17 ต.ค. 2020 เวลา 01:59 • กีฬา
ในขณะที่ทีมอย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน เพราะเต็มไปด้วยเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ในอดีตที่แฟนบอลหลายๆ คนเกิดไม่ทันเห็น
แต่ทางด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพิ่งจะมีช่วงเวลาที่กลายเป็นยอดทีมของเกาะอังกฤษ เมื่อช่วงทศวรรษที่ผ่านมานี้เอง
ระหว่างปี 2011-2020 ทีมเรือใบสีฟ้ากวาดแชมป์ไปถึง 14 รายการ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น พวกเขาไม่ได้แชมป์อะไรเลยนานถึง 35 ปี หลังจากได้ถ้วย ลีก คัพ ในปี 1976
นั่นหมายความว่า หากนักเตะของ แมนฯ ซิตี้ คนไหน จะได้รับเกียรติจากสโมสรสูงถึงขั้นมีการสร้างอนุสาวรีย์ให้ แน่นอนว่าเขาคนนั้นย่อมต้องเป็นผู้เล่นระดับตำนาน ที่แฟนบอลยุคปัจจุบันทันเห็นลีลาการเล่น
ผู้เล่นที่ได้รับเกียรตินั้น นั่นคือ ดาบิด ซิลบา ที่ปัจจุบันในวัย 34 ปี ยังคงค้าแข้งใน ลา ลีกา กับ เรอัล โซเซียดัด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประกาศยืนยันเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ว่าจะสร้างอนุสาวรีย์ให้ซิลบาไว้ที่หน้าสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม เพื่อตอบแทนผลงานของอดีตเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติสเปน ที่ช่วยทีมกวาดแชมป์ครบทั้ง 14 โทรฟี่ ตลอดช่วงเวลา 10 ปีพอดี ที่นักเตะอยู่กับทีม
1
ดาบิด ซิลบา คือนักเตะที่คว้าแชมป์ร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากที่สุดในประวัติศาสตร์ มากกว่าดาวยิงตัวเก่งอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่ได้ไป 13 โทรฟี่ และอดีตกองหลังกัปตันทีมอย่าง แว็งซ็องต์ ก็องปานี ที่ได้ไป 12 รายการเสียอีก
ย้อนไปในปี 2010 ชื่อของ ดาบิด ซิลบา คือหนึ่งในกองกลางตัวรุกที่ดีที่สุดในโลก โดยสามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวปั้นเกม และเล่นปีกได้ทั้ง 2 ฝั่ง
ซิลบา คือกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ยูโร 2008 แต่ในยุคนั้น ทีมเรือใบสีฟ้าไม่เคยได้เล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เลยสักครั้ง และร้างแชมป์ลีกมานานกว่า 40 ปี แน่นอนว่าการจะดึงดูดผู้เล่นระดับนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่าย
ต่อให้พวกเขาคือสโมสรที่ร่ำรวยจากการได้กลุ่มทุนจากอาบูดาบีเข้าเทคโอเวอร์ แต่ใครจะไปเชื่อว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะสามารถทำให้นักเตะอย่าง ซิลบา สามารถรับใช้สโมสรได้นานนับทศวรรษ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากนักเตะคนนั้น เคยได้รับความสนใจอย่างจริงใจจากยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิดอย่าง เรอัล มาดริด
ดิ แอธเลติก เผยเรื่องราวสมัยที่ ดาบิด ซิลบา ยังคงเป็นผู้เล่นของ บาเลนเซีย ในฤดูกาล 2009-10 เอาไว้ว่า หลังจบเกมที่ทีมค้างคาวบุกไปแพ้ราชันชุดขาว 2-0 ในศึก ลา ลีกา ช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่นดังกล่าว ทาง ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรของฝั่งเจ้าถิ่น ได้แสดงเจตนารมณ์ชัดเจน ที่อยากได้กองกลางร่างเล็กไปอยู่ด้วย
เปเรซได้พาหลานชายของเขาทั้ง 2 คนไปที่ห้องแต่งตัวของฝั่งทีมเยือน เพื่อขอให้ซิลบาถ่ายรูปร่วมกับหลานชายของเขา และแจกลายเซ็นให้
ในวันนั้น ซิลบารู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ถูก เพราะเขากำลังเร่งรีบที่จะเก็บของขึ้นรถบัสของสโมสรเพื่อเดินทางกลับ เขาชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางเพื่อบอกว่าเขาต้องรีบไปแล้ว
แต่ทาง เปเรซ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ของ เรอัล มาดริด รับหน้าที่ช่วยดูแลให้แทน พร้อมกับกล่าวติดตลกว่า “เอากระเป๋าของเขาไปที่ห้องแต่งตัวของเรา เพราะในปีหน้า ดาบิด จะมาอยู่กับเราแล้ว”
ซิลบายิ้มอย่างเขินอาย เขาถ่ายรูปร่วมกับหลานๆ ของเปเรซด้วยความรู้สึกที่อบอุ่น และในช่วงหลายสัปดาห์ถัดจากนั้น เขาเริ่มพิจารณาถึงโอกาสย้ายไปเล่นที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว มากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ในตอนที่ เรอัล มาดริด ใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงทุกอย่างที่จะได้ตัว ซิลบา ไปร่วมทีมแล้วนั้น จู่ๆ พวกเขาก็เปลี่ยนใจที่จะไม่เซ็นสัญญากับสตาร์จอมเทคนิครายนี้ซะดื้อๆ และเป็นการเปิดทางให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โผล่เข้ามาเจรจากับ บาเลนเซีย แทน
หลังจากที่ ซิลบา ย้ายไปอยู่กับทีมเรือใบสีฟ้าไม่นาน สื่อของสเปนเผยว่า สาเหตุที่ เรอัล มาดริด ล้มเลิกความสนใจในตัวของซิลบา เพราะทีมงานของฝั่งราชันชุดขาวไปรายงานกับ เปเรซ ว่า นักเตะคนนี้มีพฤติกรรมเสพติดปาร์ตี้ และชอบดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งไม่ตรงสเปกผู้เล่นที่มีเกียรติสูงส่งที่สโมสรอยากจะเซ็นสัญญาด้วย
ดาบิด ซิลบา ให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษในภายหลัง ตอนที่พา แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2012 ว่า “ผมไม่รู้ว่าข่าวลือพวกนั้นมันมาจากไหน ผมเป็นคนที่มีจิตสำนึกที่ดีมาตลอด และรักษาความเป็นมืออาชีพอยู่เสมอ”
“เรื่องนั้นมันไม่ได้ทำให้ผมโกรธหรอกนะ แต่แค่ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจมาก พวกเขาสนใจผม และแม้ว่าพวกเขาอยากจะหยุดความสนใจด้วยเรื่องแบบนั้น ผมก็มีความสุขมากๆ กับการตัดสินใจที่ผมเลือกแล้ว”
แกร์รี่ คุก อดีตซีอีโอของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เผยว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว สโมสรก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะสามารถปิดดีลคว้าตัว ซิลบา เข้ามาได้สำเร็จ
“เขาอยู่ในลิสต์รายชื่อที่เราอยากได้ แต่เราไม่เคยคิดเลยว่าจะคว้าตัวเขาได้จริงๆ มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ที่เราทำให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นจริง”
“ตอนนั้นเรากำลังมองไปที่ โยอันน์ กูร์กกุฟฟ์ เขาคือนักเตะที่ โรแบร์โต้ มันชินี่ อยากได้ เราได้คุยกับคนของเขา แต่เขาอยู่ในที่ที่มั่นคงในอาชีพค้าแข้งของเขาแล้ว และเขามองไปที่โปรเจ็คต์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้วคิดว่าเขาไม่แน่ใจเท่าไร”
2
“มันยังเป็นช่วงวันแรกๆ ของตลาด และผมไม่คิดว่าเขาจะรู้สึกดี ว่าโครงการนี้มันจะเป็นอย่างไร”
“แล้วถัดจากนั้น ผมก็พบความจริงที่ว่า การคว้า ซิลบา อาจจะเป็นไปได้”
“บาเลนเซีย ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากทางการเงิน พวกเขาบอกเราว่า เราสามารถคว้าทั้ง ดาบิด ซิลบา และ ดาบิด บีย่า ได้ในราคารวมกัน 80 ล้านยูโร”
“เราบอกพวกเขาไปว่า เราไม่อยากได้ ดาบิด บีย่า แต่เราต้องการ ดาบิด ซิลบา”
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ ดาบิด ซิลบา จะสนใจที่จะย้ายไปเล่นในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม แต่สตาร์ดังชาวสแปนิช ได้ยื่นเงื่อนไขกับ แมนฯ ซิตี้ ว่า เขาจะตกลงไปเล่นกับทีมเรือใบสีฟ้าแน่ๆ ถ้าพวกเขาปิดดีลคว้าตัว ยาย่า ตูเร่ จากบาร์เซโลน่าไปร่วมทีมได้ซะก่อน
ในช่วงซัมเมอร์ปี 2010 บาร์เซโลน่า มีแผนต้องการปล่อยตัว ยาย่า ตูเร่ ออกจากทีม เพราะพวกเขาต้องการซื้อตัว ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ จากลิเวอร์พูลไปเสริมทัพแทน
เดิมที ยาย่า ไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของ แมนฯ ซิตี้ มากนัก ว่าจะยกระดับขึ้นมาเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จได้จริงจัง เขาจึงยื่นเงื่อนไขสำคัญอย่างหนึ่งกับทีมเรือใบสีฟ้า
อดีตกองกลางตัวเก่งทีมชาติไอวอรี่โคสต์ เปิดเผยเรื่องราวเมื่อ 10 ปีก่อนผ่านการให้สัมภาษณ์กับ เดอะ ไทม์ส ในปี 2019 โดยบอกว่า “ผมคุยโทรศัพท์กับ แกร์รี่ คุก เขาสัญญากับผมว่า เขาจะคว้านักเตะเข้ามาช่วยผมหลายคน เพื่อทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ซิตี้”
“ผมบอกว่า เซ็นสัญญากับ ซิลบา ก่อนสิ แล้วผมจะมาจอยด้วย”
“แต่ซิลบาบอกว่า “เซ็นสัญญากับยาย่าก่อน แล้วผมจะย้ายไป” ผมจึงบอกกับซิลบาว่า “นายเซ็นเลย ผมจะไม่หนีไปไหนแน่” ซึ่งตอนนั้นเขาไม่เชื่อใจผม เพราะผมอยู่กับบาร์เซโลน่า ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลกอยู่แล้ว”
“แต่สำหรับผม นั่นคือเวลาของการเปลี่ยนแปลง โคโล่ (พี่ชายของยาย่า) บอกให้ผมย้าย และผมต้องฟังเขา”
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงความจริงจังอย่างที่สุด ที่จะได้ตัว ยาย่า ตูเร่ และ ดาบิด ซิลบา ไปร่วมทีมในซัมเมอร์ปีเดียวกันให้ได้ เพราะการที่นักเตะระดับนี้เริ่มมีใจย้ายมาร่วมงานด้วยพร้อมกันถึง 2 คน มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นง่ายๆ
พวกเขายอมทุ่มค่าเหนื่อยเป็นสถิติสูงสุดของเกาะอังกฤษในเวลานั้น เพื่อโน้มน้าวให้ ยาย่า เซ็นสัญญาด้วยก่อน ซึ่งมีรายงานว่าสูงถึงสัปดาห์ละ 200,000 ปอนด์
ยาย่า ตูเร่ เซ็นสัญญาร่วมทีมเรือใบสีฟ้าอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 กรกฎาคม 2010
และหลังจากนั้น 12 วัน พวกเขาก็ได้ตัว ดาบิด ซิลบา ตามมาจริงๆ ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ หลังจากที่เพลย์เมกเกอร์ร่างเล็ก เพิ่งพาทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้สำเร็จเพียง 3 วัน
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ดีลปิดลงอย่างรวดเร็ว เพราะ แมนฯ ซิตี้ แสดงความจริงจัง ด้วยการส่งตัวแทนของสโมสรไปเจรจาปิดดีลกับ ซิลบา ถึงประเทศแอฟริกาใต้ ระหว่างที่ตัวนักเตะยังอยู่ระหว่างภารกิจรับใช้ชาติเลยทีเดียว
และหลังจากนั้นก็อย่างที่ทุกคนรู้กัน ว่าการเซ็นสัญญากับ ยาย่า ตูเร่ และ ดาบิด ซิลบา คือการเซ็นสัญญาที่เปลี่ยนโฉมหน้าของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวงการฟุตบอลไปตลอดกาล
เพราะมันคือการยกระดับจากทีมที่ดี ไปสู่การเป็นทีมที่มีศักยภาพสูงเพียงพอที่จะคว้าถ้วยรางวัลมาครอง
แชมป์แรกที่ ซิลบา คว้าร่วมกับ แมนฯ ซิตี้ คือถ้วย เอฟเอ คัพ ในปี 2011 โดยที่ ยาย่า ตูเร่ เป็นคนยิงประตูชัยดับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ในรอบรองชนะเลิศ และทำประตูในเกมนัดชิงเช่นกัน ด้วยการเฉือน สโต๊ค ซิตี้ 1-0
หลังจากนั้นในซีซั่น 2011-12 พวกเขาเสริมทัพด้วยซูเปอร์สตาร์ดังจาก ลา ลีกา ซึ่งตามมาเป็นตำนานของสโมสรอีกคนอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่
อเกวโร่ เข้ามายกระดับการจบสกอร์ และกลายเป็นดาวซัลโวประจำทีม พาซิตี้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในวินาทีสุดท้าย หลังเฉือน ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส 3-2 ทำให้ได้แชมป์ลีกสูงสุดหนแรกในรอบ 44 ปีอย่างใจหายใจคว่ำ ด้วยการมีผลต่างประตูได้-เสียเหนือกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด
หลังจากนั้นโทรฟี่แชมป์หลั่งใหลเข้าสู่ถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม นับไม่ถ้วน นับรวมแล้วในช่วงที่ ดาบิด ซิลบา เป็นนักเตะของพวกเขา แมนฯ ซิตี้ กวาดแชมป์ไป 14 รายการอย่างที่เราเกริ่นไป
แชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 ครั้ง, ลีก คัพ 5 หน บวกกับ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ อีก 3 ครั้ง โดยไม่เคยมีซีซั่นไหนเลย ที่ ซิลบา อยู่ในทีม แล้ว แมนฯ ซิตี้ จบฤดูกาลในลีกด้วยอันดับต่ำกว่าท็อปโฟร์
ฤดูกาล 2017-18 ที่ แมนฯ ซิตี้ สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นทีมที่ทำแต้มได้สูงที่สุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกถึง 100 คะแนน ดาบิด ซิลบา มีส่วนกับการได้ประตูถึง 20 ลูก (ยิง 9 แอสซิสต์ 11) และมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีของพีเอฟเอ
ขณะที่ฤดูกาลสุดท้ายที่ ซิลบา รับใช้ทีมเรือใบสีฟ้า แม้จะได้แค่แชมป์ คาราบาว คัพ เพียงถ้วยเดียว แต่ผลงานยิง 6 จ่าย 10 ในเกมลีก ก็เพียงพอที่จะทำให้เขามีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีของพีเอฟเออีกครั้งเป็นการสั่งลา
จุดเด่นของ ซิลบา คือการเป็นราชาแอสซิสต์ประจำทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เขาจ่ายให้เพื่อนยิงในลีกไปถึง 93 ครั้ง ถือเป็นนักเตะที่ทำแอสซิสต์ได้มากที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก
1
นอกจากนั้นแล้ว สตาร์ทีมชาติสเปนยังยิงเองถึง 77 ประตู จากการลงสนาม 436 นัดรวมทุกรายการให้ทีมเรือใบสีฟ้า และเป็นผู้เล่นที่ลงสนามในเกมระดับยุโรปมากที่สุดของทีม ถึง 70 นัดด้วยกัน แบ่งเป็น ยูโรปา ลีก 14 นัด และ แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 56 เกม
ในแถลงการณ์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ประกาศยืนยันว่าจะสร้างอนุสาวรีย์ให้ ดาบิด ซิลบา มีการระบุไว้ว่า
“อนุสาวรีย์ของดาบิด จะถือเป็นสิ่งเตือนความทรงจำที่ยั่งยืน สำหรับช่วงเวลามหัศจรรย์ที่เขามอบให้เรา ไม่เพียงแต่ในฐานะนักฟุตบอลที่น่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นในฐานะทูตผู้สร้างแรงบันดาลใจ ซึ่งได้ทำหน้าที่ตัวแทนสโมสรแห่งนี้มาด้วยความสง่างามตลอดเวลา”
ย้อนไปในสมัยอดีต แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังไม่ใช่ทีมที่อยู่ในสถานะสุดยอดทีมเบอร์ต้นๆ ของอังกฤษนะครับ ในวันที่ทำสัญญากับ ดาบิด ซิลบา
ในตอนนั้นการแย่งแชมป์ลีกเป็นเรื่องระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เชลซี เท่านั้น โดยที่ อาร์เซน่อล ก็การันตีการได้ไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่ทุกปี
แต่เมื่อเวลาผ่านไปนาน 10 ปี หลังจากได้ตัวสตาร์ดังระดับเวิลด์คลาสมาสวมเสื้อหมายเลข 21 พวกเขากลายเป็นสโมสรที่ถูกยกว่ามีมาตรฐานสูงที่สุด เท่าที่พรีเมียร์ลีกเคยมีมา
เพราะจนป่านนี้ ยังไม่มีทีมไหนคว้าแชมป์ด้วยการเก็บได้ถึง 100 แต้มมาก่อน และพวกเขาคือทีมเดียวด้วย ที่ป้องกันแชมป์ได้ 2 ปีซ้อนในช่วงทศวรรษหลังสุด
สิ่งที่ ดาบิด ซิลบา มอบให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มันมากพอที่เราจะบอกได้ว่า เขาคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด ในประวัติศาสตร์ของสโมสร
เขาคือนักเตะที่เชื่อมั่นในความฝันของทีม ว่าจะพัฒนาจากจุดเริ่มต้นไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้ และอยู่รับใช้ทีมนานนับทศวรรษโดยไม่คิดย้ายไปไหน และรักษาระดับผลงาน และความทะเยอทะยานเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
1
และเพราะแบบนั้นนั่นแหละ ทำไมนักเตะคนนี้ ถึงคู่ควรแล้วกับการมีอนุสาวรีย์ แม้จะยังไม่แขวนสตั๊ดก็ตาม….
#เสียบสามเหลี่ยม #DavidSilva #Silva #ManCity #MCFC #PremierLeague
ชอบกดไลค์ ถูกใจกดแชร์ และเพื่อไม่พลาดบทความคุณภาพจากเรา อย่าลืมกดไลค์เพจ และติดตามเพจแบบ See First ไว้เลยนะครับ
..สนใจติดต่อลงโฆษณา, สนับสนุนเพจ ติดต่อจ้างงานเขียนบทความฟุตบอล งานแปลข่าว เขียนสคริปต์สำหรับ Content ฟุตบอล หรือแปลหนังสือฟุตบอล ทักอินบ็อกซ์ สอบถามได้ตลอดเวลาครับ
โฆษณา