9 ต.ค. 2020 เวลา 15:42 • บันเทิง
สามแพร่งสามแยก สามแยกสามแพร่ง
หากค่ำคืนหนึ่ง คุณต้องโดดเดี่ยว และถูกนำไปยังอีกเส้นทางโดยไม่รู้ตัว คืนนี้มีเรื่องเล่าให้ติดตาม
คำเตือน : ไม่เหมาะสมกับเด็กและสตรีมีครรภ์ เรื่องจากประสบการณ์จริง
ย้อนไปเมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา....
ในวันเสาร์หนึ่ง เสียงรถแห่โฆษณาพร้อมภาพวาดอันน่าตื่นเต้น มองดูเห็นแต่ไกล เสียงลมพัดมาจับความได้ว่า คืนนี้มีหนังกลางแปลง
พื้นที่ชนบท นานครั้งตะมีหนังมาฉาย มาขายยา ทั้งยาดอง กระษัยเส้น จิปาถะ วันนี้ต้องขยันเป็นพิเศษ เพราะต้องทำความดีเพื่อได้ไปดูหนังกลางแปลง
แม้จะผ่านวันเวลามายาวนาน แต่ยังจำได้ว่าคืนนั้น มีหนังเรื่อง ลูกสาวเจ้าพ่อ กับกระท่อมนกบินหลา มันน่าสนุกจริงๆ
ใบปิดภาพจาก FB:ThaiMoviePoster
มันเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นสุด ๆ ที่เด็ก ๆ อายุ 8-9 ขวบอย่างเราจะได้ดูหนังกลางแปลง ได้เห็นนายช่างตัดต่อม้วนฟิล์ม แต่คืนนี้ไม่ใช่มีแค่หนังฉาย ใครจะรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น
ใครจะรู้ว่าเรื่องมันจะเกิดกับตัวในค่ำคืนนี้
พี่น้องสามคน รีบเดินจากบ้านเพื่อมาดูหนังกลางแปลง ก่อนจะมืดค่ำ หวันพอมุ้งมิ้ง เราก็มาถึงหน้าจอผ้าใบสีขาวนวล และความมืดเริ่มคลอบงำ
ทุกคนดูหนังสนุกจนลืมเวลา จนกระทั่งหนังฉายกางแปลวได้จบลงแล้วก็ถึงเวลากลับบ้าน เด็กบางคนก็หลับคาจอต้องปลุก ต้องแบกกันเลยเชียว
พอลุกขึ้นได้ก็บิดตัวพอหายง่วงหายเมื่อย พี่ๆ สองคนก็เรียกให้เดินตาม ออกไปได้นิดเดียว กระแสลมพัดเย็นวูบบบ ผ่านไปถึงผิวหนังและในร่างกาย
หลังจากอดกลั้นมานานจากใจจดจ่อหนังกลางแปลง เจ็บเยี่ยวเจ็บฉี่ทันที เดินมาทางกลับบ้าน ตามหลังพี่ๆ ติด ดันปวดตรงสามแยกพอดีสินั่น (พิมพ์ไป ขนลุกไป)
แสงจันทร์รำไรขึ้นมาแล้วนับเวลาประมาณ ตี 1 ตี 2 ปวดฉี่ไม่ไหว ปากบอกพี่ๆ ว่า เดินไปก่อนนะ พร้อมปล่อยสายน้ำไหลสบายอารมณ์
อะไรจะสุขเท่ากับปลดทุกข์เบามนยามค่ำคืน ลมเย็นพัดวูบมาอีกคราหนึ่ง เย็นจนหนาวลูกไข่ในวันเด็ก
"อ้าว แล้วนั้นเดินหลบมาไซ" ผมถามพี่ชายทั้งสองคน ไม่มีใครพูดสักคน ใครจะรู้ว่าคนที่เห็นนี้ ย้อนกลับมาทำไม ไม่มีใครพูดจากับผมสักคนเลย
แล้วผมก็ดันเดินตามเขาไปเรื่อย ๆ สักพักผ่านสุมทุมพุ่มไม้ แสงจันทร์เล็ดลอดเมฆม่พอสลัว ๆ ยังเดินตรงไปตามทางเรื่อย นัยตาทั้งสองข้างมองไม่เห็นพี่ๆ ว่าหายไปตอนไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ด้วยซ้ำ
ลมพัดเย็นหนาวจับใจ แต่กัวใจและสายตา ยังจ้องมองทางไปเรื่อย ๆ เสียงคลื่นซัดหาฝั่ง ละอองน้ำทะเลลอยมาตามลม ฤดูนี้ฝนขาดช่วง แต่คลื่นลมยังแรง
ในใจคิดว่านี่ไม่ใช่ทางกลับบ้าน แต่ก็จะยังเดินมา ใครจะรู้ว่าตอนนี้เดินมาเกือบ 3 กิโลเมตร เริ่มรู้สึกตัวแต่ก็ไม่สามารถตัดสินใจอะไรทั้งนั้น ด้วยอายุ 8-9 ขวบ
เดินมาถึงทะเลพอรู้สึกตัวเห็นคลื่นซัดหาฝั่ว ในเวลานั้นก็ได้แต่เหม่อมองออกไปท่ามกลางคลื่น สุดท้านก็หันหลังเดินกลับย้อนทางเดิมอีกครั้ง
ไม่รู้สึกตัวเลยว่าทำไมถึงตัดสินใจแบบนั้น เหมือนจิตว่างเปล่า แต่สามารถรับรู้ทุกอย่าง ขาดแต่เพียงการตัดสินใจ
เดินๆ มาตอนนี้ใกล้จะมาถึงที่หนังกลางแปลงตั้งฉายแล้ว ใกล้สามแยกสามแพร่งเดิมแล้ว เข้ามาใกล้ทุกที ลมเย็นหนาวจับใจพัดมาอีกสายแล้วสายเล่า จนรู้สึกคางสั่น
ในจังหวะนั้นรู้สึกว่าเหนื่อยจัง สายตาตินนั้นมองเห็นบ้าน แต่บ้านใครนี่ไม่รู้ เลยเดินขึ้นบ้าน สายตาเห็นแคร่ที่นอน ไปนอนบนแคร่เตียง สบายจัง..... พร้อมหลับไป
เสียงไก่ดังแว่วมา ลืมตาตื่น...
หันมองรอบตัว อ้าวววว.... ทำไมมานอนที่หัวบันได บ้านใคร.?
ยีตา หันมองอีกที ก็เห็นว่าเป็นที่นอน หลับไปอีกหนนึง
เสียงไก่ขันหนาหู แสงรางๆ ทางฟ้าตะวันออกพอรำไร ลืมตาตื่น ขยี้ยีตาเท่าใด หัวใดก็คือหัวใด นี่มันนอกชาน (ระเบียงบ้าน) เงยคอมองไปในบ้าน....
คุณตาท่าทางใจดี รูปร่างขับแข็งแรง นุ่งผ้าขาวม้าสีขาวแดงดำ พร้อมยาสีฟันขันน้ำ ก้าวออกมาจากประตูบ้าน
ตาใจดี ยิ้มแย้มปากบอกว่า "นอนต่อตะ ยังไม่หวางที" พร้อมเดินมาริมนอกชานขวามือ
นั่งยอง ๆ ถูแปรงขัดฟันฟัน เราก็มองไปทีร่างของแก คิดว่าแกใจดีจัง
แปลงฟันไปบ้วนน้ำไป หันมายิ้มแย้ม เห็นฟันขาวซี่ใหญ่ ใบหน้าปรับเปลี่ยนเป็นสีขาวกระดูกกรามช้างน่าดู ร่างท่อนบนตอนนั้น ไม่เหลือเนื้อหนังสักชิ้นเดียว
มองดูในใจก็คิดว่าตาแกแปลกจัง ได้แต่บอกแกว่า ผมกลับบ้านแล้วนะ....
เดินจากบ้านหลังนั้น เหมือนได้หลับเต็มอิ่ม ผ่านสามแยก และถึงบ้าน ก็พระออกเดินบิณฑบาตแล้ว
ใคร ๆ ก็ถามว่าหายไปไหนมา เห็นเดินตามหลังพี่ ๆ แล้วหายไปไหน คนออกตามกันตั้งแต่สว่าง
สิบกว่าปี เรื่องนี้ไม่เคยปริปาก ได้แต่บอกว่าตอนนั้นไปแอบนอนหลับข้างโรงหนังฉายนั่นเอง
แผนที่จุดเกิดเหตุวันนั้น
จากแผนที่
A คือสามแยกสามแพร่ง
B คือ ชายทะเลขายฝั่งปากพนัง
C ตำแหน่งบ้านคุณตาคนนั้น
ระยะทางไปกลับกว่า 5 กิโลเมตร
เป็นเรื่องที่ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ ถึงจะไม่สยองขวัญ แต่ก็นับเป็นประสบการณ์แรกที่ยังจดจำได้ไม่ลืม
คุณตาใจดี มีน้ำใจ ฝันขาวสะอาด กระดูกที่ให้เห็นรูปร่างสูงใหญ่ ยังจดจำไม่ลืมเลือน ได้แต่ระลึกถึงในพระคุณเมตตามฝให้ที่หลับที่นอน และเขื่อว่าคุณตาขักนำมาสู่ชีวิตอีกครั้ง
เรื่องราวที่เล่านี้หวังว่าคงได้ผลบุญกุศลบ้าง และกุศลผลบุญที่ได้ทำขออุทิศถึงยังดวงจิตที่เกี่ยวข้องขอได้รับกุศลทั่วกันเทอญ
เล่าจากประสบการณ์จริง ภาษาใต้ที่ใช้ตามภาษาพูดเพื่อให้เข้าใจถึงการสื่อสารตอนนั้น เชื่อว่าหากใครมีประสบการณ์เช่นนี้ นับเป็นเรื่องไม่น่ากลัว แต่ทุกครั้งที่นึกถึง ก็รู้สึกลมพัดเย็นวูบมาจนขนลุกซู่ทุกครั้งไป
แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดเริ่มต้นที่สามแพร่งสามแยก ไม่เหมือนกับที่เราๆ ได้ยินได้ฟังมา แต่ก็เป็นเรื่องประทับใจไม่รู้ลืม
นี่แค่เริ่มต้น ยังมีประสบการณ์ให้ได้ติดตามกันนะครับ ฝากติดตามเพจด้วยครับผม
โฆษณา