7 ต.ค. 2020 เวลา 23:58
๑๓. ย้ายสถานที่อบรม
วันรุ่งขึ้นพวกเราไปห้องอบรมแต่เช้าเพื่อไปฟังข่าวของเพื่อน ๆ เมื่อวานนี้ จนพวกที่พักที่บ้าน และพักบ้านญาติมากันหมดแล้ว แต่เพื่อนที่พักหอพักเฟื่องฟ้ายังไม่มา เพื่อนร่วมห้องที่อบรมรู้ข่าวแล้วและที่ไม่รู้สอบถามกันเซ็งแซ่ ผมจะถามข่าวว่าเมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง แต่เข้าไม่ถึงเพื่อนรุมล้อมเต็มไปหมด พอดีที่ ชลอ ซึ่งอยู่ที่หอนั้นด้วย แต่ไม่ได้มีเรื่องกับเขาเ จึงไม่ค่อยมีคนสนใจ เมื่อเขาเดินมานิ่งที่โต๊ะ ผมได้โอกาสก็เข้าไปถาม
" ชลอ เมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง "
" ก็ตื่นเต้นซิพี่ พวกเขายกโขยงกันมากี่คนผมก็ไม่ทราบ เพราะแอบอยู่ในห้อง "
ชลอเขาเรียกผมพี่ ทั้งที่ผมอายุเท่า ๆ กับเขา ผมแค่แก่กว่า ๑ ปี แต่ถ้านับจริงก็เป็นเดือนเท่านั้น
" ชลอ เมื่อคีนเป็นยังไงบ้าง ผมเห็นมากันเป็นสิบเลย. เห็นแล้ว ยังคิดเลยว่า พวกชลอ จะทำอย่างไร จะออกไปก็ไม่กล้า นิพนธ์มันก็เดินไม่คล่อง
" เราไม่คิดว่าเขาจะมาเร็วปานนั้น. ชลอบอก"
" ผมเห็นพวกเขาเดินขึ้นไปบนหอ ไม่เจอกันหรือ ตอนนั้นอยู่ที่ไหน กันละ "
"อยู่ในห้องนั่นแหละพี่ "
" เอ้า...แล้วเขาทำอะไรบ้างละ เมื่อเจอเรา "
" ไม่เจอหรอกพี่. "
" เอ้า...ทำไมละ ก็เราอยู่ที่ห้อง แล้วเขาก็ไปที่ห้อง. " ผมยิ่งสงสัยมมากขึ้นอีก
" มันเป็นไหวพริบพี่นพดลเขา เมื่อเราไปถึงห้องเข้าห้องไปแล้ว เหมีอนแกนึกอะไรขึ้นมาได้ แกเอากุญแจล็อกห้องออกมา คล้องกุญแจแล้วล็อคไว้ แล้วกระโดดปีนห้องเข้ามา "
ชลอเล่าต่อไปว่า ห้องที่พักเขาแค่ใช้กระดานอัดแปะคั่นไว้ สามารถปีนเข้ามาได้ ถ้านพดลไม่เอะใจ พวกเขาคงจะโดนแน่ ๆ เพราะฟังเสียงแล้วพวกเขามากันเยอะ และได้ยินคนหนึ่งพูดที่หน้าห้องว่าพวกมันคงหนีไปแล้ว บางคนพูดว่ามันคงไม่กล้าอยู่หรอก แล้วได้ยินเสียงเขาเดินกลับไป พอเริ่มมืดและมั่นใจว่าไม่มีอะไรแล้วก็ออกมาอาบน้ำกัน ตอนเช้าเราแต่งตัวเสร็จไปทานข้าวร้านใกล้ ๆ ร้านเมื่อวาน เพราะร้านร้านเมื่อวานเป็นร้านข้าวต้มโต้รุ่งขายช่วงเย็น และกลางคืนเท่านั้น
" ฮ้า...มีเรื่องอย่างนี้ ยังไปทานข้าวอีกหรือ "
"เอ้าพี่. มีเรื่องมันก็มีเรื่อง แต่ข้าวก็ต้องกิน ทำไงได้ "
ผมเงียบ จริงของชลอถึงมีเรื่อง แต่ข้าวก็ต้องกินมันหิวแล้วเราฝากท้องไว้กับร้านค้า ถ้าไม่กินที่ร้านเราจะกินที่ไหน ส่วนผมสามคนกินที่ร้านคัาใกล้หอพักที่ผมพัก แล้วผมก็ฟังชลอก็เล่าต่อไป
" แม่ค้าเขาบอกพวกผมว่า เราโชคดีที่ชกกัน สามต่อสาม ไม่มาช่วยกัน ถ้าขืนลุกขึ้นไปช่วย มีพวกเขานั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ พร้อมจะช่วยเพื่อนเขาทันที เพื่อนเขาคงเห็นว่าเพื่อนเขาเมา และพวกเราก็สู้อย่างยุติธรรม เขาเลยเฉยเสีย "
" ถ้าเขานักเลงจริง พวกเขาที่มากันเป็นคันรถหรือ "
" เอ้าพี่ นั่นเขาจะไปบอกเพื่อนยังไงก็ได้ แต่นี่เขาอยู่ในเหตุการณ์จริง "
ชลอ ตอบข้อสงสัยของผม ซึ่งผมก็เชื่อตามที่ชลอพูด เราอภิปรายกันว่าคนที่ทะเลาะกับเราคือใครโดยเฉพาะเพื่อนที่นครปฐม เล่าถึงความร้ายกาจของคนกลุ่มนี้ เราคุยกันพักหนึ่งพี่ศักดาก็มาถึง เราเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ศักดาฟังพี่ศักดาบอกพวกเราว่าให้พวกเราอบรมไปก่อนเดี๋ยวจะปรึกษากับทางภาค ซึ่งหมายถึงสำนักงานส่งเสริมการเกษตรภ่าคตะวันตก บ้านโป่งราชบุรี ซึ่งเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปเป็นสำนักงานส่งเสริมการเกษตรเขตที่ 2 จังหวัดราชบุรี
เราอบรมตามปกติเพราะชั่วโมงเช้าวิทยากรมาแล้ว ถึงยังไม่มาเราก็แก้ไขอะไรไม่ทันเพราะตอนนั้นการสื่อสารไม่เหมือนเดี๋ยวนี้ พี่ศักดาได้แนะนำวิทยากรเสร็จก็หายไป ซึ่งวิทยากรแต่ละท่านต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง บางวิชวเต็มวันเลยก็มี แต่วิชานี้มีเพียง 3 ชั่วโมง ส่วนตอนกลางวัน เรากินข้าวกลางวันที่ในวิทยาลัยทุกวัน เว้น เสาร์ อาทิตย์
เข้าช่วงบ่ายเจอหน้าพี่ศักดาที่หายไป พี่ศักดาเล่าให้ฟังว่าได้ปรึกษากับผู้ใหญ่หลายท่านทั้งสายเกษตรและสายปกครองแล้ว เห็นพ้องตรงกันว่าพวกเราต้องย้ายสถานที่ที่อบรม และควรย้ายวันนี้จะไม่มีผลต่อการอบรมเรื่อง วัน เวลา เราแค่แจ้งเปลี่ยนสถานที่อบนมเท่านั้น ถ้าเราอยู่ที่นี้เราต้องกังวลว่า เขาจะทำอะไร เมื่อไหร่ จะไม่มีสมาธิในการอบรมแน่นอน
https://www.dra.go.th/th/cmsdetail-10-10-1-1095.html?view=full
ผมซึ่งไม่เคยเห็นด้วย เรื่องการย้ายที่อบรมตั้งเขาประกาศว่าอย่าอยู่ให้กูเห็นหน้าหลังสามโมงเย็น และคิดว่าจะแน่ซักแค่ไหนเชียว ทีจะสั่งย้ายพวกเราจากที่นี่
" ทำไมเราต้องย้ายครับเราไม่ได้ผิดอะไร กฎหมายบ้านเมืองไม่มีหรือ เขาจึงทำเช่นนี้ได้ "
ผมตั้งคำถามกับพี่ศักดาด้วยน้ำเสียงที่ไมพอใจนัก นี่ขนาดเป็นคนของข้าราชการแท้ ๆ ยังงต้องยอมเขา นี่ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดา เขาจะไปพึ่งพาใครได้ พี่ศักดาตอบผมว่า
" คุณคิดดี ๆ ซิ เขาไม่กลัวสิ่งที่มากระทบกับเขาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่เราซิพ่อแม่ส่งเสียให้เรียนหนังสือแล้วเราใช้เวลาเรียนเป็ม 10 ในขณะที่เขาไม่ได้ลงทุนอะไร คุณพร้อมที่จะแลกกับเขาหรือ คุณจะเอาชามกระเบื้อง ไปทุบราวสะพานคอนกรีตหรือ คิดดูซีครับ ราวสะพานหรือชามกระเบื้องที่จะเสียหาย "
" แล้วทางผู้ว่าราชการจังหวัดว่าอย่างไรครับ " น้ำเสียงผมออ่นลงเห็นได้ชัด
" ก็ท่านผู้ว่าน่แหละ หาทางออกให้ด้วยวิธีนี " พี่ศักดาพูดจบ ผมนิ่งเงียบแสดงอาการยอมรับ
พี่ศักดาให้รีบเก็บสัมภาระประมาณบ่ายสองโมง รถจากสำนักงานส่งเสริมเกษตร ภาคตะันตก จะมารับที่วิทยาลัย พี่ศักดาบอกพวกเราว่า เราจะย้ายไปอบรมทีศูนย์ไการศึกษานอกโรงเรียน ตำบลบ้านฆ้อง อำเภอโพธารามจังหวัดราชบุรี. เรารีบกลับไปเก็บเสื้อผ้า เจ้าของหอพักทุกหอไม่ว่าอะไรเพราะเข้าใจพวกเราดี อีกอย่างเราได้จ่ายค่าหอไปแล้ว ไมได้เรียกเงินคืนแต่อย่างได แต่ที่เหมือนกันโดยมิได้นัดหมายคือเมื่อเขาถามว่าจะไปอบรมที่ไหน ก็ไม่มีใครพูด เพียงแต่ตอบเลี่ยง ๆไป ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครกำชับ
" ยังไม่ทราบเลยครับเขากำลังติดต่อให้ไปรวมที่ภาคก่อน "
" ยังไม่ทราบครับเขาบอกเพียงว่า รถจะมารับบ่ายสองโมง "
เมื่อมาถึงศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนท่ีบ้านฆ้องทุกอย่างได้รับการจัดการใหม่ การพักก็พักในศูนย์มีบ้านพักเป็นหลัง ๆ พักหลังละสิบคน สิบกว่าคนแล้วแต่บ้านแต่ละหลัง ส่วนเรื่องอาหารทานสามมื้อไม่ต้องไปไหน แต่นั่แหละครับ ห้ามไฟไม่ให้มีควัน ห้ามพระจันทร์ไม่ให้ส่องแสง ห้ามไม่ได้ฉันได ห้ามพวกผมคงไม่ได้ฉันนั้น ก็มีพวกออกไปหาอะไรกินแถวนั้น แต่ไม่มีไปดื่มเหล้ากันหรอกครับ
วันหนึ่ง ผมนอนเล่นอยู่บนเตียง ชลอนั่งอ่านตำรา มสธ.อยู่บนเตียง นิพนธ์นั่งเล่นอยู่ที่ประตูบ้าน หญิงสาวรายหนึ่งแค่ดูแวบเดียวก็รูว่าเธอสวยทีเดียว ผิวขาวแต่ไมใช่ขาวหมวย นึ่กระมังที่เขาเรียกผิวพม่าเพราะมีอมเหลืองนิด ๆ ผมยาวประบ่า คิ้วดำเข้มพองาม ตัดกับสีผิว ปากสีชมพู่ตามธรรมชาติ นุ่งผ้าถุงทอมือสีแดงไปทางสีเลือดหมูไม่เข้มมากนัก ใส่เสื้อ สีเหลืองอ่อน ๆ ตอนชม้ายตามามองผมและชลอ เห็นขนตางอน ๆ ของเธอ มันบ่งบอกว่าเธอช่างเสวยจริง ๆ
" เขาว่าไง นิพนธ์ "ผมถามเพื่อน หลังจากผู้หญิงคนนั้นจากไป
" เขามาถามหาชาญณรงค์ "
" แล้วไงต่อ "
" กูบอกว่าชาญณรงค์ไม่อยู่ จะฝากบอกอะไรไว้ไหม เขาบอกไม่ต้อง ขอบคุณแล้วเดินออกไป"
ผมและชลอมองหน้ากัน แล้วชลอก็พูดว่า
" เอาอีกแล้ว ชาญณรงงค์ ไม่รู้จักเข็ด "
โฆษณา