มิตร ชัยบัญชา
สู่บทบาทอื่นๆ พ.ศ.2510 หลังจากประสบความสำเร็อย่างสูงแล้วมี ทรัพย์สิน เงินทอง
ชื่อเสียง เกียรติยศ หลักฐานมั่นคง จึงคิดช่วยให้เพื่อนตั้งตัวได้
โดยตั้งสหชัยภาพยนต์ขึ้นให้สลับกันขึ้นเป็นผู้อำนวยการสร้าง มิตรเป็นพระเองให้โดยไม่คิดค่าแสดง หากมีปัญหาเรื่องเงินทุนก็ช่วยเหลือกัน มีภาพยนต์หลายเรื่องจนถึงพ.ศ 2513 ที่มิตรร่วมทุนสร้างด้วย
เช่น จอมโจรมเหศวร
สวรรค์เบี่ยง เรื่องแรกที่อดุลย์ ดุลยรัตน์ เป็นผู้กำกับ ผลงานเด่นๆมีหลายเรื่อง
มิตร ชัยบัญชา ได้เข้าไปสู่การเมือง ขณะนั้นมีชื่อเสียงมาก ทำให้มิตรคิดว่าจะชนะใจประชาชนเหมือนเช่นการแสดง
ตัดสินใจหยั่งเสียงเป็นครั้งแรกด้วยการ
ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลในนามกลุ่มหนุ่ม เมื่อ1 กันยายน พ.ศ.2511
เขตบางรัก ยานนาวา สัมพันธวงค์ ป้อมปราบศรัตูพ่าย เขาไม่ได้รับเลือกตั้ง
เขาไปพักผ่อนเข้าป่าไทรโยคที่กาญจนบุรี
กับรังษี ทัศนพยัคฆ์ ล้อต็อก กิ่งดาว และเพื่อน
กลับออกมาทำงานต่อ ภาพข่าวหาเสียงเลือกตั้งต่อมา ปีพ.ศ.2512 มิตรได้ตัดสินใจ
ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต พระนคร กับปราโมช คชสุนทร
หวังรับใช้ประชาชน และต้องการช่วยนักแสดง
ให้เป็นอาชีพมั่นคง และมีสวัสดิการ
ช่วงหาเสียงมีงานถ่ายหลายเรื่อง ถ่ายต่างประเทศ 2 เรื่อง
ครั้งที่2ก็ไม่ได้รับเลือกตั้ง ขาดไป500คะแนน ได้เป็นคนที่ 16 ในเขตนี้มีสมาชิกสภาผู้แทนได้ 15 คน
การหาเสียงครั้งนี้ทำให้เสียเงินไปหลายล้านบาท พร้อมบ้าน 1หลัง
มิตรเก็บความผิดหวังไว้เงียบๆ
และหญิงคนรักได้ตีห่างออกไป (เพราะเขาผิดคำสัญญาว่าจะไม่เล่นการเมืองอีก)
เขาพยามอดทนสู้ใหม่ รับหนังอีกหลายเรื่อง
เขาได้สร้างภาพยนต์ รอยพราน ในนามชัยบัญชาภาพยนต์
พ.ศ2513 เขารวบรวมที่ดินทั้งหมดที่มีอยู่ จำนองกับธนาคาร เอเซีย 4ล้าน6แสนบาท จำนองบ้านพักทั้ง3หลัง ขายที่ดินที่สระบุรีอีก7แสน นำมาซื้อที่ดินตรงสพานผ่านฟ้า เนื้อที่514 ตรว. ราคา7ล้านบาท
เพื่อลงทุนสร้างโรงภาพยนต์มาตรฐานเพื่อฉายหนังไทยโดยเฉพาะ มีร้านค้าที่จอดรถ แบบทันสมัย โดยหวังช่วยเหลือผู้อำนวยการสร้างภาพยนต์ไทยไม่ต้องรอโปรแกรมฉายต่อจากภาพยนต์ต่างประเทศ
การออกแบบเรียบร้อย
การปรับพื้นที่
มีโครงการสร้างภาพยนต์ อีก2 เรื่อง
เพื่อฉายรับโรงใหม่
เป็นการวางอนาคตของมิตร ผู้เป็นความหวังและที่พึ่งของเพื่อนร่วมโครงการนี้
พ.ศ.2513 มิตรรับงานแสดงไว้ประมาณ50 เรื่อง และยังมีการแสดงภาพยนต์จีน กำลังภายในที่ฮ่องกง เรื่อง
อัศวินดาบกายสิทธิ์
แสดงร่วมกับ เถียนเหย่ และกว่างหลิง
จอมดาบพิชัยยุทธ ส่วนอีกเรื่อง พอมิตรเสียชีวิตก็ให้ ไชยาสุริยัน แสดงแทน ใน
ดาบคู่สะท้านโลกันต์
มิตรแสดง คู่เพชรา ในเรื่อง มนต์รักลูกทุ่ง
ของ รังษี ทัศนพยัคฆ์
มีส่วนร่วมในการคิดเรื่อง และช่วยงานจนเสร็จ แม้จะหมดบทของมิตรแล้ว ร้องเพลงลูกทุ่งในเรื่อง 2เพลง ภาพยนต์ประสบความสำเร็จอย่างสูง ฉายในกรุงเทพ 6เดือน ทำรายได้ 6ล้านบาท ทั่วประเทศ 13 ล้านบาท
ปลุกกระแสให้มิตร เพชราโด่งดังมากขึ้นไปอีก และเกิดความนิยมเพลงลูกทุ่งในกรุงเทพเป็นปรากฏการณ์
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
