6 ต.ค. 2020 เวลา 05:57 • ครอบครัว & เด็ก
เด็กทุกคนมีศักยภาพในตัวเองเด็กหลายหลายคนไม่ได้เกิดมาเพื่อตามรอยเท้าใครแต่เค้าเกิดมาเพื่อสร้างรอยเท้าใหม่ของเขาขึ้นมาเอง
แต่ในการศึกษาปัจจุบันกับคนบางกลุ่มที่ยังคง
ยกย่องเด็กที่เรียนตามตำรา
ตอบคำถามตามที่คุณครู
เชิดชูเด็กที่ทำตามกฎระเบียบ
และแบ่งแยกเด็กบางกลุ่มที่แหกคอกว่าเป็นเด็กหลังห้อง
ในวันที่ความรู้ทุกอย่างสามารถหายได้เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสเด็กน้อยอยากรู้ว่าใครเขาก็สามารถดูได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องรอยิ่งทำให้เขารู้สึกต่อต้านกับกฏระเบียบข้อบังคับที่ทาง ผู้ใหญ่ได้สร้างไว้
ในวันที่เด็กอยากแสดงศักยภาพของเค้าออกมาแต่ผู้ใหญ่กลับมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระเปรียบดั่งปลาอยากว่ายน้ำแต่ผู้ใหญ่กลับบอกว่าทำไมไม่ยอมปีนต้นไม้ความขัดแย้งก็เลยเกิดขึ้น
แล้วเราในฐานะพ่อแม่จะมีวิธีการจัดการอย่างไรบ้างกับสังคมที่เปลี่ยนไปกับความคิดของเด็กเด็กที่เปลี่ยนแปลงผมเคยเป็นพ่อของเด็กที่เรียกว่าเด็กพิเศษเคยตี เคยดุ เคยว่า เค้าว่าทำไมไม่เป็นเหมือนเด็กคนอื่นจยในวันที่ลูกของผมร้องไห้จนไม่มีน้ำตา ผมกลับฉุกคิดได้ว่าเรากำลังรักลูกหรือว่าเรากำลังรักตัวเอง สุดท้ายแล้วเราต้องการอะไรแล้วเราคือใคร ผมเลยสรุปกับตัวเองได้ว่า
หน้าที่เราคือให้ชีวิตส่วนหน้าที่เขาคือการใช้ชีวิต
จากวันนั้นเป็นต้นมาผมทำทุกอย่างไม่ใช่เพื่อให้เขาเป็นคนเก่งแต่เพื่อให้เขามีความสุข หน้าที่ของเราคือการสร้างคุณค่าให้ตัวเค้า ส่งเสริมในสิ่งที่เค้าถนัด และบอกเค้าว่าการไปโรงเรียนเพื่ออะไร แม้ว่าในปัจจุบันโรงเรียนกลายเป็นแหล่งที่ลดคุณค่าของเด็ก ทั้งระบบ สังคมและอื่นๆ
ผมเชื่อว่าในระหว่างทางเราจะโดนแรงเสียดทานแววตาคำพูดจากใครหลายหลายคนว่าลูกเราเป็นเด็กพิเศษเราอาจจะต้องเจอโพสที่โชว์เกรดรูปแล้วบอกว่าปีนี้ได้แค่ 3.9ไม่เป็นไรนะปีหน้าเอาใหม่งั้นก็เช่นเดียวกันเด็กเกิดมาด้วยศักยภาพที่แตกต่างกัน
เพราะจุดมุ่งหมายของผมนั้นไม่ได้ต้องการให้ลูกร่ำรวยเงินทองมีชื่อเสียงมีหน้ามีตาความหวัง
เล็กๆความหวังเดียวของผมนั้นคือการที่ทำให้ลูกมีความสุขในการใช้ชีวิตแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
เด็กทุกคนมีศักยภาพในตัวของเค้าเอง เค้าอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อเดินตามรอยเท้าใครหรือว่าเพื่อต้องศึกษาตำราจากประสบการณ์ของคนอื่น
จากระบบการศึกษาที่มีมาอย่างยาวนานนับร้อยๆปีระบบระเบียบปฏิบัติยังคงยึดถือกันมาสู่รุ่นต่อรุ่น
ในวันที่หลายๆคนยังคงยกย่องคนทำข้อสอบได้ถูกตามที่กำหนด เชิดชูคนที่ปฏิบัติตามกฏระเบียบ และแบ่งแยกเด็กที่ไม่เข้าใจเอกสารตามตำราว่าเป็นเด็กหลังห้อง
แต่เนื่องมาจากในปัจจุบันโลกหมุนเร็วขึ้นมากขึ้น และความรู้สามารถหาได้เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส เด็กสามารถค้นหาข้อมูลอะไรก็ได้ที่เขาอยากรู้หรือว่าสนใจโดยที่อาจจะมองว่าเอกสารในตำรานั้นไม่มีประโยชน์กับเขา และการที่เขาถูกแบ่งแยกยิ่งทำให้เขาต่อต้านมากยิ่งขึ้น
ถ้าลูกๆของใครสามารถเรียนและเข้ากับระบบการศึกษาได้ก็สนับสนุนเขา นำเค้าไปสู่จุดที่เค้าหวังไว้ แต่ถ้าลูกของเรานั้นไม่ถนัดกับการศึกษาปัจจุบัน อยากให้พ่อแม่ทุกคนรู้ว่า ถ้าจะวัดความฉลาดเราไม่สามารถเทียบกันได้ ดั่งคำพูดที่ว่า เราไม่สามารถให้ปลาปีนต้นไม้เก่งเท่าลิงหรือเราก็ไม่สามารถให้ลิงว่ายน้ำได้เก่งเท่าปลาเช่นกันทุกคนเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตของตัวเอง
ลูกผมก็เป็นหนึ่งในกลุ่มเด็กพิเศษ ผมรับรู้ถึงแววตา คำพูดที่พ่อแม่คนอื่นๆมองมาที่ลูกเรา เคยตี เคยว่าลูกว่าทำไมไม่เหมือนคนอื่น นั่งมองน้ำตาลูกที่ไหลออกมาจากความเสียใจ อยู่ดีๆผมก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เรากำลังรักลูก หรือว่าเรากำลังรักหน้าตัวเอง หน้าที่เราคือให้ชีวิต ส่วนการใช้ชีวิตคือหน้าที่เค้า
ในฐานะที่เราเป็นพ่อแม่กับโลกปัจจุบันที่โรงเรียนมีหน้าที่ลด self esteem หน้าที่หลักๆของเราคือ เพิ่ม self esteem โดยสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าการให้กำลังใจไม่ว่าลูกเราจะโดนอะไรมา การค้นหาสิ่งที่เขารักและชอบเพื่อทำให้เขารู้สึกมีคุณค่าและอยากเดินหน้าต่อไปโดยที่เขายังคงไปโรงเรียนเพื่อให้จบตามเกณฑ์ที่สังคมวางไว้
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ทุกคนนะครับ เพราะความสุขที่แท้จริงไม่ใช่เห็นว่าลูกเราเก่งมีหน้าที่การงานที่มั่นคงแต่ความสุขสำหรับผมคือการที่มองเห็นลูกมีความสุขแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
โฆษณา