13 ต.ค. 2020 เวลา 13:48
#จันทร์เจ้าขาบทที่4ตอนที่15,
(13/10/2020)
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
คืนวันอังคารนี้ ขอส่งตอนสั้น ให้เพื่อนๆได้อ่านเพลิดเพลินก่อนนอนกันนะครับ 😇❤️💙💚🎶🎵
สุขสันต์วันอังคารสีชมพูครับ
#ณ.บริเวณหน้าประตูทางเข้าโลกวิญญาณป่าช้าเก่าเวียงกุมกามเมืองเชียงใหม่อำเภอยางเนิ้ง(อ.สารภี)
“มะตีฮะ.. เจ้ากับ อาจารย์เจ้า วิ่งเร็วราวกับไม่ใช่มนุษย์แล้ว.. แค่กๆ แค่ก..”
ผู้กองหนุ่มไอสำลัก ขณะกำลังเอามือสองข้างยันต้นไม้ยืนหอบตัวโยน และบ่นกระปอดกระแปด..
“โอ้โฮ.. อะโบ้ แก่แล้วแต่ก็ยังเก่งอยู่นะเจ้าคะ..วิ่งตามหลังมะตีฮะ ห่างแค่ สี่ห้าสิบเส้นเองนะเจ้าคะ..
คิกคิกคิก”
1
มะตีฮะทำหน้ายียวน พูดแหย่ผู้กองหนุ่ม..
“นี่นี่ เจ้ากับข้า อายุแก่กว่ากันไม่ถึงสิบปี เจ้าจะพูดกับข้าให้มันสุภาพ ดีๆหน่อยจะได้บ้าง หรือไม่ ฮึ.. มะตีฮะ..”
ผู้กองหนุ่มพูดเสียงหอบเบาๆ เป็นช่วงๆ..
มะตีฮะ ทำตาปริบๆ ยิ้มรับพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนพูดใหม่อีกครั้ง ด้วยเสียงอ้อน หวานใส ว่า..
“โอ้..โฮ เจ้าค่ะ.. ใช้คำพูดใหม่เจ้าค่ะ..
อะโบ้ ยังสามารถวิ่งห่าง จากมะตีฮะ เพียง 800 วา เท่านั้นเอง เรียกได้ว่า ยังแข็งแรงราวกับม้าหนุ่ม เจ้าค่ะ คิกคิกคิก”
ผู้กองหนุ่มหายเคืองและขำพรืดในความแก่นแสบของมะตีฮะ..
“ชู่วว!!” สมิงไพรหนุ่ม หันมาทำท่าให้ มะตีฮะ เบาเสียงลง ..
ก่อนที่จะวิ่งตรง อย่างเร็ว พุ่งเข้าหา ยักษ์รากษส ที่เฝ้าประตูวิญญาณต่อจาก ท่าน
ท้าวเวสสุวรรณ..ทันที
“ลุยตรงๆ เข้าไปหายักษ์ แบบนั้น ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะขอรับ พ่อพราน..”
ผู้กองรำพึงกับตัวเอง เมื่อเห็นสมิงไพรหนุ่ม วิ่งพุ่งตรงเข้าหายักษ์รากษส และกำมือเป่าร่ายพระคาถา..
“โอม...เป๊กจะดำ..แผ่นดินดำ..ไหววะหวาด
สายต๋าขาด...ขับหนี..ละคนดี..ตู๋ไว้นี้
ผียักษ์และผีเข็น....ผีเย็นอย่ามาไก้
จงฮื้อหนีไป..จงฮื้นหนีปัน...ตั๋วผีกุมภัณท์และยักษ์ร้าย โอม..สะหะ  ปะวุฒิ  สัว  หาย.”
สมิงไพรหนุ่มเป่าพระคาถาลงบนกำปั้นอีกครั้ง..
แล้วชกไปในอากาศตรงหน้าอย่างแรง จนทำให้เกิดมวลอากาศขนาดใหญ่..
พุ่งเคลื่อนเข้าปะทะร่างของยักษ์รากษส อย่างแรง.. จนเกิดเสียงดังโกลาหลคล้ายภูเขากำลังจะถล่ม..แล้วยักษ์รากษส ตนนั้น ก็ค่อยๆหงายหลัง ล้มตึง ดังสนั่น..แน่นิ่งไป..
“คุณพระคุณเจ้า.. ลูกไม่อยากจะเชื่อกับภาพที่เห็นตรงหน้านี้จริงๆ เลยเจ้าข้าเอ๊ย!!” ผู้กองหนุ่มอุทาน และอ้าปากค้างนิ่ง อย่างนั้น
มะตีฮะ เอากำปั้นเล็ก ยื่นมาเชยปลายคาง ผู้กองหนุ่มเรียกสติ แล้วพูดว่า..
“นี่อาจารย์มะตีฮะเอง ล่ะเจ้าค่ะ คุณอะโบ้.. ขนาดยักษ์ เจอหมัดอาจารย์
หมัดเดียวยังล้มคว่ำไม่เป็นท่า..ต่อไปนี้ ถ้าอะโบ้มาพูดแกล้งข่ม มะตีฮะ อีก..
มะตีฮะ จะให้อาจารย์ใช้นิ้วดีด อะโบ้ให้ปลิวเลยนะเจ้าคะ ..ฮะฮะ ฮ่ะ..ฮะฮะ ฮ่าา..”
..
..
สมิงไพรหนุ่ม ทำท่ากวักมือเรียกให้ทุกคนรีบวิ่งตามเข้าไปในประตูโลกวิญญาณ..
“รีบวิ่งตาม สมิงไพรเข้าไปข้างในกันเถิด มะตีฮะ ..”
คุณหนูกรเอ่ยเรียกเตือนให้ทุกคนรีบวิ่งตามเข้าไปในประตูแห่งโลกวิญญาณ..
..
..
#ณ.ที่ประชุมมหาดเล็ก
คืนนี้ มิสเตอร์เฮนรี อาลาบาศเตอร์ ได้พา มิสเตอร์เจมส์ เอฟ.แมคคาร์ธี มาหารือเรื่อง แผนที่สยาม กันกับเจ้าคุณสันติ และเหล่านักเรียนที่เคยเรียนทำแผนที่กับครูปาวี เพื่อที่จะคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมเข้าทำงานร่วมกับ..
มิสเตอร์เจมส์ เอฟ.แมคคาร์ธี
คุณพีระซึ่งถอยหลังลงมานั่งอีกแถวจากโต๊ะประชุม..
เพื่อแปลเนื้อหาการประชุมให้เป็นภาษาไทย..
ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาสะกิดที่บริเวณหน้าแข้ง..
“(อุนอีอ๊ะอ๋ออั๊บ)..(อุนอีอ๊ะอ๋ออั๊บ)..” มือเล็กๆ ยื่นออกมาจากเงามืดพร้อมกับเสียงกระซิบกระซาบ
คุณพีระจึงเอียงตัวก้มลงไปมอง ก็พบโหงพรายตัวน้อยยืนแอบๆอยู่ในมุมมืด..
“มีอะไรรึ โหงพราย.. พีระ ฟังไม่รู้เรื่องเลยสักนิด..ยื่นหน้าออกมาคุยกันดีๆเถิด”
คุณพีระกระซิบเรียกโหงพรายเบาๆ..
โหงพรายจึงค่อยๆเดินออกมาจากมุมมืดนั้น ยืนกระมิดกระเมี้ยนบิดตัวอายในรูปร่างของตัวเองตอนนี้..
“พรืดดดดด!!..หึหึ” คุณพีระ หัวเราะพรืดจนต้องรีบเอามือมาปิดปาก เมื่อเห็นโหงพรายเต็มตัว..
ร่างโหงพรายในเวลานี้แบนเหมือนปลาหมึกที่โดนอะไรทับแบนมา.. น่ารักน่าเอ็นดู
ส่วนบริเวณหน้านั้นพวงแก้มก็ถูกอัดให้มารวมกองติดริมฝีปากจนปากเจ่อออกมาคล้ายกระจับเล็กๆ..
“อุนอีอ๊ะ..อ้วยอั้น โอ๋งอราย
ใอ้ ใอ่ อ้วยอ๋ออั๊บ..
อุนอู๋อ๊อย อั๊บโอ๋งอราย แอน
แอ่ก อ๋ออั๊บ..” โหงพรายเอ่ยขอร้องให้คุณพีระ ช่วยปั้นร่างใหม่ให้เป็นปกติ
“หึหึหึ..” คุณพีระพยายามกลั้นหัวเราะกับสำเนียงพูดของโหงพราย และนึกถึงในวิชาการปั้นหุ่นดินเหนียวของครูช้อย..
“พีระจะพยายามปั้นสภาพโหงพรายให้ดีขึ้นนะ.. แต่ถ้าจะให้ปั้นสวยๆ ต้องรอคุณหนูพากลับมาปั้นให้เถิดนะ..รายนั้นปั้นแมวได้เป็น ..ฮะฮะฮะ พรืดด!! แมวจริงๆ ฮะฮะฮะ..”
เมื่อพูดเสร็จคุณพีระ ก็หยิบโหงพรายขึ้นมาวางบนโต๊ะ โดยไม่ให้ผิดสังเกต.. แล้วจึงเริ่มปั้น..
..
..
“เอ้า.. พีระ เป็นยังไงบ้าง ติดขัดการแปลอะไรบ้างไหม นะพ่อ..”
เจ้าคุณสันติ หันหน้ามาทักและยิ้มให้กำลังใจคุณพีระ ด้วยว่าสำเนียงของมิสเตอร์เจมส์ เอฟ.แมคคาร์ธี ค่อนข้างฟังยากสำหรับชาวสยาม..
คุณพีระยิ้มรับ และโค้งศีรษะอยากสุภาพ แล้วตอบว่า “เรียบร้อยดี (ปั้น) ใกล้เสร็จแล้วขอรับ..”
ระหว่างตอบนั้น มือคุณพีระ เผลอปั้นหูซ้ายยาวกว่าหูขวา.. คุณพีระจึงก้มลงมอง แล้วปั้นแก้ให้หูขวายาวขึ้น..
และเมื่อปั้นแก้หูขวายาวขึ้น คุณพีระก็พบว่ายาวกว่าหูซ้ายอีก..คุณพีระเลยจำต้องปั้นหูซ้ายให้ยาวขึ้นอีก..
ปั้นแก้กลับไปกลับมาราวๆ ห้าถึงหกครั้งก็ปั้นให้เท่ากันจนได้..
“เอ้า เสร็จเรียบร้อย แล้ว..”
คุณพีระบอกโหงพราย
โหงพรายยิ้มตอบ และเด้งตัวขึ้นไหว้ขอบคุณคุณพีระ ก่อนที่จะกระโดดลงจากโต๊ะ..
“โว๊ะ..โอ๊ะ..โอ๊ะ.. คุณพีระขอรับ..” เสียงโหงพรายดังเรียกขึ้นจากใต้โต๊ะ..
คุณพีระจึงก้มตัวลงไปมองและถามว่า..
“มีอะไรอีกอย่างนั้นรึ เจ้าโหงพราย..”
“ฮือ ฮือ หูของโหงพราย ยืดยาวราวกับควายป่า แล้วขอรับ..” โหงพรายลูบจับหูตัวเองที่ยืดยาวโค้งนั้น
“ฮือ ฮือ คุณพีระแก้ให้โหงพรายด้วย เถิดนะขอรับ..”
คุณพีระ พยายามกลั้นยิ้มหัวเราะกับท่าทางน่ารักของโหงพราย..แล้วจึงตอบว่า
“พีระแก้ไม่ได้แล้วจริงๆ โหงพราย.. พีระพยายามอย่างที่สุดแล้ว.. ถ้าให้พีระแก้อีก พีระเกรงว่า..
หูโหงพรายจะกลายเป็นหูช้างพลายไปน่ะสิ..
เอาอย่างนี้แล้วกันโหงพราย ในเมื่อพีระแก้หูให้ใหม่ไม่ได้..
พีระก็แก้ชื่อให้โหงพราย แทนแล้วกัน..”
โหงพรายหยุดสะอื้น แล้วถามคุณพีระอย่างมีความหวังว่า..
“ฮึก ฮึก จะแก้ชื่อว่าอย่างไรหรือขอรับ..”
พีระยิ้มอย่างมั่นใจในความคิด แล้วตอบโหงพรายว่า
“ในระหว่างนี้ ให้แก้ชื่อ โหงพราย ใช้เป็นชื่อ..
โหงควาย .. ไปก่อนนะ จะได้เข้ากับหูยาวโค้งนี้.. แล้วรอคุณหนูพากลับมาปั้นให้ใหม่..”
ทันทีที่คุณพีระ พูดจบ..โหงพรายก็ปล่อยโฮ ออกมาดังลั่น “ฮือ ฮือ .. ไม่ เอาชื่อนี้ ขอรับ..”
1
เจ้าคุณสันติมองมาทางต้นเสียงและตะโกนถามคุณพีระว่า “พ่อพีระร้องอะไร รึ..”
คุณพีระ ค่อยๆเงยหน้าขึ้น แต่มืออุดปิดปากโหงพรายน้อยอยู่ แล้วตอบเสียงนิ่งๆ ว่า..
“ขอประทานโทษนะขอรับ ท่านเจ้าคุณ กระผมร้องว่า เอช (H) เอ็ม (M) ฮีสมาเจสตี๊!! ตาม แอกเซิ่น ของมิสเตอร์เจมส์ น่ะขอรับ..”
ท่านเจ้าคุณหัวเราะให้กับความแปลกของคุณพีระ แล้วจึงหันกลับไปประชุมต่อ..
คุณพีระจึงก้มตัวลงมาปลอบโหงพราย และพูดว่า
“เงียบก่อนๆ เถิดนะ รอคุณหนูพากลับมา..พีระจะขอให้ช่วยปั้นคืนให้นะ..โหงพราย
พีระสัญญาแล้ว คำไหนคำนั้น.. ว่าแต่โหงพรายมาหาพีระ ด้วยธุระอื่น อีกหรือไม่นะ..”
โหงพรายยังคงเอามือจับหูสองข้างพยายามดึงให้โค้งลง สะอื้นเบาๆ แล้วตอบว่า..
“ฮือ ฮือ คุณหนูน้อยซ์ อยู่กับแม่จ่าย ที่เพิงไม้ในป่าช้าวัดสังข์กระจาย น่ะขอรับ..
คุณพีระ รีบพาข้าหลวงที่มีวิชาอาคมไปช่วยโดยเร็วนะขอรับ..
เพราะแม่มดจ่ายจะหนีออกจากพระนครในรุ่งสางของวันพรุ่งแล้วขอรับ..”
คุณพีระได้ฟังแล้วจึงครุ่นคิดอยู่ครู่นึง ก่อนที่จะสั่งโหงพรายว่า..
“ท่านเจ้าคุณสันติ มิใช่คนที่จะหูเบากระทำการใดๆได้ง่ายๆ..
ท่านคงจะไม่เชื่อ พีระในครั้งแรกแน่ๆ..
ขอโหงพรายจงรีบไปกระซิบที่ข้างหูท่านเจ้าคุณ ด้วยเสียงของคุณหนูน้อยซ์ กำลังร้องเรียกขอความช่วยเหลือ.. แล้วพีระจะเข้าไปแจ้งกับท่านเจ้าคุณว่า พีระได้ยินนิมิตจากหม่อมทินกรท่านว่า คุณหนูน้อยซ์กำลังตกอยู่ในอันตราย..
และหากท่านเจ้าคุณยังไม่เชื่อ .. ขอให้โหงพรายไปกระซิบบอกกับครูแม่ช้อยอีกครั้งเถิด.. ท่านเจ้าคุณท่านรักนับถือ ครูแม่ช้อยมาก”
โหงพรายรู้สึกทึ่งกับแผนการอันรอบคอบของคุณพีระ จนอุทานออกมาเบาๆว่า ..
“โหงพราย อยากมีเจ้านาย ปัญญาเลิศเช่นนี้ บ้างจังเลยขอรับ”
..
..
“ฮั๊ด..เช่ยย” คุณไกรสรจามเสียงดังออกมา แล้วทำจมูกฟึดฟัด คนเดียว ก่อนที่จะช่วยแม่จ่ายเก็บสัมภาระต่อไป..
..
..
#ในฝั่งโลกวิญญาณตรงหน้าทางเข้าบริเวณลานพิพากษา
“โอ้โห หน้าตา อะโบ้ ไม่เปลี่ยนไปเลยนะเจ้าคะ มีเพียงชุดที่เปลี่ยนเป็นชุดขุนศึกสยามสมัยโบราณเท่านั้นนะเจ้าคะ..
แสดงว่า เป็นทหารมาทุกชาติกันเลยสินะเจ้าคะ
อะโบ้..”
มะตีฮะสังเกตร่างในโลกวิญญาณของผู้กองหนุ่ม แล้วจึงเอ่ยทัก..
“มาทักแต่ข้า ดูชุดคุณหนูกร กับชุดอาจารย์ของเจ้าสิ ก็ใส่ชุดทหารเหมือนข้านั่นแหละ” ผู้กองหนุ่มหัวเราะ พลางชี้ ให้มะตีฮะ หันกลับไปมองอีกครั้ง..
“มิได้เจ้าค่ะ.. อาจารย์ของมะตีฮะ กับคุณหนูกร ใส่ชุดเกราะบรรณาการฝรั่ง ตามธรรมเนียมออกรบ ของเหล่าราชนิกูล.. ส่องประกายสะท้อน แวววาว
แต่ลองดูชุดของอะโบ้ อีกทีสิเจ้าคะ..
1
เกราะหนังด้านหน้าของอะโบ้..มีรอยโดนฟัน 10 แผล รอยแทงอีก 3 แผล ส่วนด้านหลังมีลูกธนู ปักเต็มหลัง..
ไม่บอกก็รู้เลยเจ้าค่ะ..ว่าในแต่ละสนามรบนั้น..อะโบ้โดนรุมหนักขนาดไหน..”
มะตีฮะยิ้มส่ายหน้าช้าๆ และถอนหายใจยาว..
ผู้กองหนุ่มยกนิ้วชี้ไปที่มะตีฮะ แล้วพูดตอบว่า ..
“โถถถถๆ ดูตัวเจ้าซะก่อนมะตีฮะ นางราชสีห์ผู้กล้าหาญในชาตินี้..
ในอดีตชาติ กลับเป็นเพียงลูกแมวตัวจ้อย ส่งเสียงเงี้ยวง้าว หงุงหงิง.. แหลมเล็กน่าเอ็นดู..ฮะฮะฮะ”
“ถึงมะตีฮะจะเป็นลูกแมว ก็เป็นลูกแมวในพิธีขอฝนนางเมขลานะเจ้าคะ .. แง๊วว”
มะตีฮะ ร้องตอบ แล้วจึงกางกรงเล็บแมว กระโดดขึ้นตะกุยผู้กองหนุ่ม..
“โอ๊ยๆ พ่อพราน มาช่วยเอาลูกศิษย์น้อยของพ่อพรานออกจากกระผมด้วยขอรับ โอ๊ยๆ..”
ผู้กองหนุ่ม ร้องเรียก สมิงไพรหนุ่ม ..ที่บรรจุกระสุนอาคม แล้วยกขึ้นประทับนิ่ง..เหนี่ยวไกยิงออกไป
“เปรี้ยงงง”
“เปรี้ยงงง”
“เปรี้ยงง” เสียงกระสุนสามนัดยิงติดกัน ดังคำรามก้องทั่วโลกวิญญาณ..
กระสุนนัดแรกยิงโดนประตูคอกอาคมของหม่องบอง..ให้เปิดออก
กระสุนนัดที่สอง ยิงโดนไม้เท้าจตุรอาชาให้หลุดออกจากมือของพระวัยทัต..
ส่วนนัดที่สาม ก็พุ่งตรงเข้าสู่กระบองพิพากษาของ
ท่านท้าวเวสสุวรรณ..
“วั้ย ต่าย แล้วว..” นัตมินเลอุทานยกมือขึ้นทาบอก
ขณะที่คุณหมอชอว์ และ องค์แม่ ก็ยกมือขึ้นตีหน้าผากพร้อมกัน .. และทำท่าจะเป็นลม กับภาพสมิงไพรหนุ่มที่บุกเข้ามายังลานพิพากษา..
..
..
“ท่านพี่ ข้ามา แล้ว..”
สมิงไพรหนุ่มตะโกนลั่น พร้อมกับยิ้มแยกเขี้ยว ที่ดูงามตา มากกว่าน่ากลัว..
“หนูฆฤณ กราบขอโทษแทนเพื่อนหนูฆฤณที่ออกจะแปลกๆ คนนี้ด้วยนะเจ้าคะ ท่านพ่อ และพระวัยทัต..
เค้าชื่อสมิงไพร เจ้าค่ะ.. นี่เป็นวิธีการทักทายอย่างมีไมตรีจิตของเผ่าเค้าน่ะเจ้าค่ะ.. คือ ยิงก่อนแล้วยิ้มทีหลัง น่ะเจ้าค่ะ..
1
ขอทรงโปรดยกโทษด้วยเถิดนะเจ้าคะ..ท่านพ่อ😭..”
คุณหนูฆฤณย่อตัวลงไหว้กราบท่านท้าวเวสสุวรรณ แล้วจึงหันมากราบขออภัยพระวัยทัต..
“จงหยุดการกระทำอย่างเด็กของเจ้าเสีย โกเซยะ (สมิงไพรหนุ่ม)
จะให้ข้าวางใจ ฝากชีวิตของลูกสาวข้า กับชายผู้ที่ยังทำตัวราวกับเด็ก เช่นนี้ ได้เช่นไรกัน ..
เจ้าให้คำสัตย์กับข้าว่าจะดูแลมะตีฮะผู้เป็นลูกศิษย์ และรักดั่งบุตรสาว.. เจ้าลืมแล้วรึ เซยะ น้องข้า..เจ้าต้องมีชีวิตต่อไป จงจำไว้”
หม่องบองจ้องหน้าสมิงไพรหนุ่ม และกล่าวด้วยเสียงก้องกังวาล.. จนสมิงไพรหนุ่มรู้สึกอับอาย และพูดเบาๆว่า..
“แต่ข้า.. ยอมตาย..บุกมาเพื่อช่วยพี่ชายข้า..
นะท่านพี่..”
หม่องบองมองหน้าศิษย์น้องอย่างเมตตา แล้วกล่าวสอนอีกครั้งว่า..
“จงใช้ชีวิตเจ้า อย่างรู้คุณค่าของชีวิต และมีเกียรติ..
คือสิ่งที่ข้าเคยสอนเจ้า..โกเซยะ
และข้าก็เป็นตัวอย่างในการใช้ชีวิตให้กับเจ้าตลอดมา.. ดังนั้น หากวันนี้ดวงวิญญาณข้า จะถูกทำลายไป
ก็ขอให้ข้าจากไปอย่างมีเกียรติ.. เถิด
โปรดอย่าให้ข้าต้องมีห่วง และเป็นที่อับอาย ว่าเป็นผีหนีการลงโทษ จากท่าน
ท้าวเวสสุวรรณเลย น้องข้า”
สมิงไพรหนุ่มได้สติ รู้สึกสำนึกผิดในความใจร้อน มุทะลุในครั้งนี้..ที่จะส่งผลร้ายให้เพิ่มขึ้นต่อศิษย์พี่
จึงค่อยๆทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง และก้มกราบขอโทษหม่องบอง ..
จากนั้นจึงหันไปกราบท่าน
ท่าวเวสสุวรรณ และพระวัยทัต แล้วกำลังจะเอ่ยคำโทษ
“สมิงไพรหนุ่มเอ๋ย..
ข้าล่วงรู้ถึงจิตมนุษย์ทุกผู้
โดยมิต้องเอ่ยเอื้อน ..
ข้าไม่ถือโกรธในจิตวิสุทธิ์ของเจ้าแต่อย่างใด
และยังอีกนานกว่า ที่เจ้ากับข้าจะพบกันอีกครั้งที่หน้าลานพิพากษา แห่งนี้..”
“ในเวลานี้ ขอให้เจ้า และคณะของเจ้า เดินกลับไปยืนรวมกลุ่มกับคณะของคุณหลวง แล้วฟังคำพิพากษาของหม่องบอง ให้ดี..”
“ตึง..ตึง” เสียงกระแทกกระบองของท่านท้าวเวสสุวรรณลงบนพื้นลานประหาร จนทำให้ บริเวณแผ่นหินที่ลานพิพากษาแยกออก จนเห็นสถานที่ลงโทษ หม่องบอง ซึ่งนั่นก็คือ..
..
..
..
จบบทที่ 4 ตอนที่ 15
#เกร็ดเพิ่มเติม
#เจมส์ ฟิตซ์รอย แมคคาร์ที
พระวิภาคภูวดล นามเดิม เจมส์ ฟิตซ์รอย แมคคาร์ที (James Fitzroy McCarthy) เป็นนักสำรวจรังวัดและนักทำแผนที่ชาวไอริช ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการปักปันเขตแดนของสยาม ซึ่งช่วยให้สยามพัฒนาไปสู่การเป็น รัฐชาติ ที่ทันสมัย. เขารับราชการเป็นเจ้ากรมแผนที่ ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2428. โดยเขาดำรงตำแหน่งนี้ยาวนานถึง 16 ปีก่อนจะกราบถวายบังคมลาออกจากราชการเนื่องจากครบกำหนดสัญญาเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2444 โดยมีนาย โรนัลด์ เวิร์ธธี กิบลิน ชาวออสเตรเลียเป็นเจ้ากรมแผนที่สืบต่อมา
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ
ร้อยเรียงจันทร์เจ้าขา
(T.Mon)
13/10/2020

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา