17 ต.ค. 2020 เวลา 06:22 • ท่องเที่ยว
4 เบสแคมป์เทรก ในเนปาล ที่คุณเอื้อมถึงได้
การเดินทางไปเบสแคมป์ ไม่ยากอย่างที่คิด คุณก็ไปได้!!!
เมื่อพูดถึงเบสแคมป์ ใคร หลาย ๆ คน คงคิดถึงการปีนเขา การเดินทางคงยากเย็นแสนเข็ญ เพราะเหมาะกับนักปีนเขาเท่านั้น ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำ 4 เบสแคมป์ ที่คุณเองก็สามารถไปได้ ถ้ามีร่างกายที่แข็งแรง ในช่วงฤดูการปีนเขา ที่เบสแคป์เหล่านี้จะมีเต็นท์หลายสี และธงชาติ ของนักปีนเขาประเทศต่าง ๆ มากมายให้คุณได้ชมเช่นกัน
Mardi Himal Base Camp
เบสแคมป์คืออะไร?
เบสแคมป์ เป็นจุดสุดท้ายของการเดินป่าในเนปาล ซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาลูกมหึมา ในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศเนปาล และเป็นจุดที่พัก ที่เริ่มต้นของการปีนเขา เสน่ห์ของการเดินป่าบนภูเขาของเนปาลอยู่ที่การไปยังเบสแคมป์ การเดินถึงเบสแคมป์ให้ความรู้สึกภาคภูมิใจ และถือเป็นความสำเร็จของนักเดินป่า
การเดินป่าในบทความนี้ หมายถึง เทรกกิ้ง การเดินป่าโดยทั่วไป ไม่ใช่การปีนเขานะคะ เช่น เอเวอร์เรสเบสแคมป์ เป็นจุดสุดท้ายของนักเดินป่าที่สามารถเดินมาถึงได้ และเป็นที่ตั้งของเบสแคมป์แรก ในจำนวนทั้งหมด 4 เบสแคมป์ ในการพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสของนักปีนเขา เป็นต้น แต่การเดินป่าจะไม่ได้มุ่งไปที่เบสแคมป์ทุกเส้นทางนะคะ บางเส้นทางก็ไม่ได้มีเบสแคมป์ นั่นหมายถึงที่แห่งนั้นไม่ได้มีภูเขาที่จะปีนขึ้นไปได้
Lukla village the gateway to Everest Base Camp
นักเดินทางทั่วโลกหลายคน มีความไฝ่ฝันจะได้ไปเห็นเบสแคมป์สักครั้ง ซึ่งการมาถึงเบสแคมป์ต่าง ๆ ต้องทำงานหนัก ร่วมกับความทุ่มเท อดทน และใช้พลังงานอย่างมากมายเพื่อไปถึงเบสแคมป์ เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ในการสำรวจเส้นทางผ่านภูเขาไปจนถึงเบสแคมป์ และเมื่อคุณไปถึง มันเป็นช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจที่จะต้องจดจำไปตลอดชีวิต
Annapurna Base Camp
ยอดเขาที่สูงกว่า 8000 เมตร ขึ้นไปมีทั้งหมด 14 ลูก และตั้งอยู่ในประเทศเนปาลถึง 8 ลูก นี่ยังไม่นับยอดเขาที่สูงตั้งแต่ 6000-7900 เมตร ซึ่งมีอยู่เยอะแยะมากมายในประเทศเนปาล นักเดินป่าที่กำลังวางแผนการเดินป่าในเนปาลจึงมีตัวเลือกมากมาย
และการเดินทางไปยังเบสแคมป์ในแต่ละที่ มีความยากง่าย แตกต่างกัน มีทัศนียภาพและความงามที่แตกต่างกัน การเลือกเบสแคมป์ที่ดีที่สุดจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับนักเดินทาง บทความนี้ อาจทำให้ท่านตัดสินใจในการเลือกเดินทางไปยังเบสแคมป์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
on the way to Manaslu Base Camp
เรามาดูกันว่า 4 เบสแคมป์นั้นมีที่ไหนกันบ้างนะคะ
1. เอเวอร์เรสเบสแคมป์ สูง 5,364 เมตร จากระดับน้ำทะเล (Everest Base Camp)
Everest Base Camp
เอเวอร์เรสเบสแคมป์ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า อีบีซี (EBC) ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติสการ์มาทา (Sagarmatha National Park) ได้รับเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า และพืชพันธุ์
เส้นทางนี้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการเดินป่า ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก มีทัศนียภาพแบบพาโนรามาอันกว้างของภูเขาที่น่าตื่นตาตื่นใจ ในเขตนี้คุณจะได้ยลโฉมยอดเขาที่สูงมากกว่า 6000-8000 เมตร รวมไปถึงยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก คือยอดเขาเอเวอร์เรส 8848 เมตร นอกจากนี้ยังมียอดเขาอื่น ๆ ที่เรียงรายซับซ้อมกันอยู่มากมาย
เช่น ยอดเขานุปเซ 7861 เมตร, ยอดเขาอามาดา-บลัม 6816 เมตร, ยอดเขาโลสเซ 8516 เมตร, ยอดเขาปูโมริ 7161 เมตร, ยอดเขาธรรมเซอร์กู 6608 เมตร, ยอดเขาโลบูเช อีส 6119 เมตร ไอซ์แลนด์พีค 6189 เมตร และเทือกเขาอื่น ๆ
ที่กล่าวมานี้ยังไม่หมดนะคะ ท่านลองหลับตาแล้วนึกถึงภาพยอดเขาหิมะสีขาวแกมดำ รูปร่างแตกต่างกันไป วางเรียงรายสลับซับซ้อน จนจำชื่อไม่ได้ว่าลูกไหนเป็นลูกไหน มันช่างดูสวยงาม น่าเกรงขามยิ่งใหญ่อลังการยิ่งนัก
Galaxy at Golakshap
นอกจากความสวยงามของวิวทิวทัศน์แล้ว คุณยังได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวเชอร์ปา ชนเผ่าท้องถิ่นถือเป็นชนเผ่าที่อดทนและแข็งแรง เนื่องจากอยู่ในที่สูงอากาศเบาบาง และหนาวมาก ชาวเชอร์ปาถือเป็นนักปีนเขาที่ยิ่งใหญ่ของโลก เส้นทางนี้ยังมีอารามใหญ่โบราณ เต็งโบเช ซึ่งเป็นอารามแบบทิเบตที่สวยงามที่มีฉากหลังเป็นหิมาลัย
Monastery in Tengbuche
Monastery in Tengbuche
ไฮไลท์ ของเส้นทาง
- ยืนเผชิญหน้ากับภูเขาเอเวอร์เรสและประสบการณ์ ถ่ายรูปกับเอเวอร์เรสเบสแคมป์
- ประสบการณ์การเดินขึ้นยอดเขา กาลาพัตตาร์ (Kala Patthar) ที่ 5,600 เมตร เป็นจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยม ท่านจะได้เห็นยอดเขา เช่น ปูโมริ นุปเซ โลสเซ และยอดเขาเอเวอร์เรส
- เป็นเส้นทางเดินป่าที่ยอดเยี่ยมและทิวทัศน์ภูเขาที่สวยงาม 360 องศา
ข้อเสียของเส้นทางนี้
- คุณจะเดินขึ้นและลงทางเดิม
Namche Bazaa at night
Trekking Fact
- ความยาก: ระดับ 3 – ยาก
- ใช้เวลาเดินทางอย่างน้อย: 14 วัน
- ห่างไกลความเจริญ: ไม่ห่างไกล
- ราคา: ปานกลาง เริ่มต้นที่ USD1500
- ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: มีนาคม - พฤษภาคม และตุลาคม - พฤศจิกายน
- ประเภทที่พัก: แบบเกสต์เฮาส์
- ใบอนุญาต : Park permit และ Local trekking permit
- ความสูงสูงสุด: 5,600 เมตร Kala Patthar
- สามารถเดินได้ในช่วงฤดูหนาว (พ.ย. - ธ.ค. ): สามารถเดินได้ แต่อาจต้องปิดเส้นทางถ้ามีหิมะหนามากเกินไป
อาหารและที่พัก
ที่พัก จะเป็นแบบโรงน้ำชา เป็นเกสต์เฮาส์ขั้นพื้นฐานที่มีห้องครัว ห้องรับประทานอาหารหนึ่งห้อง (จุดพบปะสังสรรค์) และห้องส่วนตัวแบบแชร์เตียง แบบเตียงคู่/ห้อง เตียงสาม หรือเตียงสี่/ห้อง นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำส่วนกลาง พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมถ้าต้องการอาบน้ำ)
ลักษณะที่พัก ที่หมู่บ้าน Golakshap
อาหาร (เช้ากลางวันและเย็น) โรงน้ำชาให้บริการอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุด ได้แก่ เนปาลลี ดาล บาท (Nepali Dal Bhat) คือข้าวราดซุปถั่วต่าง ๆ แกงกะหรี่ไก่ หรือจามรี ผัดผัก และผักดอง นอกจากนี้ยังมีรายการอาหารแบบตะวันตกที่หลากหลาย เช่น พิซซ่า เบอร์เกอร์ ซุป สปาเก็ตตี้ มะกะโรนี หรืออาหารทิเบต เช่น โมโม ตุ๊ปป้า เป็นต้น
Everest Base Camp
Sunrise from Mt. Everest
2. อันนาปุรณะเบสแคมป์ 4,310 เมตร จากระดับน้ำทะเล (Annapurna Base Camp)
Annapurna Base Camp 4,130 m.
อันนาปุรณะเบสแคมป์ หรือเรียกสั้น ว่า เอบีซี (Annapurna base camp or ABC) ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติอันนาปุรณะ เมืองโพครา เป็นที่ตั้งของเบสแคมป์ สำหรับการเตรียมปีนยอดเขา อันนาปุรณะ I เป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก
และเป็นยอดเขาที่อันตรายมากกว่ายอดเขาเอเวอร์เรส เป็นอีกหนึ่งเส้นทางเดินป่ายอดนิยมและคลาสสิก ในเส้นทางนี้จะเงียบสงบกว่าเส้นเอเวอร์เรสเบสแคมป์ เราจะเดินผ่านภูมิประเทศที่งดงาม และหมู่บ้านที่เงียบสงบ ผ่านป่าดอกกุหลาบพันปีแดงเถือกไปทั้งเขา ที่จะบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (กลางเดือนมีนาคม ถึงเดือนเมษายน)
Poon Hill
จุดเริ่มต้นของเส้นทางนี้ คือเมืองโพครา เป็นเมืองท่าที่สวยงามของประเทศเนปาล เราเรียกเมืองนี้ว่าเมืองแห่งทะเลสาบ ที่รายล้อมไปด้วยหิมาลัยด้วยเช่นกัน เป็นผลพลอยได้เมื่อมาเดินเทรกอันนาปุรณะเบสแคมป์ ก็ถือโอกาสชมความงามของเมืองนี้ไปด้วยเช่นกัน บอกได้เลยว่า คุณจะหลงรักและอยากกลับมาอีกครั้ง
view of Machhapuchhare in from Pokhara, Nepal
เราขอแนะนำว่า ถ้ามีโอกาสได้เลือกเดินเส้นทางอันนาปุรณะเบสแคมป์แล้ว ให้เลือกแบบผ่านพูลอิลเข้าไปด้วยจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาเดินอีกรอบ ซึ่งจุดชมวิวพูลฮิล เป็นที่ชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่สวยงามและดีที่สุด สำหรับเส้นทางนี้คุณจะได้ยลโฉม เทือกเขา อันนาปุรณะ I 8,091 เมตร
เป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก คุณจะเผชิญหน้ากับความมหึมาของยอดเขา แบบเหงนหน้ามอง ใกล้จนเหมือนจะจับต้องได้ และข้าง ๆ กันคือยอดเขา อันนาปุรณะใต้ 7,219 เมตร ยืนเคียงคู่กันอยู่
Annapurna I 8,091 m
นอกจากนี้ยังมียอดเขาอื่น ๆ เช่น นิลกิริ 7,061 เมตร ยอดเขา เดาลากิริ 8,167 เมตร และพระเอกของเรา ถึงจะสูงแค่ 6993 เมตร แต่ก็เป็นยอดเขาที่นักเดินป่าทุกคน จดจำได้ดีมากกว่าเอเวอร์เรสเสียอีก คือ มัจฉะปูชเรย์ หรือยอดเขาหางปลา เราจะเห็นหางปลาโผล่วับ ๆ แวม ๆ ออกมาทักทายตลอดการเดินทางไปจนถึงเบสแคมป์
The way from Annapurna Base Camp to Machhapuchhare Base Camp
ไฮไลท์ ของเส้นทาง
- ประสบการณ์ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามสองข้างทางระหว่าง การเดินทางไปเมืองโพครา
- เทือกเขา อันนาปุรณะ I ที่สูงมากกว่า แปดพันเมตร
- สีสรร อันสวยงามของป่าดอกกุหลาบพันปี
- วัฒนธรรม และหมู่บ้านอันสวยงาม ของชนเผ่ากูรุงและมาการ์
- วิวพาโนรามาของหิมาลัยจากพูลฮิล
ข้อเสียของเส้นทางนี้
- มีบันไดเยอะ
- อินเทอร์เนตเข้าไม่ถึงในช่วง 3-4 วัน
Up hill from Machhapuchhare BC to Annapurna BC
Trekking Fact
- ระดับความยาก: ปานกลาง
- ความห่างไกลความเจริญ: ไม่ห่างไกลความเจริญ
- ใช้เวลาเดินทางอย่างน้อย: 13 วัน
- ราคา: เริ่มต้นที่ USD1000
- ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: มีนาคม - พฤษภาคม และตุลาคม - พฤศจิกายน
- ประเภทที่พัก: แบบเกสต์เฮาส์
- ใบอนุญาต: ACAP permit และ TIMS card
- ความสูงสูงสุด: 4,310 เมตร Annapurna Base Camp
- สามารถเดินได้ในช่วงฤดูหนาว (ธ.ค. – ม.ค.): อาจเปิดหรือปิดในช่วงฤดูหนาวมากๆ
อาหารและที่พัก
ที่พัก จะเป็นแบบโรงน้ำชา เป็นเกสต์เฮาส์ขั้นพื้นฐานที่มีห้องครัว ห้องรับประทานอาหารหนึ่งห้อง (จุดพบปะสังสรรค์) และห้องส่วนตัวแบบแชร์เตียง แบบเตียงคู่/ห้อง เตียงสาม หรือเตียงสี่/ห้อง นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำส่วนกลาง พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมถ้าต้องการอาบน้ำ) เมื่อเปรียบเทียบกับเขตเอเวอร์เรสเบสแคมป์ แล้ว เส้นเอเวอร์เรสเบสแคมป์ จะมีที่พักที่ดีกว่าและมีให้เลือกหลากหลายกว่าเส้น อันนาปุรณะเบสแคมป์
Tea-house in Annapurna Base Camp
อาหาร (เช้ากลางวันและเย็น) โรงน้ำชาให้บริการอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุด ได้แก่ เนปาลลี ดาล-บาท (Nepali Dal Bhat) คือ ข้าวราดซุปถั่วต่าง ๆ แกงกะหรี่ไก่ หรือจามรี ผัดผัก และผักดอง นอกจากนี้ยังมีรายการอาหารแบบตะวันตกที่หลากหลาย เช่น พิซซ่า เบอร์เกอร์ ซุป สปาเก็ตตี้ มะกะโรนี หรืออาหารทิเบต เช่น โมโม ตุ๊ปป้า เป็นต้น อาหารในเส้นทางนี้จะมีให้เลือกน้อยกว่าเส้นเอเวอร์เรสเบสแคมป์ แต่ปริมาณจะเยอะและความอร่อยกว่าเส้นเอเวอร์เรสเบสแคมป์
3. มารดิหิมาล เบสแคมป์ 4500 เมตร (Mardi Himal Base Camp)
High camp of Mardi Himal Base Camp
มารดิหิมาล เหมาะที่สุดสำหรับนักเดินป่าที่รักธรรมชาติและเส้นทางที่แออัดน้อย ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติอันนาปุรณะ เป็นเส้นคู่ขนานที่เดินขึ้นไปกับเส้นอันนาปุรณะเบสแคมป์ สองเส้นทางนี้สามารถเดินแบบเชื่อมต่อหากันได้ แต่เส้นมารดิหิมาลจะอยู่สูงกว่าเส้นอันนาปุรณะเบสแคมป์ ถึงจะเป็นเส้นคู่ขนานกันไป แต่วิวไม่ได้เหมือนกันนะคะ จุดเด่นของเส้นนี้คือ ทุ่งดอกกุหลาบพันปี และทะเลหมอก รวมทั้งเราจะเห็นยอดมัจฉะปูชเรย์ได้แบบใกล้ชิดมากในเส้นทางนี้
เป็นเส้นทางที่เงียบสงบนักท่องเที่ยวน้อย เกือบตลอดการเดินทางจะเป็นป่าคลึ้มรกมาก หลังจากเดินสูงขึ้น และทะลุป่าออกมาได้ จึงจะได้เจอหิมาลัยที่อลังการมากมาย พอเดินทะลุออกจากป่า เราถึงกับต้อง อุทาน อห!!! อห!!! กันเลยเทียว เป็นภาพที่ไม่น่าเชื่อว่ามีสิ่งสวยงามซ่อนอยู่ และเมื่อตกบ่ายประมาณ บ่าย 2-3 โมงเย็น จะเป็นช่วงเวลาแห่งทะเลหมอก ปกคลุมขาวดั่งปุยเมฆลอยวนอยู่รอบตัวเรา จนเผลอคิดอยากจะกระโดดลงไปนอน วิวพระอาทิตย์ตกดิน และพระอาทิตย์ขึ้นสำหรับเส้นทางนี้ ถือเป็นวิวที่งดงามสุดยอดมาก
The mist in the sunset from Mardi Himal view point
คุณจะได้วิวพระอาทิตย์ตกคู่ไปกับทะเลหมอก และมุมของพระอาทิตย์ขึ้นสะท้อนแสงกับภูเขาหิมะในตอนเช้า เหนือคำบรรยายใด ๆ ของความสวยงาม ที่ผู้เขียนจะบอกเล่าได้ รวมทั้งการถ่ายรูปก็ไม่ได้สวยงามดั่งช่างภาพมืออาชีพ อยากจะบอกว่ามันงามกว่าในภาพที่เห็นหลายเท่านัก
Mt. Annapurna South
เมื่อเทียบความยากของการเดิน เส้นมารดิหิมาลเบสแคมป์ กับทั้งสองเส้นข้างต้นที่ผ่านมากแล้ว เส้นทางนี้จะเดินง่ายกว่า เงียบสงบถ่ายรูปได้อย่างอิสระ ไม่ติดหัวคนจอแจเหมือนสองเส้นทางแรก และความงามของเส้นทางนี้ก็งามไม่ยิ่งหย่อนกว่าเส้น อันนาปุรณะเบสแคมป์ และเอเวอร์เรสเบสแคมป์เช่นกันค่ะ
View Point of Mardi Himal with Annapurna South
ไฮไลท์ ของเส้นทาง
- ประสบการณ์ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามสองข้างทางระหว่าง การเดินทางไปเมืองโพครา
- เทือกเขา อันนาปุรณะ ที่สูงมากกว่า แปดพันเมตร
- สีสรร อันสวยงามของป่า ดอกกุหลาบพันปี ทุ่งนาขั้นบันไดที่สวยงาม
- วิวพระอาทิตย์ขึ้นและตก และทะเลหมอก
- นักท่องเที่ยวน้อย เงียบสงบ
- ความหลากหลายทางธรรมชาติ
Mt. Machhapuchhare from Mardi Himal view point
ข้อเสียของเส้นทางนี้
- ไม่มีอินเทอร์เนตตลอดการเดินทาง
- ที่พักมีน้อย
Trekking Fact
- ระดับความยาก: ปานกลาง
- ความห่างไกลความเจริญ: ไม่ห่างไกลความเจริญ
- ใช้เวลาเดินทางอย่างน้อย: 10 วัน
- ราคา: เริ่มต้นที่ USD800
- ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: มีนาคม - พฤษภาคม และตุลาคม - ธันวาคม
- ประเภทที่พัก: แบบเกสต์เฮาส์
- ใบอนุญาต: ACAP permit และ TIMS card
- ความสูงสูงสุด: 4,500 เมตร Mardi Himal Base Camp
- สามารถเดินได้ในช่วงฤดูหนาว (ธ.ค. - ม.ค.): สามารถเดินได้ แต่ถ้าหิมะตกมาก อาจเกิดความเสี่ยงจากหิมะถล่มและปิดเส้นทางได้
Tea-house with view of Annapurna South at high camp
ที่พักและอาหาร
ระหว่างการเดินทางไปยัง มารดิหิมาล เบสแคมป์ เราจะพักค้างคืนในเกสต์เฮาส์ธรรมดา หรือที่เรียกกันว่าโรงน้ำชา โดยทั่วไปโรงน้ำชาให้บริการอาหารสามมื้อซึ่งรวมถึง อาหารเช้าอาหารกลางวันและอาหารเย็น โรงน้ำชาส่วนใหญ่มีห้องครัวห้องรับประทานอาหาร 1 ห้อง (จุดพบปะสังสรรค์)
และห้องส่วนตัวแบบแชร์เตียงคู่นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำส่วนกลางพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)สำหรับที่พักในเส้นทางนี้เมื่อเปรียบเทียบกับ สองเส้นทางแรกที่กล่าวมา (ABC and EBC) ที่พักจะมีน้อยมาก ส่วนอาหารในเส้นทางนี้จะมีความหลากหลายน้อยกว่าสองเส้นทางแรก ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารเนปาล และซุปต่าง ๆ
4. มนัสลูเบสแคมป์ สูง 5,115 เมตร Larke Pass
มนัสลูเบสแคมป์ เป็นเส้นทางเดินป่า ที่อยู่ใกล้ชายแดน เนปาล-ทิเบต เส้นทางนี้จึงเป็นวัฒนธรรม และวิวธรรมชาติที่ผสมผสานกันระหว่างเนปาลกับทิเบต เป็นการเดินป่าตามเส้นทางโบราณ การค้าขายเกลือระหว่างอินเดียกับทิเบต การเดินทางในเส้นทางนี้ ของคุณจะเหมือนกับการเดินทางข้ามเวลา ย้อนเวลากลับไป
ยอดเขามนัสลู สูง 8,163 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก เป็นยอดเขาที่ปีนสำเร็จครั้งแรกโดยชาวญี่ปุ่น ได้มีการเปรียบเทียบกันว่า ถ้ายอดเขาเอเวอร์เรสคืออังกฤษ มนัสลูก็คือญี่ปุ่น นั่นเอง!!!
มนัสลู เบสแคมป์ตั้งอยู่ในเขต โกรข่า อยู่ทางทิศตะวันออกของอันนาปุรณะ หรือเข้าใจง่าย ๆ คือ ทั้งสองเขตนี้ ตั้งอยู่ติดกัน สามารถเดินเข้าหากันได้ แต่มนัสลูเป็นเขต อนุรักษ์ มนัสลู Manaslu Conservation Area (MCAP)
นอกจากนี้ยังถูกตั้งเป็นเขตพิเศษ ในการเดินทางเส้นนี้จึงต้องมีใบอนุญาตเขตพิเศษเข้าสู่พื้นที่ด้วยเช่นกัน ในการขออนุญาต 1 ครั้ง สามารถอยู่ได้ไม่เกิน 7 วัน ถ้าเกินจากนั้นจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม มีข้อบังคับผู้เดินทางต้องเดินทางเป็นกลุ่ม จำนวน 2 คน ขึ้นไป และต้องมีไกด์นำทาง
ดูช่างเป็นเขตลึกลับยังไงก็ไม่รู้นะคะ ไอ้ความลึกลับของเขตพิเศษนี่แหล่ะค่ะ ที่เป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าไปค้นหา ระหว่างทางเดินในเส้นทางนี้ เราสามารถมองเห็นยอดเขา 10 ยอดที่สูงกว่า 6,500 เมตร (21,300 ฟุต) รวมถึงยอดเขาอีกไม่กี่ลูกที่สูงกว่า 7,000 เมตร (23,000 ฟุต) จุดสูงสุดตามเส้นทางเดินป่าคือ ลาร์กยา ลา ที่ระดับความสูง 5,106 เมตร ระหว่างการเดินทางเราจะผ่านป่าสน
ซึ่งมีฉากหลังเป็นยอดเขารูปเกือกม้า มีอารามทางพระพุทธศาสนา แบบทิเบตที่เก่าแก่มาก ที่หมู่บ้าน ซามากอน ซึ่งมีพระภิกษุและแม่ชีอาศัยอยู่ รวมทั้งผ่านหมู่บ้าน แพงปูร์ชิ ที่มีฉากหลังเป็นพรมแดนทิเบต รวมทั้งทะเลสาบสีฟ้าใส ที่ตั้งอยู่กลางหุบเขา
มนัสลูเบสแคมป์ จะเดินยากกว่า ทั้งสามเส้นทางที่กล่าวมาข้างต้น สภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวน เกิดแลนด์สไลด์บ่อยในเส้นทางนี้ รวมทั้งเป็นเส้นทางอนุรักษ์จึงต้องมีไกด์ในการนำทาง และดูแลความปลอดภัย
ไฮไลท์ ของเส้นทาง
- คุณสามารถมองเห็นยอดเขามากกว่า 10 ยอด ที่มีความสูงกว่า 6,500 เมตร และอีกไม่กี่แห่งที่สูงกว่า 7,000 เมตร ในภูมิประเทศ
- สังเกตวิถีชีวิตของ Nubri และ Tsum กลุ่มชาติพันธุ์หลักสองกลุ่มที่อาศัยอยู่ในภูมิภาค Manasulu ในทั้งสองกลุ่ม Tsum ยังคงแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมศิลปะและประเพณีโบราณของพวกเขา
- ทิวทัศน์ที่สะดุดตา ธรรมชาติ ทะเลสาบ ธารน้ำแข็ง พืชและสัตว์ที่น่าสนใจ
- เยี่ยมชมอนุสรณ์สถานทางพุทธศาสนาหลายแห่ง และหมู่บ้านห่างไกลพร้อมทิวทัศน์ภูเขาอันงดงาม
- เดินขึ้นไปยัง มนัสลูเบสแคมป์ ซึ่งมีภูเขาที่สูงที่สุดแปดแห่งในโลก
- เป็นเส้นทางเดินที่สงบ น่าค้นหา มีความเป็นส่วนตัวสูง
ข้อเสียของเส้นทางนี้
เนื่องจากเป็นเส้นทางเดินป่าที่ดีที่สุดในเนปาล มีความอุดมสมบูรณ์ของป่าสูง ขาดแคลที่พักในข่วงไฮซีซั่นของการเดินป่า
ไม่มีอินเตอร์เนต ตลอดการเดินทาง
Trekking Fact
ระดับความยาก: ยาก
ความห่างไกลความเจริญ: ห่างไกลความเจริญ
ใช้เวลาเดินทางอย่างน้อย: 14 วัน
ราคา: เริ่มต้นที่ USD1700
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: มีนาคม - พฤษภาคม และตุลาคม - พฤศจิกายน
ประเภทที่พัก: แบบเกสต์เฮาส์
ใบอนุญาต: ใบอนุญาตพิเศษ, MCAP permit และ ACAP permit
ความสูงสูงสุด: 5,115 เมตร Larke Pass
สามารถเดินได้ในช่วงฤดูหนาว (ธ.ค. - ม.ค.): อาจเปิดหรือปิดในช่วงฤดูหนาวมากๆ
ที่พักและอาหาร
ที่พัก จะเป็นแบบเกสต์เฮาส์ธรรมดา หรือที่เรียกกันว่าโรงน้ำชา โดยทั่วไปโรงน้ำชาให้บริการอาหารสามมื้อซึ่งรวมถึง อาหารเช้าอาหารกลางวันและอาหารเย็น โรงน้ำชาส่วนใหญ่มีห้องครัวห้องรับประทานอาหาร 1 ห้อง (จุดพบปะสังสรรค์) และห้องส่วนตัวแบบแชร์เตียงคู่นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำส่วนกลางพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
และในบางหมู่บ้าน เราสามารถเลือกนอนในเต็นท์ได้ เนื่องจากเป็นเขตอนุรักษ์เส้นทางนี้จะมีที่พักน้อยมาก เช่นเดียวกันกับเส้นทาง มารดิหิมาล ส่วนอาหาร จะเป็นแบบทั่วไปเหมือนเส้นอันนาปุรณะเบสแคมป์
Thank you photos from:
Yok Juthasinee, Boy Samchuk, Khomgrich_U, Kattapa Laochinnachat, Surakit Darncholvichit, Suvimon Sirirudeeporn, Tongchana journey, Wittaya Konghaped
โฆษณา