5)ต่อมามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้
5.1 คณะนิติศาสตร์ได้เริ่มคัดเลือกร้านกาแฟ เพราะสัญญาเดิมได้สิ้นสุดลงในปี 2563 เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ และเมื่อตอนต้นปีที่มีโควิด-19 ทางมหาวิทยาลัยก็ผ่อนผันไม่คิดค่าเช่าและให้ขายต่อมาได้จนถึงเดือนมิถุนายน 2563
5.2 เมื่อเปิดการเรียนการสอนปกติในเดือนสิงหาคม 2563 ก็ได้ทำการคัดเลือกใหม่ตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้แต่เดิม มีสองร้านเสนอตัวเข้ามาคือ ร้านยิ้มสู้คาเฟ่ซึ่งเป็นร้านที่เปิดดำเนินการอยู่เดิม และร้านคาเฟ่
อเมซอน
5.3 ธรรมศาสตร์ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้น 14 คนประกอบด้วยผู้แทนจากฝ่ายบริหาร คณาจารย์ บุคลากรสายสนับสนุน และจากนักศึกษา มาทำการประเมินในสองส่วนด้วยกัน
5.4 ส่วนแรกเน้นที่ความสะอาด ปลอดภัย ขั้นตอนการเตรียมกาแฟและอาหาร ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และราคา ในส่วนนี้ ยิ้มสู้คาเฟ่ได้ 1059 คะแนน และคาเฟ่อเมซอนได้ 1092 คะแนน
5.5ในการประเมินส่วนที่สอง เป็นการประเมินรสชาติ ปริมาณ ราคา ความน่าทาน โดยมีประชาคมเข้ามาร่วมประเมิน 44 คน ยิ้มสู้คาเฟ่ได้ 856 คะแนน และคาเฟ่อเมซอนได้ 1011 คะแนน
5.6) หลักเกณฑ์และแนวทางการคัดเลือกเป็นแบบเดิมมิได้มีการเปลี่ยนแปลงจากปี 2561 ซึ่งในตอนนั้นร้านยิ้มสู้คาเฟ่ก็ได้รับคะแนนสูงสุด จึงเข้ามาดำเนินการ
5.7) ทางมหาวิทยาลัยได้ทราบถึงผลกระทบของผู้พิการที่ทำงานอยู่ จึงได้สอบถามกับคาเฟ่อเมซอนซึ่งเป็นผู้ชนะการคัดเลือก และทราบว่ายินดีจะรับคนพิการต่างๆเหล่านั้นเข้าทำงานต่อไป
5.8)ขณะนี้กำลังจัดทำรายงานการคัดเลือก ยังไม่ได้มีการประกาศผลอย่างเป็นทางการ