14 ต.ค. 2020 เวลา 15:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
[ANALYSIS 🧐] เทรดแบบ Hedging แล้วทำไมล้างพอร์ต? >> โดย วิเคราะห์ FOREX
[ความยาก ⭐️⭐️⭐️ – การประยุกต์เบื้องต้น]
ที่มาของหัวข้อนี้มาจากคำถามหลังไมค์เกี่ยวกับ Package การลงทุนของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่อ้างว่า สามารถทำกำไรได้อย่าง “ไร้ความเสี่ยง” ด้วยกลยุทธ์นี้ ซึ่งผมเห็นว่า “น่าสนใจ” เลยหยิบยกมาแลกเปลี่ยนกัน
ซึ่งเป็นการคุยเชิงวิเคราะห์กันเรื่อง Squared Positions หรืออีกคำนึงที่คนไทยคุ้นเคยว่า Hedging กันครับ
โดยผมจะเล่าไว้ 2 มุมมองรวบกันทีเดียวเลยนะครับ
คือ กรณีสำหรับพิจารณาโมเดลการลงทุนของเจ้าที่น่าสงสัยว่าจะเป็นแชร์ลูกโซ่มาเสนอ กับ กรณีการเทรดจริงด้วยตัวเอง
มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
เทรดแบบ Hedging แล้วทำไมล้างพอร์ต? : Lock ความเสี่ยงหรือ Lock ความเสีย(หาย)เอาไว้กันแน่?
ก่อนอื่นขอพูดถึงความหมายกันก่อนครับ
Square ถ้าเป็นคำนาม หมายถึง สี่เหลี่ยมจัตุรัส
แต่ถ้าเป็น Transitive Verb จะหมายถึง “ทำให้เท่ากัน”
ซึ่งในการเทรด Squared Position จึงหมายถึง การออกออเดอร์หรือ Positions ที่เปิดขึ้นใหม่ โดย “ทำให้เท่ากัน” กับใน Order แรก
แล้วทำให้ Exposure หรือ Lot Size ที่เกิดขึ้นเป็น 0
ตัวอย่างเช่น
เราเทรดคู่ EURUSD (EU) โดยเปิด Long Position หรือเทรดหน้า Buy ไว้ 1 Lot
ถ้าเราจะเปิด Squared Position แปลว่า เราต้องเปิด Order ในทิศทางตรงข้าม ด้วยขนาดเท่ากันกับ Order ที่มี
ก็คือ เปิด Short Position หรือเทรดหน้า Sell ไว้ 1 Lot
เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ Order ของเราจะค้างอยู่ เป็นการ Lock กำไร/ขาดทุนไว้ ไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือลง หรือก็คือ ไม่มีผลทำให้กำไรหรือขาดทุนมากไปกว่านี้
แต่ความจริง มีปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Vary คือ Spread ฝั่ง Sell จะ Floating หรือไม่คงที่ มีการถ่างออก-หุบเข้าได้ ทำให้กำไร/ขาดทุนเหวี่ยงได้ อีกทั้งยังมีค่า Swap กรณีถือ Positions ข้ามคืนอีกด้วย
ว่าแต่ ในเมื่อเท่ากันแล้ว จะเปิด Orders แบบนี้ทำไม?
เพราะว่า การเปิด Squared Positions มีผลเทียบเท่า Closed Order หรือการปิด Order นั่นเอง
แต่ก็ Vary นิดหน่อยตรง Spread กับ Swap
ผลที่ได้ คือ เรามี Exposure ต่อตลาดเป็น 0 แต่มี Orders คาอยู่นั่นเอง
หรือพูดง่ายๆ ว่า ถ้าทำ Square ตอนที่กำไร ก็คือการปิดกำไรหรือ Lock กำไรไว้แล้ว เพียงแต่กำไรยังไม่ได้ไปรวมที่ Balance เฉยๆ
การ Close Square ก็คือ การปิดฝั่งใดฝั่งหนึ่งที่ Lock กันเอาไว้
มีผลทำให้เกิด Exposure กับฝั่งตรงข้ามทันที
กล่าวคือ เมื่อ Lock ทั้งฝั่ง Long และ Short เอาไว้ก่อน หากปิด Long แปลว่า ยังเหลือ Position ฝั่ง Short อยู่ ณ ตำแหน่งที่เปิด Long
เช่น สมมติเรา Long ส้ม 1 ผลที่ราคา 10 บาท และ Short ส้ม 1 ผลที่ราคา 8 บาท เช่นกัน
ถ้าราคาปัจจุบันอยู่ที่ 8 บาท หมายความว่า Square Positions ของเราจะขาดทุนรวมที่ 2 บาท
ซึ่งเกิดจากการขาดทุนฝั่ง Long 2 บาท และเสมอตัวในฝั่ง Short
Cr. Freepik
ต่อมา ราคาส้มวิ่งขึ้นไปที่ลูกละ 14 บาท
Square Loss ก็ยังเป็น -2 (ขาดทุน 2 บาท) อยู่เหมือนเดิม
คือ กำไรฝั่ง Long 4 บาท รวมกับขาดทุนฝั่ง Short 6 บาท รวมเป็นขาดทุน 2 บาท
ถ้าเราปิด Long ไป ก็จะได้เงินเข้ากระเป๋ามาก่อน 4 บาท แต่ Loss รวมจะขึ้นมาเป็นขาดทุน 6 บาท
นั่นหมายความว่า เราจะเริ่มกำไรจริงๆ ก็ต่อเมื่อ ราคาส้มลงมาต่ำกว่า 12 บาท
เพราะที่ราคา 12 บาท Position ฝั่ง Short ของเราจะขาดทุน 4 บาท ก็เสมอตัว
ดังนั้น จะกำไรก็ต่อเมื่อราคาส้มต่ำกว่า 12 บาทนั่นเอง
มองอีกมุมนึง ก็เหมือนเรา Cut Loss ฝั่ง Long ตอนราคา 8 บาท แล้วไปเปิด Short ใหม่ตอนราคา 14 บาท เราจะเริ่มกำไรเมื่อราคาส้มลงมาต่ำกว่า 12 บาท เช่นกัน
เพราะขาดทุนจากการ Long ก่อน 2 บาท ก่อนจะไปเริ่มทำกำไรจากการ Short ตอนราคา 14 บาท แล้วรอให้ราคาไหลลง
ซึ่งราคาก็ต้องไหลลงมาเกิน 2 บาท (ต่ำกว่า 12 บาท) ก่อน จึงจะได้กำไร
เอาเข้าจริงก็เหมือนกันนั่นแหละครับ แต่ยากกว่า ซับซ้อนกว่า แต่ดีต่อใจผู้เทรดมากกว่า เพราะ Balance มันไม่ได้ลดลง
และนี่ก็คือ Concept ของ Square “เบื้องต้น”
มันคือการ Close Order รูปแบบหนึ่ง ไม่มีผลต่อตลาด และการทำกำไร
Cr. Freepik
ส่วน Hedging หรือการประกันความเสี่ยง คือ การที่นักลงทุนได้ประกับความเสี่ยงไว้โดยใช้หรือลงทุนใน Product ที่มีความสัมพันธ์คนละทางกัน (Negative Correlation)
หรือก็คือ Short ใน Product ที่เป็น Positive Correlation กันกับ Product ที่ลงทุน โดยอัตรา Exposure ต่อตลาดไม่เป็น 0
เช่น เราทราบว่าทอง (XAU) กับ USDJPY (UJ) มันวิ่งสวนทางกัน (Negative Correlation)
หากเรา Buy ทอง 1 Lot และ Buy 1 Lot แปลว่า ถ้าทองขึ้น UJ ลง เราจะกำไรทอง แต่ขาดทุน UJ แทน
ที่น่าสังเกต คือ ทั้งหมดนี้ ผลจะไม่เป็น 0 เพราะ “จำนวนจุด” หรือ “ระยะที่วิ่ง” ของทองกับ UJ นั้น “ไม่เท่ากัน” จึงทำให้ผลลัพธ์ในบรรทัดสุดท้ายเกิดการกำไรหรือขาดทุนขึ้น
แถมกำไรก็ไม่ได้มากเท่ากับเลือกเทรดเพียงตัวเดียว
แต่ก็ไม่ขาดทุนเท่าเทรดตัวเดียวเช่นกัน
แต่หากจะกล่าวว่า Squared Positions หรือที่เข้าใจกันว่าคือ Hedging นั้น เป็นรูปแบบการลงทุนที่ “ไร้ความเสี่ยง” จริงมั๊ย?
ผมขอให้ข้อสังเกต พร้อมคำตอบไว้ ดังนี้
Cr. Freepik
1️⃣ Squared Positions เมื่อเข้า Orders พร้อมกัน ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
ที่เราเทรดๆ กันอยู่ ถ้ากด Buy กับ Sell พร้อมกัน คู่เดียวกัน ด้วยจำนวน Lot Size เท่ากัน จะพบว่า เราจะ “ขาดทุนเสมอ”
โดยขาดทุนเท่ากับ Spread ของทั้งฝั่ง Long และ Short หรือประมาณ 2 เท่าของ Spread ณ เวลาที่ออก Orders นั้นอยู่
อ้าว แต่การลงทุนนั้น เขาบอกว่าถ้าผิดทาง ไม้ Hedge จะ Cover ส่วน Loss ให้จนเท่าทุนนี่ (ผลรวมของ Loss = 0)
จึงเกิดคำถามต่อมาว่า Squared อย่างไรให้เท่าทุนหรือผลรวมของ Loss = 0 จริงๆ
คำตอบของคำถามนี้ขอแยกเป็น 2 กรณี คือ การเข้า Squared พร้อมกัน และการเข้า Squared คนละเวลา
ถ้ากดพร้อมกัน Squared จะเท่าทุนได้ก็ต่อเมื่อ Spread = 0
ซึ่งเป็นไปไม่ได้แน่นอน ก็เหมือนกับการซื้อทองร้านไหน แล้วเอาไปขายที่ร้านเดิมทันทีนั่นแหละ ... ขาดทุนแน่ๆ
ซึ่งทำให้เราไม่สามารถ Squared พร้อมกันให้เท่าทุนได้
ดังนั้น เราต้องรอให้อีกฝั่งนึงถูกทางไปสักพักก่อน
สักพักที่ว่าก็ประมาณ 2 เท่าของ Spread ในคู่ที่เราเทรด จึงจะ Lock เท่าทุนได้
และนี่คือข้อสังเกตว่า เราไม่สามารถเข้า Squared พร้อมกันให้เท่าทุนได้
“ถ้าจะให้เท่าทุน ต้องเข้าคนละเวลากัน”
2️⃣ เทรดผิดทางแล้ว Squared สามารถ Cover ให้เท่าทุนได้หรือไม่?
คำตอบก็คือ ถ้า Loss อีกไม้นึงก็ย่อมเป็นบวกเป็นธรรมดา แต่ยังไงก็ไม่มีทางเท่ากัน เพราะเข้าพร้อมกัน
3️⃣ ถ้าเทรดถูกทางจะได้กำไรหรือไม่?
อย่างที่บอกไปครับ ถ้าถูกทาง แต่อีกฝั่งนึงผิดทาง ยังไงก็ “ไม่ได้กำไร” ครับ
4️⃣ แล้วถ้าถูกกาง แล้วค่อย Lock ล่ะ จะได้กำไรใช่มั๊ย?
คำตอบ คือ “ใช่” แต่นั่นหมายถึงเราไม่ได้ Lock การทำ Squared ตั้งแต่แรก ถ้าผิดทางก็ขาดทุนเท่ากับระยะที่ผิดทางไปนั่นแหละครับ
แปลว่า ถ้ากด Squared พร้อมกัน ก็ขาดทุนแน่ๆ ประมาณ 2 เท่าของ Spread
ถ้าจะรอกด Squared ไม่พร้อมกัน มันก็ “มีความเสี่ยงที่จะขาดทุน” แล้ว
ดังนั้น หากจะคง Concept แบบนี้ โดยประกันทุนว่า Loss แล้วมี Squared มา Cover ตัว Loss ให้ ไม่ว่ากรณีไหนก็ไม่สามารถทำกำไรได้เลยครับ
1
5️⃣ แล้วกำไรที่เห็นใน MT4 ล่ะ?
อันนี้เทรดเดอร์ต้องเข้าใจก่อนว่า เงินใน MT4 ทที่วิ่งให้เห็นนี่ไม่ใช่เงินเรา แต่เป็นตัวเลขที่โบรกเกอร์โชว์ให้ดูเฉยๆ เท่านั้น
แต่เงินที่เราโอนไปนั้น เป็นของจริง อยู่กับโบรกหรือเจ้าของโบรกจริงๆ
เวลาเรากำไร แล้วเขาจะโอนให้เราหรือไม่นั้น ก็ขึ้นกับเขา ไม่ได้เกี่ยวกับเงินที่แสดงใน MT4 เลย
ไม่งั้นจะมีกรณีที่ถอนแล้วตังค์ไม่ออก เพราะต้องรอเจ้าของโบรกรวมตังค์ก่อน
ซึ่งส่วนนี้ อยู่ที่การบริหารหน้าตักของแต่ละโบรก
6️⃣ ทำไมถอนออกล่ะ?
อันนี้ต้องดูถึงที่มาด้วยครับ
ถ้ามาจากกำไร แล้วเราถอนได้จริง อันนี้กำไรเป็นของเราแน่นอนครับ
แต่ถ้าเราได้รับโอนกำไรมา แต่เงินนั้นมาจากนักลงทุนหน้าใหม่ที่มาทีหลังเรา โดยอ้างว่ามาจากกำไรในการลงทุน
แม้ว่าจะได้เงินเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่กำไรครับ
แบบหลังนี่ น่าสงสัยนะครับ ... ว่าเอาเงินคนใหม่มาแชร์ให้คนเก่า
แล้วก็แชร์วนไปแบบลูกโซ่รึเปล่า?
จุดสังเกตของแชร์ ที่มักจะมาไม้เดิมเรื่อยๆ ก็คือ “การันตีกำไร”
เช่น ถ้าเราฝากเงิน 100 บาท เข้าไป แล้วการันตีว่าได้กำไร 5%
ก็จะจ่ายเราได้ 20 เดือน
1
ซึ่งเป็นช่วงอายุที่แชร์ส่วนใหญ่อยู่ได้ ก็จะประมาณ 1-2 ปีครับ
แต่ถ้าโลภ ลงเงินเพิ่มไปอีก ไม่ใช่ว่าอายุแชร์จะอยู่ได้นานขึ้นนะ
แต่เจ้ามีจะมีเงินให้หอบหนีมากขึ้นต่างหาก
ส่วนมุมมองในกรณีเทรดจริงนั้น ในเนื้อหาที่คุยกันได้อธิบายและยกตัวอย่างไปเรียบร้อยแล้ว
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อยนะครับ
อย่างน้อย ขอให้ทุกคนรอดปลอดภัยจากแชร์ลูกโซ่ ผมก็พอใจแล้วครับ
Cr. Freepik
ถ้าชอบบทความนี้ และเห็นว่าเป็นประโยชน์
ฝากกดไลค์ 👍🏻 กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ
ฝากติดตามพวกเราใน Facebook ได้ที่
และ Line@ ที่ @forexanalysis.th
ขอบคุณมากครับ 🙏
#วิเคราะห์FOREX #FOREX #ฟอร์เร็กซ์ #CFDs
#Trading #FX #Oil #Stocks #Gold #Broker
โฆษณา