27 ก.ย. 2020 เวลา 09:32 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
น้ำมันจะหมดไปจากโลกในอีก 30 ปี?
จากการคาดคะเนของเว็บไชต์ ecotricity.uk ระบุว่าเราจะมีน้ำมันให้ใช้ไปอีกไม่เกิน 50 ปี, แต่ถ้ามันเกิดขื้นจริงตามที่คาดการเราอาจมีน้ำมันให้ใช้จริงอีกไม่เกิน 30 ปี
น้ำมันเชื้อเพลิงฟอสชิลถือได้ว่าเป็นพลังงานหลักที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ, แต่เนื่องจากน้ำมันเป็นทรัพยากรทางธรรมะชาติที่ไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้บวกกับการเติบโตของจำนวนประชากรใช้รถยนต์ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี
ขณะนี้ผู้คนส่วนมากเริ่มตระหนักถึงผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมจากการใช้น้ำมันฟอสชิล. พลังงานทางเลือกอาธิเช่น: พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมกำลังจะเป็นพลังงานทดแทนหลักในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
อุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงฟอสซิล
แสงอาทิตยร์และลม พลังงานทางเลือก
ในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าผู้คนในประเทศที่พัฒนาแล้วหันมานำใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากมาย, หลายบริษัทยักใหญ่เริ่มมีการขยับตัวเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานการผลิตลวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีไหม่ๆเข้าในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
บริษัทผลิตยนต์ไฟฟ้า Tesla
รถยนต์ไฟฟ้า BMW
ปัจจุบันบรรดาประเทศในยุโรปกำลังตื่นตัวจากการใช้รถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงฟอสชิล, รัฐบาลแต่ละประเทศอาธิ อังกฤษ, เยอรมันนี, ฝรั่งเศส...มีการเพิ่มกำแพงภาษีสำหรับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันและหันมาสนับสะนุนรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น, ตัวอย่างเช่นประเทศเยอรมันที่รัฐบาลมีนโยบายในการห้ามนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ดีเชลและลดหย่อนภาษีรถยนต์ไฟฟ้า, รัฐบาลเยอรมันมีเป้าหมายที่จะแบนรถยนต์เชื้อเพลิงรวมทั้งดีเชลและเบนชินในอีก 10 ปีข้างหน้านี้ (อ้างอิงจาก roadtraffic-technology.com)
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเยอรมัน
การพัฒนาก็คือการเปลี่ยนแปลงนั้นมีความสําคัญมากในการขับเคึ่อนเศรษฐกิจ, มนุษย์ต้องเรียนรู้และตระหนักเพื่อความอยู่รอด, ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยแค่ไหน, การพัฒนาจะก้าวกระโดดหรือไม่, การอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมีเสถียรภาพนั้นก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนเราอยู่ดี.
โฆษณา