5 ต.ค. 2020 เวลา 16:57 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
#เมื่อมนุษย์สามารถติดต่อกับพระเจ้าได้จริงๆ ด้วยหมวกแห่งพระเจ้า !!!!
หลายพันปีมาแล้วนะครับที่มนุษย์สวดมนต์ ทำสมาธิ หรือ พิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ เพียงหวังแค่ว่าจะสามารถติดต่อกับพระเจ้าได้ แต่ถ้าผมบอกว่าคุณต้องการแค่แม่เหล็กที่สมองซีกขวา เพียงเท่านี้คุณก็สามารถจะติดต่อกับพระเจ้าได้แล้วล่ะครับ
ถ้าพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลก คำถามต่อมาคือพระเจ้าล่ะอยู่ที่ไหน ชายผู้สร้างทุกสรรพสิ่งภายในระยะเวลา 7 วัน เค้าอาจจะอยู่บนดาวดวงไหนสักแห่ง หรือ ยิ่งกว่านั้นถ้าเค้าสร้างจักรวาลด้วย นั่นหมายถึงมีสิ่งอื่นที่อยู่เหนือจักรวาลนี้ออกไปอีก และรูปแบบของมันคงจะเกินที่จินตนาการของมนุษย์จะอธิบายได้ แต่ในห้องทดลองทางสภาวะจิตของมหาวิทยลัย รอเลนเชี่ยน (Laurentian University) ดร.ไมเคิล เปอซิงเกอร์ (Dr.Michale Persinger) ผู้ที่เชื่อว่าพระเจ้าสถิตอยู่ในสมองซีกขวาของเรานั้นค้นพบวิธีจะติดต่อกับพระองค์แล้ว
ดร.ไมเคิลอธิบายว่า สมองซีกขวาซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับประสบการ์ณนั้นจะมีกลไกปกป้องตัวเองเวลาที่เราพูดถึงความตาย เราจะรู้สึกกังวล และเมื่อมนุษย์ทุกคนมีจุดจบ(สิ้นอายุ) สมองจะปลอบใจตัวเองว่าจริงๆแล้ว ยังมีโลกหลังความตายอยู่นะ มันยังไม่ได้จบจริงๆนะ ซึ่งรูปแบบจะเป็นยังไงนั้น ก็ต่างกันออกไปตามความเชื่อของแต่ละบุคคล แต่ทุกผลลัพท์จะมีเงื่อนไขว่า เราจะอยู่ยงคงกระพัน เพราะเหตุนี้เองครับ ที่ทำให้ ดร.ไมเคิล เชื่อว่าถ้าเราต้องการติดต่อกับพระองค์ เราต้องศึกษาสมอง เค้าจึงสร้างอุปกรณ์ชนิดหนึ่งขึ้นมาซึ่งทำหน้าที่ในการส่งประจุไฟฟ้าขนาดเล็กตรงไปยังกลีบขมับสมองซีกขวา และเค้าเรียกมันว่าหมวกแห่งพระเจ้า และเราจะพบพระเจ้าได้เพียงแค่เปิดสวิต
โดมินิก้า หนึ่งในหลายอาสาสมัครผู้เข้าร่วมการทดลอง เธอไม่ได้เป็นคนที่เคร่งศาสนา หรือ ลัทธิใดเป็นพิเศษ ดร.ไมเคิล เริ่มทำการทดลองโดยให้ โดมินิก้า นั่งบนโซฟาอย่างผ่อนคลายในห้องปิดทึบ ก่อนจะสวมหมวกแห่งพระเจ้าให้กับเธอ เธอถูกปิดตา และก่อนจะเริ่มการทดลอง ดร.ไมเคิล ได้บอกกับโดมินิก้าว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นให้คล้อยตามมันไป
ตลอดหนึ่งชั่วโมงในห้องปิดทึบที่ไร้แสงและเสียง เพื่อให้โดมินิก้าได้อยู่กับความคิดตัวเอง หรืออันที่จริงแล้วเธออาจจะอยู่กับพระเจ้าด้วย
ดร.ไมเคิล ที่สังเกตุคลื่นสมองของเธอยู่นอกห้องทดลองพบว่าเธอผ่อนคลายและคล้อยตามมันไปจริงๆ เมื่อการทดลองจบลง คำตอบที่ได้จากโดมินิก้า อาจบอกได้ว่า เธอได้พบกับพระเจ้าแล้วจริงๆ
โดมินิก้าให้สัมภาษณ์ว่า เธอรู้สึกเห็นร่างซึ่งไร้ใบหน้า มีเพียงแสงสว่างเจิดจรัส ปรากฎขึ้นรอบๆตัวเธอ เมื่อ ดร.ไมเคิลถามว่า ปรากฎขึ้นมากี่จุด เธอไม่ได้ตอบในทันที แต่กลับยกมือขึ้นชี้ไปรอบๆตัวเธอ ราวกับกำลังนับอะไรบางอย่าง นั่นแสดงให้เห็นถึงการที่เธอคล้อยตามมันไปจริงๆ เธอยังบอกอีกว่า รู้สึกเหมือนตัวเองลอยขึ้น และมองร่างตัวเองที่นอนอยู่บนโซฟา แต่หลังจากนั้นเธอพบว่ามีกองไฟที่ลุกโชนปรากฎขึ้นอีกรอบๆตัวเธอ แต่อย่างไรก็ตาม การทดลองให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป ตามประสบการ์ณและความเชื่อของผู้ร่วมทดลอง แต่จะมีเงื่อนไขคล้ายๆกันแบบนี้
การทดลองของ ดร.ไมเคิล อาจสรุปได้ว่า การวาดมโนภาพเชิงศาสนาที่ชัดเจน ของบุคคลทางศาสนาที่มีอิทธิพลต่อคนรุ่นต่อมา อาจเกิดมาจากกลไกเหล่านี้ ที่ได้รับการกระตุ้น และ ดร.ไมเคิล ยังบอกเราไว้อีกว่า ผู้นำทางศาสนาบางคนเคยถูกฟ้าผ่า หรืออาจมีตัวกระตุ้นอย่างอื่นที่สามารถทำให้ปรากฎการ์ณนี้เกิดขึ้นได้ เช่น ตัวกระตุ้นทางธรรมชาติที่เรายังไม่รู้จัก การเปลี่ยนแปลงเคมีในสมอง หรือ การกระตุ้นที่อาจถูกสร้างขึ้นโดยสังคมและวัฒนธรรม และแน่นอนครับ ปรากฎการ์ณใช้เวลาเพียงสั้นๆในการเกิดขึ้น แต่กลับสร้างประสบการ์ณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ 'ประสบการ์ณกับพระเจ้า'
ก่อนจากกันวันนี้ The Teller อยากให้ผู้อ่านคิดดูเล่นๆว่า ถ้าปรากฎการ์ณนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับ โดมินิก้า ในห้องทดลอง แต่เป็นวัด หรือ โบสถ์ มันจะส่งผลอะไรกับชีวิตของโดมินิก้าหลังจากนั้นบ้าง
โฆษณา