ"ถ้าแม่อยู่ผมหนาวคนเดียวเท่านั้น ถ้าแม่ไปเราสามคนลำบากไร้คนดูแล"นางฟังคำของลูกเลี้ยงรู้สึกตื่นตันใจมาก ได้สำนึกผิด ตั่งแต่นั้นมานางก็รักเอ็นดูจื่อเซียนเสมอบุตรของตน.
นี่คือข้อความที่บันทึกเขียนจารึกไว้ใต้แผ่นรูปแกะสลักทั้งสาม ที่สื่อถึงผลของความกตัญญู ที่มีอยู่ในในศาลเจ้าจีนในจังหวัดอุอรธานี ควรค่าแก่การนำมาเป็นหลักการดำเนินชีวิตอย่างยิ่ง
ครับแถมภาพศิลป์ปฎิมากรรมจีนให้ชมครับ
สวัสดีมีโชคถ้วนหน้ากัน
เกษตรชายขอบ
โฆษณา