Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Doctor Robot
•
ติดตาม
5 ต.ค. 2020 เวลา 17:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ
วิเคราะห์ FOREX - Martingale กลยุทธ์เผาเงิน?
ถ้าถามเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์เทรดมาสักพัก น้อยคนที่จะไม่รู้จักกลยุทธ์ Martingale
โดยปกติแล้ว Martingale จะถูกใช้เป็นกลยุทธ์ในการแก้พอร์ตที่เสียหาย
แล้วทำไมใช้ Martingale พอร์ตถึงแตกกันล่ะ?
วิเคราะห์ FOREX จะมาเล่าสู้กันฟัง
ก่อนอื่นขอพาไปรู้จักที่มาของกลยุทธ์นี้กันก่อน
ซึ่งที่มาจริงๆ ของกลยุทธ์นี้มาจาก “บ่อน” !!!
ใช่ครับ ... อ่านไม่ผิดครับ กลยุทธ์นี้ถูกประยุกต์มาจากการ Bet ในบ่อนการพนัน
ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในช่วงศตวรรษที่ 18 โดยมีหลักการว่า
“ทุกครั้งที่แพ้หรือเสีย จะทำการ Bet เพิ่มอีก 1 เท่าตัวไปเรื่อยๆ”
เรื่อยแค่ไหน? ... ก็เรื่อยจนกว่าจะ Cover ค่าเสียหายทั้งหมดนั่นเอง
เช่น Bet ครั้งแรกไป 100 บาท แล้วเสีย ครั้งที่ 2 จะทำการ Bet ด้วยเงิน 200 บาททันที
หากเสียอีก ก็เดิมพัน 400 บาท เสียอีกก็เกทับเข้าไปอีก 800 บาท
โดยหวังว่า หากชนะในการเดิมพันครั้งสุดท้ายผู้เดิมพันจะได้ทุนส่วนที่เสียไปคืนมา
พร้อมกับกำไร 100 บาท เพิ่มขึ้นมาในพอร์ตทันที
เพราะเสียไป 100+200+400 = 700 บาท แต่ชนะมา 800 บาท
(เหมือนออก Lot 0.01 0.02 0.04 แล้วได้ 0.08 ทีนึงก็ Cover Loss ทั้งหมด)
ช่างได้กำไรง่ายดายเสียนี่กระไร
นี่คือสาเหตุที่กลยุทธ์ Martingale ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการเทรดเพื่อ “แก้พอร์ต”
เพราะโดยหลักการแล้ว มันสามารถใช้กู้ความเสียหายของพอร์ตได้จริง
หรือใครโลภหน่อยก็ใช้ Martingale เพื่อเพิ่มกำไรไปเรื่อยๆ
โดยมองประโยชน์จากเหรียญด้านเดียวว่า “กำไรจะเติบโตมหาศาล”
แต่เหรียญอีกด้าน คือ เป็นตัวเร่งให้พอร์ตแตก
เพราะ Martingale ถูกออกแบบมาโดยมีหลักการว่า
1 ผู้เล่นมีเงินในหนักตัก “ไม่จำกัด” ... แต่เทรดเดอร์กลับมีเงินในหน้าตัก “จำกัด”
เช่น มีทุน 1000 เหรียญ ออก Lot 0.01 (Contract size 100000)
แบบนี้ก็เรียกว่า All in แล้ว ...
หากต้องการออก Lot เพิ่ม ก็ต้องคำนวณระยะสูงสุดที่ทนได้
พร้อมกับจำนวน Lot สูงสุดที่คิดว่าจะปล่อยออกไป
2 ในบ่อน “ไม่มี Leverage” ... แต่เวลาเทรดจริงเรา “ใช้ Leverage”
เพราะการใช้ Leverage ก็เหมือนการยืมเงินมาเทรดก่อน
หมายความว่า ถ้ายืมมา 100 เท่า ราคาเคลื่อนผิดทางไป 10 เหรียญ (ทอง)
เงินในพอร์ตที่มี 1000 เหรียญ ก็หมดเกลี้ยงไปเสียแล้ว
3 โอกาสในการ “ชนะ” และ “แพ้” เป็น 50/50 ... แต่กราฟ “ไม่ใช่”
สมมติว่าเป็นการทอยเหรียญที่เหรียญมีน้ำหนักกระจายทั้งเหรียญสม่ำเสมอ
โอกาสที่ทอยเหรียญแล้วจะออก “หัว” จะพอๆ กับออก “ก้อย” หรือ 50/50
แต่กราฟจะเดินตามเหตุการณ์ที่มี Bias บทจะขึ้นก็ขึ้นไม่หยุด
เหมือนออกหน้าหัวรัวๆ ไม่ออกก้อยเลย
นั่นก็หมายความว่า ถ้าเราเทรดหน้าก้อย หรือ Sell ขณะที่ราคาขึ้นไว้
ความเสียหายจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากไม่รู้จัก Cut ทิ้งเพื่อ Stop Loss
4 เหตุการณ์ดำเนินต่อเนื่องไป “แน่นอน” ... แต่เหตุการณ์ที่ทำให้กราฟวิ่ง “ไม่แน่นอน”
คล้ายๆ กับที่เล่าในข้อ 3 ... แต่ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดน่าจะเป็น “False Break”
เช่น กราฟ Break ขึ้นจาก Sideways เพื่อทำเทรนด์ขึ้นแล้วแท้ๆ
แต่จู่ๆ ก็วนกลับ ไม่ใช่การพัก ... แต่หักหัวกลับบ้านเก่าเฉย
ทั้งๆ ที่ทำท่าว่าจะออก Buy ได้รัวๆ แน่นอนแล้ว แต่ความไม่แน่นอนก็มาซะอย่างงั้น
5 ความเสี่ยง “ไม่มี” เพราะเงินไม่จำกัด ... แต่การเทรดจริงมีเงินจำกัด ความเสี่ยงจึง “มหาศาล”
อย่างที่เล่าให้ฟังในข้อ 2 ... ลำพังปกติมีเงินในมือจำกัดก็ว่าเสี่ยงแล้ว
แต่พอมี Leverage เท่านั้นแหละ ความเสี่ยงคูณเป็นจำนวนเท่าตัวตามที่ใช้เลย
ยิ่งเทรดผิดทางด้วยแล้ว จำนวน Lot ที่จะออกได้เพื่อแก้พอร์ตยิ่งมีน้อยลง
เพราะเรากำลังขาดทุนไปเรื่อยๆ มีหลักประกันเหลือน้อยลงนั่นเอง
ดังนั้น การใช้ประโยชน์ “เบื้องต้น” จาก Martingale ให้มีประสิทธิภาพ อาจทำได้โดย
<การวิเคราะห์ส่วนนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณ>
1 ควรจำกัด Lot สูงสุดเอาไว้ เพื่อไม่ให้ความเสียหายของพอร์ตบานปลาย
ซึ่งการคำนวณ Lot ก็ขึ้นอยู่กับว่าใช้ทุน (ที่อาจไม่พร้อมแตก) หรือกำไร (ที่อาจพร้อมแตก) มาเทรด และก็ขึ้นอยู่กับขนาดของเงินกับความเสี่ยงที่รับได้อีก ว่าทนได้แค่ไหน
2 ใช้ Leverage ให้เหมาะสม โดยคำนวณให้สอดคล้องกับขนาดของพอร์ต และความสูญเสียที่ยอมรับได้
3 เทรดจาก Performance และใช้สถิติการเทรดของตัวเองให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะคุณเท่านั้นที่จะรู้ได้ว่าช่วงไหน คู่ไหนคุณควรเทรดหน้าไหนแล้วโอกาสชนะเกินกว่า 50% หรือก็คือ ในเมื่อกราฟไม่ได้ถูกออกแบบมาให้โอกาสแพ้/ชนะเป็น 50/50 แล้ว คุณควรมอบโอกาสชนะให้ตัวเองด้วยตัวคุณเอง
4 เหตุการณ์ของกราฟไม่แน่นอน เพราะถ้ามันแน่นอน มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่ร่ำไป เช่น Sideways ยังไงก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง หรือ กราฟขึ้นไม่หยุด ไม่รู้จักลงหรือเปลี่ยนเทรนด์เป็น Sideways ซักที ซึ่งต้องประยุกต์การใช้ Martingale ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
5 ควบคุมความเสี่ยงให้ดี “นิยามให้ได้ว่าความเสี่ยงของคุณคืออะไร” (คำนี้มาจาก TONY SALIBA – CEO of Matrix Holding Group, USA) ซึ่งจำเป็นมากๆ ต่อการควบคุมความเสียหายของพอร์ตที่อาจเกิดขึ้น หากไม่ทำ แล้วเกิดเหตุการณ์เกินคาดคิด แน่นอนว่าความเสียหายของพอร์ตย่อม “คาดไม่ถึง” อย่างแน่นอน โดยต้องห้ามลืมว่า “ถ้า Martingale ผิดทาง พอร์ตจะเริ่มพังหนักขึ้นเรื่อยๆ”
Martingale เหมือนดาบสองคมที่คมกริบ
เพราะมีคนเลือดซิบจากกลยุทธ์นี้มานับไม่ถ้วน
ไม่ว่าจะเป็น Martingale แบบคูณ Lot หรือไม่ก็ตาม
หากมีกำไรพร้อมเสี่ยงมากขึ้นแล้ว แถมยังอยาก Martingale ต่อ
ถึงตอนนั้นค่อย Bet แบบไม่ Bet ก็ยังไม่สาย
แต่หากใครยังสงสัยอยู่ว่า Bet แบบไม่ Bet คืออะไร
ไว้วันหลัง วิเคราะห์ FOREX จะมาวิเคราะห์ให้ฟัง
#วิเคราะห์FOREX #FOREX #ฟอร์เร็กซ์ #CFDs
#Trading #FX #Oil #Stocks #Gold #Broker
1 บันทึก
1
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย