14 ต.ค. 2020 เวลา 02:29 • ประวัติศาสตร์
“อาจอจาซิม”
กาลเวลาคือศาสนาของทุกชีวิต มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับลงเฉกเช่นดวงตะวัน ประวัติศาสตร์ก็เช่นกัน
คำแก้ตัว/คำเปรย
.ช่วงนี้งานค่อนข้างยุ่งมีเวลาค่อนข้างจำกัด แถมยังขี้เกียจเขียนบทความใหม่ๆอีก ขออนุญาติย้ายฐานข้อมูลจากอีกเวปมาใว้ที่นี้ละกัน อ่านบทความเก่าๆไปก่อนนะครับเพื่อนๆBD
อาจอจาฉิม
คำตอบตัดบทการสนทนา หรือ ประวัติศาสตร์ซ่อนเงื่อนอันแสนเจ็บปวดที่ไม่อยากกล่าวถึง
อาจอจาซิม คำตอบปัดการสนทนา หรือ ประวัติศาสตร์ซ่อนเงื่อนอันแสนเจ็บปวดที่ไม่อยากกล่าวถึง
อา -จอ -จา -ชิม เป็นคำพูดในภาษากูย (กวย) มีความหมายตรงๆตัวว่า หมากินหมด หรือในความหมายที่สละสลวยหน่อยก็ประมาณคำว่า “หมาคาบไปกินหมดแล้ว” ที่มาของคำนี้มาจากใหน ไปหาคำตอบด้วยกัน
ตำนานที่มาของคำว่า “อาจอจาฉิม”สอบถามข้อมูล จากปู่ย่าตายาย คนแก่คนเฒ่า พอจะได้คำตอบว่า มันมีตำนานเล่าต่อๆกันมาว่า
*** ในอดีต เมื่อนานมาแล้ว(นานแค่ใหนไม่รู้) ชาว “กวย” มีทั้งภาษาพููดและภาษาเขียน บรรพบุรุษชาวกวยเขาได้จารึกอักษรใว้ในหนังวัวแล้วเอาไปตากไว้ให้แห้ง เผลอไปหน่อยปรากฎว่า มีสุนัขแอบมาขโมยเอาไปกินจนหมด
ภาษากวยก็เลยสูญหายไปตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา จนมีคำกล่าวติดปากเวลาใครถามว่า ทำไมกวยไม่มีภาษาเขียน ชาวกวยก็จะตอบทันทีว่า “อา-จอ-จา-ฉิม” แปลว่า หมาคาบไปกินหมดแล้ว ซึ่งนั้นก็คือ”ตำนาน” เล่าขานถึงสาเหตุ “กวยมีภาษาพูด แต่ไม่มีภาษาเขียน”
ปฐมบท ๑
ไม่ว่าจะเป็นด้วยอดีตที่แสนเจ็บปวดหรือ กาลเวลาอันยาวนานเกินไป ที่ทำให้บรรพบุรุษและลูกหลานชาวกวยมิได้บันทึกตำนานเล่าขานโจษจำ หรือแม้กระทั่งบางช่วงบางยุคก็(แกล้ง)หลงลืมประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ตัวเอง
ผมเองเป็นลูกหลานชาวกวยโดยกำเหนิด เกิดและโตที่ชนบทแถวๆตำบลณรงค์ อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ( ต.ศรีสุข อ.ศรีณรงค์ ในปัจจุบัน ) ในสมัยเป็นเด็ก เรียนประถมที่โรงเรียนวิทยาราษฎร์นุกูล ด้วยความที่เป็นโรงเรียนรวมของชุมชนละแวกใกล้ๆกัน 3 ชุมชน ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งด้านประเพณี วัฒนธรรม และภาษา ( แต่ในทางปฎิบัติ..ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมายนัก ซึงอาจมาจากระยะเวลาที่อยู่ร่วมกันมายาวนาน จนทำให้มีการผสมปนเปของวัฒธรรมทั้งหมดเข้าด้วยกันหมดแล้ว)
 
มีกลุ่มชาติพันธ์ที่หลากหลายทั้ง กูย-ลาว-เขมร สมัยเป็นเด็กเวลาคุยกันก็มีการหยอกล้อ–ล้อเลียนกัน เด็กลาว , เด็กเขมร ก็ได้เปรียบเด็กกวย เวลาล้อเลียนกัน “พวกกูมีบ้าน(ประเทศ) มีภาษาพูดภาษาเขียน นะโว้ย แล้วกวยแบบพวกมึง มีประเทศ มีภาษาเขียนมั๊ย ประเทศมึงอยู่ตรงใหน” มันเจ็บจิ๊ดๆๆ..ไปในใจ เถียงเขาไม่ออก แต่ก็ตอบปัดๆออกไปว่า “จอจาซิม” ตอนนั้นถึงยังเป็นแค่เด็ก ก็อยากเถียงให้ชนะ…แต่ก็เถียงชนะเขาไม่ได้
และความรู้สึกสงสัยก็เริ่มมีแต่นั้นมา เออ..ก็เรื่องจริงนะ ที่มันถาม !!!!
พอโตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มหาข้อมูลและประติดประต่อข้อมูลเท่าที่จะหาได้ จนกระทั้งมาถึงยุคอินเตอร์เน็ต ที่ความรู้ไม่ได้มีอยู่ในแค่รั้วมหาลัย การหาข้อมูลทำได้ง่ายและกว้างขึ้น คำถามแรก คำว่า”อาจอจาซิม” มาจากใหนทำไม คำๆนี้กวยทุกคนแม้จะอยู่คนละส่วนของประเทศก็พูดแบบแนวเดียวกัน คำๆนี้คงไม่ได้เพิ่งมีในยุคนี้แน่ๆ และไม่ได้จำกัดมีอยู่เฉพาะในบางชุมชนเท่านั้น
แต่มันคือคำพูดที่คนกวยทุกคนได้ยินได้ฟังมาตลอด (จะเป็นคำสอน หรืออาจถึงขั้นเป็นคำสั่งเสีย) มันเป็นคำพูดที่มีอยู่ในวัฒนธรรมทุกยุคทุกสมัยในทุกชุมชนของชาวกวย คำถามคือ เป็นไปได้หรือไม่..? นี้คือการตอบแบบปฎิเสฐที่จะสนทนาท้าวความที่มาของชาติพันธุ์ตัวเอง กับคนอื่น
ถ้าเป็นจริง …. ทำไม ? , เพราะอะไร? ส่วนคำตอบเรื่องภาษาเขียนนั้นมีคำตอบอยู่ในตัวประโยคแล้ว แต่ทำไมต้องตอบแบบนี้ นี้สิคือข้อสงสัย
นิสัยและสังคม ชาวกวยในอดีตเป็นพวกรักสันโดษ ไม่ชอบการต่อสู้ ถ้าหลีกเลี่ยงได้มักจะหลีกเลี่ยง (โกรธใครเกลียดใคร ไม่ทำร้ายด้วยอาวุธชอบใช้มนตราหรือที่เรียกว่าไสยศาสตร์แทน) ชอบการอพยพ ไม่อยู่เป็นหลักแหล่งยังชีพด้วยการหาของป่า
มีความชำนาญเรื่องการจับช้าง เลี้ยงช้าง นับถือภูตผีบรรพบุรุษ สื่อสารกับจิตวิญญาณด้วยภาษากวย (มีคำร่ำลือในหมู่คนเล่นไสยศาสตร์ว่า ชาวกวยคือ เจ้าแห่งคุณไสย์และคาถาอาคมที่แท้จริง)
ทั้งหมดที่พูดมาคือเรื่องในอดีต ปัจจุบันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ลักษณะอุปนิสัยทั่วไปของชาวกวยเมื่อไม่พอใจใครเกลียดใคร หรือสู้คนที่มารังแกมาทำลายหรือทำร้ายตัวเองไม่ได้ มักสบถด่า ด้วยคำว่า “อาจอ”
คำๆนี้เป็นคำด่า แปลว่า “ไอ้ชาติหมา” การจะใช้คำๆนี้ต้องรู้สึกเกลียด โกรธแค้นเป็นอย่างมากจนถึงขั้นให้อภัยไม่ได้ เมื่อมาดูประโยคคำว่า “อาจอจาฉิม” แล้วลองแยกความหมายออกมาเราจะเห็นประวัติศาสตร์ความสูญเสียชาวกวยอย่างชัดเจน
อา จอ จา ฉิม
"อาจอ" ความหมายตรงๆแปลว่า สุนัข แต่ถ้าตีความหมายจากประโยครวม จะออกมาได้ว่า คนเลว คนร้าย คนชั่วที่มารังแกมาทำลายพวกเรา(ชาวกวย)
จาฉิม ตีความหมายออกมาได้ว่า กินหมด , เอาไปหมด , ทำลายหมดแล้ว
จากการพิจารณาตีความหมายคำว่า “อาจอจาฉิม” จะเห็นได้ว่าองค์ประกอบประวัติศาสตร์ครบถ้วนคำถามคือ ใคร…? ทำทำไม…? เรื่องเกิดเมื่อไหร่..? ใครก็ตามที่ทำร้าย/ทำลายภาษากวยโดยให้เป็นภาษาต้องห้าม ห้ามเรียน/ห้ามศึกษา/ห้ามถ่ายทอดภาษาเขียนกวย คนๆนั้นต้องโกรธเกลียดชาวกวยเป็นอย่างมาก ถึงขั้นลงมือกระทำกับชาวกวยและได้สร้างบาดแผลให้กับชาวกวย จนสามารถสร้างความเกลียดชังให้กับชาวกวยในอดีตได้อย่างมาก การทำลายภาษากวยทำร้ายชาวกวย น่าจะเป็นการกระทำเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อตัดตอน หรือ ล้มล้างอะไรบางอย่าง
ปัจจุบันมีลูกหลานชาวกวยเรากลุ่มหนึ่งในนามชมรมคนกูยสุรินทร์(เข้าไปดู/ติดตามข้อมูลกลุ่มนี้ https://www.facebook.com/groups/THEKUIASSOCIATION/ ) ซึ่งเป็นผู้ทรงภูมิความรู้จากหลายๆสาขา หลายสถาบันการศึกษา กำลังพยายามรื้อฟื้น ภาษากวยเราขึ้นมาใหม่โดยใช้ความรู้ความสามารถเปรียบเทียบจากรูปแบบอักษรโบราญ “ภาษาปัลลวะ” ซึ่งเป็นต้นกำเหนิดของภาษาขอม ภาษามอญ โบราญ
ประวัติศาสตร์ยาวนานนับหลายพันปี(ผมเชื่อว่าอย่างงั้น)ของชาวกวยจะกลับมาอีกครั้งแม้นจะเป็นความพยายามที่ปราศจากหลักฐานอ้างอิงใดๆเลย เพราบรรพบุรุษของเราไมทิ้งหลักฐานอะไรเหลือใว้ให้พวกเราเลยนอกจากภาษาพูดที่นับวันจะเพี้ยนไปจนใกล้สาบสูญแล้ว ความพยายามครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นศักราชใหม่อีกครั้งของชาวกวย ที่อย่างน้อยเห็นได้ชัดว่าลูกหลานชาวกวยเราเชื่อแล้วว่าเรามีประวัตศาตร์อันยาวนานกว่าที่เราเคยรู้ จากการใช้ภาษาปัลลวะ เป็นแม่แบบในการรื้อฟื้นภาษากวย จงภาคภูมิใจเถิดชาวกวย เรามีที่มายาวนานกว่าที่เรารู้กันเสียอีก
ติดตามอ่านบทความหรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชาวกวยหรือกูยได้ที่
🙄🙄🙄รักกดไลท์ ใช่กดแชร์ กดติดตามเพจไว้ จะได้ไม่พลาดเรื่องดีๆจากเรา หรือ ร่วมสนับสนุนให้กำลังใจ เพจคนเล่าตำนาน ผ่าน "ทรูวอลเลตหรือพร้อมเพย์" ได้ที่เบอร์ 0820379563 😍😍😍😍ขอบคุณล่วงหน้าครับ😂😂😂.
โฆษณา