19 ต.ค. 2020 เวลา 06:39 • ประวัติศาสตร์
"T-34" สุดยอดรถถังของกองทัพแดงแห่งแดนหมีขาว
T-34 เข้าสู่สมรภูมิพร้อมกองทหารราบโซเวียต
เมื่อไม่นานมานี้มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่หยิบเอาวีรกรรมของรถถังชนิดหนึ่งมาเป็นตัวชูโรงของเรื่อง เมื่อแอดมินดูหนังเรื่องนี้จบก็เกิดความรู้สึกว่าอยากนำเรื่องราวความเป็นมาและชื่อเสียงของรถถังชนิดนี้ ซึ่งครั้งหนึ่งได้ชื่อว่าเป็นรถถังที่ยอดเยี่ยมที่สุดรุ่นหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่ 2 มาเล่าสู่กันฟังซึ่งรถถังที่กล่าวถึงนี้มีชื่อว่า "T-34" สุดยอดรถถังแห่งกองทัพแดง รถถังซึ่งพลิกชะตาของสหภาพโซเวียตในสงครามโลกครั้งที่ 2
ลักษณะโดยทั่วไปของรถถัง T-34
รถถัง T-34 นั้น เป็นรถถังขนาดกลางซึ่งมีหน้าที่หลักคือการเข้าประจันบาญและทำลายยานเกราะของข้าศึกมากกว่าที่จะช่วยยิงสนับสนุนจากระยะไกล ด้วยความที่เป็นรถถังที่มีสมรรถนะสูงและสามารถวิ่งได้ในทุกสภาพพื้นที่และภูมิอากาศ ทำให้ได้เปรียบรถถังของเยอรมันซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถถังที่มีน้ำหนักมากและเคลื่อนที่ได้ช้าอย่างเช่นรถถัง Panzer IV และ Panzer VI (รถถัง Tiger)
ในด้านของเกราะหุ้มตัวถัง
ด้านหน้าของตัวถังส่วนบนหุ้มเกราะหนา 47 มม.และส่วนล่างหนา 45 มม. ทำมุมเฉียง 60 องศา ด้านข้างหนา 40 มม. ทำมุม 41 องศา ด้านหลังหนา 45 มม. ด้านบนหนา 15 มม. ส่วนป้อมปืนด้านหน้าหุ้มเกราะหนา 60 มม. ด้านข้าง 52 มม. ทำมุม 30 องศา ด้านหลังหนา 30 มม. และด้านบนหนา 16 มม. ส่วนของป้อมปืนนั้นเกราะจะหนาและลาดเอียงที่สุดเพื่อป้องกันป้อมปืนถูกทำลายและเพื่อรักษาชีวิตของพลปืนและพลบรรจุ สาเหตุที่ต้องทำให้เกราะลาดเอียงนั้นก็เพื่อเพิ่มการป้องกันให้กระสุนปืนรถถังของข้าศึกที่ตกกระทบนั้นแฉลบออกไปในบางจังหวะได้ซึ่งอย่างน้อยก็ยังช่วยยื้อชีวิตของรถถังและพลประจำรถให้ทำการสู้รบต่อไปได้
ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์
อาวุธประจำรถที่ติดมาจะมีปืนใหญ่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 76.2 มม. ต่อมาในช่วงปีค.ศ. 1944 ก็ได้มีการผลิต T-34 รุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า T-34/85 ซึ่งเลข 85 หมายถึงลำกล้องชนิดใหม่สำหรับใช้กระสุนขนาด 85 มม. ที่สามารถยิงกระสุนที่มีอำนาจทำลายล้างสูงและระยะไกลขึ้น ใช้ต่อสู้กับรถถังเยอรมันรุ่นใหม่ๆในช่วงท้ายของสงครามได้ทัดเทียมกัน ชนิดของกระสุนที่ใช้หลักๆจะเป็นกระสุนเจาะเกราะและกระสุนระเบิดความแรงสูง นอกจากปืนใหญ่แล้วยังมีปืนกลหนักซึ่งใช้กระสุนขนาด 7.62 มม. ซึ่งถือว่าเป็นกระสุนปืนกลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในขณะนั้น ติดตั้งอยู่ด้านบนของป้อมปืนหลักและในตัวรถด้านข้างพลขับ มีไว้เพื่อช่วยยิงสนับสนุนในการจู่โจมและป้องกันทหารราบของฝ่ายข้าศึกที่พยายามเข้ามาทำลายรถถัง ในบางครั้งปืนกลที่ติดตั้งในห้องเครื่องจะถูกแทนที่ด้วยปืนพ่นไฟ (Flamethrower) เพื่อใช้เผาทำลายที่ซ่อนของศัตรูหรือยานเกราะของข้าศึกในระยะประชิด
รถถัง T-34/85 รุ่นย่อยของ T-34 มีขนาดลำกล้องที่กว้างและยาวกว่ารุ่นเดิม ภาพจาก pinterest
ประวัติความเป็นมา
ในช่วงปี ค.ศ. 1939 รถถังหลักของกองทัพโซเวียตคือรถถังรุ่น T-26 และรุ่น BT รถถัง T-26 นั้นได้ต้นแบบมาจากรถถัง Vickers 6-Ton ของสหราชอาณาจักร เป็นรถถังที่เคลื่อนที่ได้ช้ามากซึ่งโดยหลักๆแล้วจะใช้ในการเคลื่อนที่ไปพร้อมทหารราบเพื่อสนับสนุนการจู่โจม ส่วนรถถังรุ่น BT จะเป็นรถถังเคลื่อนที่เร็วใช้ในการสอดแนมเพื่อประเมินกำลังข้าศึกและสำรวจพื้นที่ปะทะ รถถังสองรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์เบนซินซึ่งถือเป็นจุดอ่อนสำคัญเนื่องจากเบนซินเป็นเชื้อเพลิงที่ติดไฟง่าย หากถูกกระสุนปืนรถถังหรือปืนใหญ่ของข้าศึกยิงเข้าที่ถังน้ำมันอย่างจังจะทำให้รถระเบิดทันทีต่างจากน้ำมันดีเซลที่ติดไฟยากกว่า
ในสมรภูมิทะเลสาบคาซานและสมรภูมิคาลคิน โกลตรงบริเวณชายแดนแมนจูเรีย รถถังโซเวียตจำนวนมากถูกทำลายโดยทีมทำลายรถถังของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น โจเซฟ สตาลินผู้นำสหภาพโซเวียตในขณะนั้นได้มอบหมายให้นายมิคาอิล คอชคิน นำทีมวิศวกรออกแบบรถถังรุ่นใหม่ๆเพื่อมาแทนที่รถถัง T-26 และ BT คอชคินและทีมได้ออกแบบรถถังออกมาอีกหลายรุ่นจนในที่สุดก็สร้างรถถัง T-34 ตัวต้นแบบขึ้น 2 คันได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1940 ซึ่งรถถังชนิดนี้นำจุดเด่นของรถถัง T-26 ในเรื่องของเกราะป้องกันและตัวถังรถ ส่วนความเร็วอาจจะไม่เท่ารถถัง BT แต่ก็ถือว่าเร็วกว่ารถถังในขนาดเดียวกันในยุคนั้น
หลังจากการบุกจู่โจมสายฟ้าแล่บของกองทัพเยอรมันในยุทธการบาร์บารอสซ่าในปี ค.ศ. 1941 ฐานการผลิตรถถัง T-34 ได้ถูกย้ายไปอยู่ในแถบเทือกเขาอูราลเพื่อป้องกันกองทัพเยอรมันยึดไปได้ ในปี ค.ศ. 1942 รถถัง T-34 มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับกองพลยานเกราะของเยอรมันที่ปิดล้อมสตาลินกราดและได้รับชัยชนะที่สุด ทำให้ฝ่ายโซเวียตเริ่มได้เปรียบในสงครามจนกระทั่งบุกเข้ายึดกรุงเบอร์ลินได้สำเร็จปิดฉากสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางฝั่งยุโรป (จักรวรรดิญี่ปุ่นยอมจำนนในอีก 1 เดือนต่อมา)
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง T-34 ยังมีบทบาทสำคัญในสงครามเกาหลีระหว่างปี ค.ศ. 1950 - 1953 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามตัวแทนระหว่างระบอบเสรีประชาธิปไตยและระบอบสังคมนิยม โดยกองกำลังเกาหลีเหนือรับรถถัง T-34 จากสหภาพโซเวียตเพื่อใช้ในการบุกโจมตีเกาหลีใต้และรวมคาบสมุทรเกาหลีให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และอีกครั้งในสงครามกลางเมืองแองโกลันระหว่างปี ค.ศ. 1975 - 1988
T-34 ในปัจจุบัน
ในปัจจุบันรถถัง T-34 ได้เข้าประจำการในกองทัพของนานาประเทศบ้างก็เพื่อใช้เป็นรถในการฝึกพลประจำรถหรือเก็บเอาไว้ในคลังสำรองของกองทัพ อาทิเช่น คิวบา, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, คองโก, กิเนีย, กิเนียและบิสเซา, นามิเบีย, เยเมน, เกาหลีเหนือและเวียดนาม ในจำนวนประเทศเหล่านี้เวียดนามเป็นประเทศที่มีรถถัง T-34 ประจำการมากที่สุด
เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับเรื่องราวของสุดยอดรถถังแห่งสหภาพโซเวียต หากมีเนื้อหาส่วนไหนที่อาจจะผิดพลาดไปบ้าง ผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา