Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ผิดเป็นครู
•
ติดตาม
20 ต.ค. 2020 เวลา 04:26 • ธุรกิจ
สัญญาลูกผู้ชาย
ทายกันเล่นๆว่าท่านนายกกำลังร้องเพลงอะไร cr.workpointnews
วัฒนธรรมการรับปากด้วยวาจาของโลกในยุคปัจจุบัน มีแนวโน้มเสื่อมลงไปวันแล้ววันเล่า ในอดีตกาล หากมีการตกลงทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปแล้ว มีฝ่ายหนึ่งผิดต่อคำสัญญาดังกล่าว ก็จะถูกสังคมรอบข้างประนามหรือถูกโทษทางสังคม หรือแม้แต่ตัวผู้ผิดสัญญาเอง อาจลงโทษตัวเองด้วยวิธีการต่างๆ แต่ทุกวันนี้ หากมีการผิดคำพูดต่อกัน ฝ่ายที่ผิดกลับ เมินเฉยต่อสิ่งที่ตัวเองทำลงไป หรือใช้ขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อยืดระยะเวลาหรือสร้างหลักฐานต่างๆให้ตน เป็นฝ่ายถูกเสียเอง สิ่งเหล่านี้เกิดจากระดับศีลธรรมในตัวบุคคล เสื่อมถอยลง
ปัญหาเหล่านี้ หากกระโดดมาทำการค้าแล้ว ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นเป็นอันขาด หลายๆคนอาจคิดว่าเดี๋ยวนี้เค้ามีสัญญาซื้อขาย มีเอกสารหลักฐานกันแล้ว เรื่องแบบนี้ควรเกิดขึ้นน้อยลงรึเปล่า
แต่ในความเป็นจริง ในระดับการค้าขายที่มีมูลค่าไม่สูงมาก คู่ค้าทั้งสอง ก็เลือกที่จะความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ในการตกลงทำกิจกรรมใดๆก็ตาม ไม่ผิดที่เราจะไว้ใจหรือเชื่อใจคู่ค้าของเรา แต่ด้วยประสบการณ์ของผมแล้วนั้น ทุกอย่างต้องมีสัญญา เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น!!! ด้วยเหตุผลดังนี้
1. รายละเอียดของงาน(scop of work) เราไม่สามารถจดจำมันได้ทั้งหมดด้วยคำพูดเช่น ราคาดังกล่าวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มหรือยัง อันนี้เจอบ่อยสุด หรือ ราคานี้ เป็นต่อเมตร หรือต่อ ตารางเมตร และอีกมากมาย
2. การสื่อสารที่ผิดพลาด (Miss comunicate) ขณะพูดคุยกันนั้น มีเสียงดังมีสิ่งรบกวน หรือแม้กระทั่งตกลงการผ่าน Application ต่างๆด้วยการผิด ทำให้ผู้รับสารกับผู้ส่งสาร เข้าใจในเรื่องดังกล่าวไม่ตรงกัน
3. ไม่มีทางออกหรือข้อตกลงหากเกิดเหตุการณ์ ไม่คาดคิด ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีเจตนาจะทำผิดคำสัญญากัน แต่ดันเกิดม็อบมาผิดถนน ไม่สามารส่งสินค้าได้ เกิดน้ำท่วมสินค้าเสียหาย ไฟดับโรงงานเดินเครื่องไม่ได้ เรื่องทางออกบอกได้เลยว่าสำคัญมาก เพราะที่ทะเลาะกันจนถึงขั้นมีการวิวาทหรือแม้กระทั่งฆ่าแกงกันนั้น ก็ด้วยไม่มีสัญญาที่ระบุทางออกเอาไว้ ว่าหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สามารถทำตามสัญญาได้ มีขั้นตอนอย่างไร มีค่าปรับอย่างไร ซึ่งตรงนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดแต่ถ้าเกิดแล้วต้องมีทางออก และจะบรรเทาปัญหาลงไปได้มากเลยทีเดียว เหตุผมแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ที่จะต้องมีการทำสัญญาต่อกัน
เรื่องมีอยู่ว่า ผมได้สัญญาก่อสร้างมูลค่าหลักแสนบาท จากรุ่นน้องคนนึง ซึ่งในโครงการนั้นถือเป็นเซี้ยวเดียวของมูลค่างานทั้งหมด หลังจากได้พูดคุยรายละเอียดงานกันแล้วนั้น ผมก็ได้จัดทำข้อตกลงของงานนั้นขึ้นมาแบบครบถ้วน รายละเอียดของงาน ระยะเวลา ราคา วิธีการส่งมอบงานและการเก็บเงิน มาทราบในภายหลังว่า เกิดความไม่พอใจผมขึ้นด้วยความรู้สึกว่าไม่ไว้ใจกัน และคำพูดคลาสสิค “งานแค่นี้ผมไม่โกงคุณหลอก” จนเลยเถิดทำให้การเปิดงานล้าช้า แต่พอผมได้อธิบายความจำเป็นของการทำสัญญา ไม่ว่ามันจะเป็นเงินมากน้อยเพียงไหน เงินก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ขั้นตอนการทำงาน วัสดุที่ใช้ หรืออะไรต่างๆนาต้องระบุกันให้ชัดจะได้ไม่ทะเลาะกันภายหลัง เรื่องถึงสงบจบลงไปได้
ผมฝากเป็นข้อคิดให้ทุกท่านๆที่กำลังจะทำการค้าขายทำธุรกิจไม่ว่าจะกับญาติพี่น้องหรือใครก็ตาม ต้องให้ความสำคัญกับการทำสัญญาด้วยนะครับ และถ้าหากคู่ค้าคุณรู้สึกไม่ดีต่อคุณหรือมีคำพูดว่า คุณไม่ไว้ใจเค้า ผมแนะนำให้ เลี่ยงที่จะค้าขายกับคนแบบนี้โดยทุกประการ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้สัญญาที่มีต่อกันต้องเข้มข้นกว่าเดิมอีกครับ ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย