4 ต.ค. 2020 เวลา 10:30 • การศึกษา
...เปลี่ยนวิถีชีวิตด้วยบุญบารมี...
#พญาปฐวินทรนาคราช #พระเจ้ากิกิราช
การให้ทานเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ การให้ทานมีอานุภาพที่ยิ่งใหญ่ ยังประโยชน์ให้สิ่งที่ตั้งใจไว้สำเร็จสมปรารถนา ผู้ให้ทานย่อมแกล้วกล้าองอาจในมหาสมาคม เป็นที่รักของมนุษย์และเทวาทั้งหลาย การให้นี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญ สามารถอำนวยผลให้สำเร็จประโยชน์ได้ สามารถเปลี่ยน แปลงชีวิตอันแสนอึดอัดในอัตภาพที่ต้องเลื้อยคลาน ไปสู่ชีวิตใหม่ในสุคติโลกสวรรค์ ดังเรื่องของพญาปฐวินทรนาคาธิบดี
เรื่องมีอยู่ว่า พญาปฐวินทรนาคราช ผู้ได้เสวยสุขอยู่ในนาคพิภพ สมบูรณ์ด้วยสมบัติอันโอฬารล้วนด้วยรัตนชาติ พรั่งพร้อมด้วยเบญจกามคุณทั้งห้า ครั้นได้เสวยสุขสมบัติอันซ้ำซากจำเจอย่างนั้นนานวันเข้า เกิดความเบื่อหน่ายในนาคพิภพ อันเป็นปกติของหมู่สัตว์ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ จึงดำริอยู่ในใจว่า...
"แม้เราจะสมบูรณ์พรั่งพร้อมด้วยรัตนสมบัติมากมาย แต่ก็ไม่ได้ประเสริฐเท่าใด เพราะยังไม่พ้นจากกำเนิดของสัตว์ที่ต้องเลื้อยคลานไปได้"
คิดดูแล้วรู้สึกอเนจอนาถใจ นางนาคกัญญาที่ห้อมล้อมอยู่ สังเกตเห็นพญานาคราชเริ่มเบื่อหน่าย เกิดวิปฏิสารขึ้นในใจ จึงพากันประดับกายงดงามด้วยทิพยอาภรณ์ แล้วเริงระบำฟ้อนรำดีดสีตีเป่าด้วยทิพยดนตรีขับกล่อม บำเรอพญานาคราช ให้เพลิดเพลินรื่นเริงสำราญใจ ให้คลายกังวล ลืมความกลัดกลุ้มใจไปได้บ้าง
ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกานั้น เป็นธรรมเนียมว่า ทุก ๆ กึ่งเดือน ท้าวมหาราชทั้งสี่พร้อมทั้งบริวาร ต้องพากันไปเฝ้าพระอินทร์ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระอินทร์นั้นมีอานุภาพแผ่ครอบคลุมไปถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ถ้าเปรียบสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ก็เป็นเหมือนประเทศราชของชั้นดาวดึงส์
ฉะนั้น พญาปฐวินทรนาคราชจึงต้องติดตามท้าววิรูปักษ์ ผู้เป็นหนึ่งในมหาราชทั้งสี่ ที่ปกครองเหล่านาคทั้งหลายไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ด้วย เมื่อปฐวินทรนาคราชขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เกิดความตื่นตาตื่นใจ เห็นทิพยสมบัติอันประณีตที่ยิ่งกว่านาคพิภพหลายเท่านัก อยากเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ อยากพ้นจากอัตภาพของตน
เมื่อเข้าเฝ้าพระอินทร์แล้ว ก็กลับสู่นาคพิภพ เตรียมตัวเตรียมใจที่จะทำความดีเพิ่มเติมบุญกุศล เพื่อยกระดับความเป็นอยู่และอัตภาพให้ประณีตยิ่งขึ้น ได้ชำระกายวาจาใจให้สะอาดบริสุทธิ์ด้วยศีลและประพฤติธรรม แล้วเนรมิตกายให้เป็นมาณพหนุ่ม ขึ้นมายังโลกมนุษย์ เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระปทุมุตตรพุทธเจ้า
กราบทูลว่า "ข้าพระองค์เป็นผู้ยากมาจากนาคพิภพ ขออาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยหมู่ภิกษุสงฆ์ ได้เสด็จไปโปรดพวกข้าพระองค์และหมู่ญาติ ยังดินแดนแห่งนาคพิภพด้วยเถิด พระเจ้าข้า" พระพุทธองค์ทรงรับอาราธนา
พญานาคดีใจเป็นที่สุด รีบกลับไปยังนาคพิภพ ตระเตรียม เครื่องสักการบูชา เนรมิตนาคสถานให้เป็นประดุจทิพยพิมานบนดาวดึงส์ เตรียมรองรับการเสด็จมาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้นรุ่งอรุณอาทิตย์อุทัย ได้รอรับเสด็จพระพุทธองค์บนกระแสสินธุ์ ที่ปากทางเข้านาคพิภพ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระอรหันตขีณาสพผู้ทรงอภิญญา ได้เหาะมาทางอากาศ ในชั่วเวลาเพียงแค่ลัดนิ้วมือเดียวก็มาถึงปากทางนาคพิภพ ภาพของพระสงฆ์สาวกใน ผ้ากาสาวพัสตร์งดงามเรืองรอง เรียงกันเป็นระเบียบทิวแถว ยังใจของพญานาคให้เบิกบานเลื่อมใสยิ่งนัก จากนั้นพญานาคได้นำพระพุทธองค์เสด็จลงสู่นาคพิภพ ได้ทำการปฏิสันถาร พร้อมจัดแจงถวายมหาทานอันโอฬารตระการตา ด้วยอานุภาพแห่งตนและนาคบริษัทชั้นผู้ใหญ่
ในขณะที่หมู่สงฆ์กำลังฉันภัตตาหารอยู่นั้น ตนเกิดนึกปลื้มปีติในผลทาน ใคร่อยากเป็นเหมือนพระอริยสาวกผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ปรารถนาการบรรลุมรรคผลนิพพาน ในอนาคตกาล จนลืมสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พญานาคได้สร้างมหาทานบารมีถึง ๗ วัน ติดต่อกันในนาคพิภพ ด้วยมหาปีติในครั้งนั้น ครั้นละอัตภาพแล้ว ได้บังเกิดเป็นเทพบุตรผู้มีอานุภาพยิ่งใหญ่ในสุคติโลกสวรรค์ และวนเวียนอยู่ในสุคติภูมิ คือสวรรค์และมนุษย์อีกยาวนาน
จวบจนกาลล่วงมาถึงสมัยของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้มาบังเกิดเป็นพระราชโอรสของพระเจ้ากิกิราช เมื่อทรงเจริญวัยได้รับการสถาปนาให้ดำรงตำแหน่งที่พระมหาอุปราชฝ่ายหน้า ทรงมีพระกนิษฐภคินี ๗ พระองค์ ล้วนรูปงาม และมีน้ำพระทัยเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนา พระกนิษฐภคินีเหล่านั้น ต่างพากันสละทรัพย์ส่วนพระองค์ สร้างมหาวิหารไว้ในพระพุทธศาสนา ๗ แห่ง
วันหนึ่ง พระมหาอุปราชเกิดดำริว่า "พระน้องนางทั้ง ๗ ได้สร้างมหาวิหารถวายแด่สงฆ์ เราเป็นถึงมหาอุปราชฝ่ายหน้ามีอำนาจใหญ่ในแผ่นดิน เราจะให้คนสร้างมหาวิหารสัก ๕๐๐ หลังถวายสงฆ์บ้าง" ดำริแล้วจึงลงมือทำทันที พระมหาอุปราชได้สละทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างมหาวิหาร ๕๐๐ หลัง ทำการฉลองอย่างมโหฬาร ได้ถวายไว้ในศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า และทรงอุตส่าห์บำเพ็ญมหาทานบารมี สั่งสมพระราชกุศลจนตลอดพระชนมายุ เมื่อจุติจากอัตภาพนั้นได้ไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์อีก
จวบจนมาถึงยุคสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ท่านได้มาบังเกิดเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ได้ออกบวชตั้งแต่เยาว์วัย ไม่นานนักได้บรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งในพระพุทธศาสนา สมกับที่ได้ทุ่มเทสร้างมหาทานบารมี และเปลี่ยนวิถีชีวิตของตน จากพญานาคผู้อาภัพ ที่ไม่อาจบรรลุมรรคผลนิพพานได้ มาเป็นพระอรหันต์ผู้เลิศสมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ เพราะด้วยปัญญาและบุญญานุภาพ ในการสร้างบารมีภายใต้ร่มเงาบวรพระพุทธศาสนา
จะเห็นได้ว่า.... ชีวิต... อยู่ที่เราจะเลือกเป็น... เพราะเราเป็นเจ้าของชีวิต... อยากเกิดเป็นอะไรก็ได้... ขึ้นอยู่กับใจเราปรารถนา​.. ถ้ามีบุญมากพอ บุญบันดาลให้เราได้มี​ ได้เป็น ได้สำเร็จสมปรารถนาในทุกสิ่ง ทั้งสมบัติอันเลิศในเมืองมนุษย์ ทิพยสมบัติอันเลิศในสุคติโลกสวรรค์ แม้กระทั่งโลกุตตรสมบัติอันเลิศในนิพพาน
เราจะได้บรรลุมรรคผลนิพพานสมความปรารถนากันทุกคน ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่เราได้สั่งสมไว้อย่างดีแล้ว ให้ตั้งใจสั่งสมบุญให้เต็มที่ เรามีเวลาเหลืออยู่ในโลกนี้อย่างจำกัด อย่าได้ประมาท ปรโลกข้างหน้ายังเป็นทางสองแพร่งอยู่ จะไปสู่สุคติหรือทุคตินั้น ขึ้นอยู่กับเราในปัจจุบัน เพราะฉะนั้น เลือกทำแต่ความดี ทำใจให้ผ่องใสไว้เสมอ
คัดบางตอนมาจากหนังสือธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับมงคลชีวิต ๒
หน้า ๑๔๙ - ๑๕๗
อ้างอิง.......พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย)
ประวัติพระราหุลเถระ และพระรัฐปาลเถระ เล่ม ๓๒ หน้า ๓๙๕
โฆษณา