21 ต.ค. 2020 เวลา 14:35 • ปรัชญา
สงครามโลก ครั้งที่ ๓..เมืองไทยจะเป็นมหาเศรษฐี
*หลวงพ่อพระราชพรหมยานฯ~หลวงพ่อฤาษีลิงดำ.. เล่าให้ฟัง*
เรื่อง.* สงครามโลก ครั้งที่ ๓..เมืองไทยจะเป็นมหาเศรษฐี *
..." ท่านสาธุชนพุทธบริษัท.. วันนี้ก็ยังเป็น วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๓๓ ตามเดิม แต่ว่าพูดเป็นตอนที่ ๒.
.. ตอนนี้ขอพูดถึงตอนที่ไทยจะเป็นมหาเศรษฐี ถ้าสงครามโลกเกิดขึ้น ท่านทั้งหลายคิดออกหรือยังว่าสงครามโลกเกิดขึ้น และมันก็ไม่ได้เกิดกับประเทศไทยโดยตรง มันเกิดภายนอกประเทศ นอกเขตของไทย เป็นอันว่า ลูกปืนก็ไม่มาถึงประเทศไทย เครื่องบินก็ไม่มาถึงประเทศไทย.
* แต่ต้องระวังจรวด เรื่องจรวดนี่ต้องระวังกันหน่อย เพราะจรวดมันมาจากใต้น้ำได้ มันยิงทางไกลได้ ถ้ามันจะเกิดขึ้นบ้าง ก็เป็นขนาดย่อม ๆ ตามจุดต่าง ๆ เป็นจุดเล็ก ๆ อาจจะโผล่จุดนี้บ้างจุดนั้นบ้าง
.. เป็นการทำให้รวน กำลังของทหารรวน แล้วจะตั้งกลุ่มขึ้นบางจุด เป็นกลุ่มใหญ่หน่อย ก็ไม่มีอะไรน่าหนักใจ.
* ก็รวมความว่า : สงครามโลกไม่มีเรื่องหนักใจ ในเรื่องการตายของเรา เรื่องรังสีของวิทยาศาสตร์ รังสีต่าง ๆ ไม่ต้องวิตกกังวล
.. ขอยืนยันว่า : บุคคลที่นับถือพระพุทธเจ้า จะไม่ตายเพราะรังสีต่าง ๆ ตามที่บอกมาแล้ว.
* ทีนี้ความร่ำรวยอะไรมันจะเกิดขึ้นบ้าง ประการแรก ขอบอกว่าเรื่องน้ำมันจะเป็นเหตุให้รวย เพราะว่าทุกประเทศต้องใช้น้ำมัน.
.. และอีกประการหนึ่ง นั่นก็คือว่า ถ้าสงคราม โลกเกิดขึ้นจริง ๆ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เข้าสงครามโลกโดยตรง แต่ว่าทหารของประเทศบางประเทศ จะต้องยกเข้ามาตั้งในจุดใดจุดหนึ่ง ของประเทศไทย.
* เวลานั้นเราก็ขายน้ำมันให้เขา เราก็รวย ถ้ามีกองทหารอื่นเข้ามา มันจะดีหรือไม่ดี นี่ก็เป็นเรื่องของการเมือง.
.. แต่มีความจำเป็นเกิดขึ้น ก็ต้องยอมรับ ถ้ามีการยอมรับ รายได้ต่าง ๆ ของประชาชน ก็เกิดขึ้น.
.. ทีนี้ รัศมีสงคราม.. ในเมื่อมันไม่ถึงประเทศไทย เราก็ไม่มีความลำบาก.
* บรรดาท่านที่ทำนาทั้งหลาย ท่านที่มีนา อย่าเพิ่งขายนา ในราคาแพงมากนัก คือ ขายก็ขายเถอะ แต่อย่าขายให้มันหมด ก็มีคนหลายคนมาบอกว่า มีที่ ๒๐ ไร่บ้าง ๓๐ ไร่บ้าง ๕๐ ไร่บ้าง ๑๐๐ ไร่บ้าง.
.. อยากจะขาย ขายได้ไร่ละเป็นล้าน นี่ก็เห็นใจเหมือนกัน ความจริงเงินนับล้านเป็นของหายาก ก็เห็นใจ เขาอาจจะตั้งตัวอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ถ้าไม่ลืมตัว.
.. แต่ว่าบางท่านที่ไม่มีโอกาสจะขายนาของท่านได้ นาของท่านอยู่ไกลที่เจริญ อยู่ไกลแม่น้ำ ไกลถนน ถ้าเขาจะซื้อ ก็ซื้อราคาถูก ท่านก็ไม่อยากจะขาย ท่านจะขายราคาแพง ในที่สุดท่านก็ไม่มีโอกาสจะขาย.
.. ในเมื่อเวลานี้ ไม่มีโอกาสจะขาย ท่านอาจจะเสียดายว่า ที่นาของเราไม่ได้ขาย เราไม่รวย.
* แต่ทว่า ถ้าสงครามโลกเกิดขึ้นจริง ๆ ท่านจะดีใจ เพราะนาท่านไม่ได้ขาย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะข้าวของท่านที่ออกมาราคามันแพง มันจะขายได้ดี ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็จะแพงกันหมด.
.. ดูสงครามโลกครั้งที่๒ ทุกสิ่งทุกอย่างมันหายาก ยิ่งเขายิ่งรบกัน โอกาสที่เขาจะทำมันก็มีน้อย เขาต้องใช้เวลารบกันมากขึ้น ทีนี้เราก็ขายได้ดี.
* มาส่วนด้านของ "อุตสาหกรรม" อุตสาหกรรมก็มีมาก แต่ว่าอุตสาหกรรมก็ต้องระวังโรงงาน โรงงานต่าง ๆ ต้องระวังระเบิดภาคพื้นดิน ไม่ใช่ระเบิดจากอากาศ ระเบิดภาคพื้นดินจะอาละวาด.
.. ถ้าจะถามว่า หาทางป้องกันอย่างไร นี่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร หรือท่านเจ้าของโรงงาน.
** ทางด้านพุทธศาสนาก็มี บอกไม่ได้ จะบอกได้อย่างไรว่า เรานับถือพระพุทธเจ้าเท่ากันหรือเปล่า.
.. ถ้านับถือเท่ากัน ก็เอาของที่ท่านให้ไว้ ท่านให้ไว้นั่นก็คือ ความดี ของดีถ้ามีไว้ ในรัศมีนั้น จะไม่มีอันตรายจากภัยระเบิด และภัยโจมตีต่าง ๆ จะไม่เกิดขึ้น เหมือนกับสมัยมี ผ.ก.ค. ในที่ต่าง ๆ เคยถูกโจมตี.
.. และเจ้าของสถานที่นั้น เจ้าหน้าที่ในที่นั้น เกิดมีความเคารพพระพุทธเจ้าขึ้นมา มีของอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสัญลักษณ์แสดงไว้เป็นเขต ในเขตนั้นปรากฏว่า ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ไม่เคยถูกโจมตี หรือข้าศึกยิงเข้ามา ก็ไม่เข้าสถานที่ตรงหน้าไม่เข้าฐาน เป็นอันว่า ทหารในเขตนั้นก็ปลอดภัย.
~ ข้อนี้เป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่า ~
* ถ้าเรานับถือพระพุทธศาสนาจริง และยอมรับนับถือพระพุทธเจ้าจริง สิ่งใดที่ท่านให้ไว้ สิ่งนั้นเราเคารพด้วยความจริงใจ แล้วทุกท่านจะปลอดภัยจากสงครามโลกครั้งที่ ๓ *
.. ทีนี้ถ้าโรงงานต่าง ๆ มีความเคารพพระพุทธเจ้าด้วยความจริงใจจริง ๆ โรงงานนั้น ๆ จะพ้นอันตรายจากระเบิด และการทำอันตรายต่าง ๆ จากสรรพาวุธ จะไม่เกิดขึ้นกับโรงงานนั้น.
.. โรงงานนั้นในเมื่อผลิตของได้ ก็จะขายดี รวย เขารบกัน เขาไม่มีเวลาทำ เรามีเวลาทำ เพราะเราไม่ต้องรบ เขาต้องสูญ ต้องเสียเงินเพื่อการรบ
.. การรบต้องใช้เงินมาก เราไม่ต้องสูญเสียเงินเพราะการรบ เราก็ขายของของเรา ในเมื่อของมันขาด ราคาก็แพง ในเมื่อขายของได้ราคาแพงมาก รัฐบาลก็ได้ภาษีอากรมากขึ้น ประเทศก็รวย คนในประเทศก็รวย.
* นี่ พูดถึงความร่ำรวย ที่ไทยจะเป็นมหาเศรษฐี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำมันตามจุดต่าง ๆ ที่บริษัทเขาเจาะไว้ เขาบอกว่า มันไม่พอใช้ มันก็จะปรากฏขึ้น เพราะเราไม่มีโอกาสซื้อน้ำมันต่างประเทศ ถ้าน้ำมันต่างประเทศจะซื้อได้ยาก ราคาแพงอันนี้เขาจะดึงขึ้นมาใช้ ราคาเหมือนราคาต่างประเทศ อย่างนี้อุตสาหกรรมของเราก็จะรวยไม่ได้.
.. ถ้าบังเอิญคนไทย อย่างที่ "ฝาง" ใช้หัวเจาะลึก ๆ หัวเจาะยาว ๆ เจาะลงไปลึก ๆ แต่ตามหลักนักวิชาการเขามีอยู่ อาตมาก็ไม่ได้ค้านตามนั้นนะ ลองเจาะดู.
.. ตามที่ "ดร.สรรพศาสตร์" ท่านพูด ดร.สรรพศาสตร์ท่านบอกว่า : ที่ใดก็ตาม เจาะลงไป มันจะมีน้ำมัน แต่ว่าผิวดินมันจะลึก จะตื้นกว่ากันนั่นอีกอย่างหนึ่งต่างหาก เท่าที่เขาเจาะเวลานี้ ยังไม่ถึงขุมน้ำมันจริง ๆ มันไปถึงต่อมเล็ก ๆ บนหลังถังของน้ำมัน ยังไม่ถึงขุมน้ำมันแท้.
* ถ้าใช้หัวเจาะประมาณ ๖ กิโลเมตร อย่างอังกฤษเจาะอย่างนี้ไม่ต้องใช้กี่บ่อแล้วเพียงแค่ ๑๐ บ่อ ดึงกันวันไม่รู้จักเท่าไร เท่าไรก็ไม่รู้จักหมด.
* เราใช้ประมาณ ๓๐ เท่า หรือ ๓๐๐ เท่า ของเวลานี้สัก ๑,๐๐๐ ปี มันก็ไม่หมด เพราะมันเป็นทะเลใหญ่ "ดร.สรรพศาสตร์" ท่านพูดอย่างนี้นะ : ถ้าบังเอิญคนไทยของเราดึงขึ้นมาได้เอง เราก็กดราคาน้ำมันให้ต่ำลงไป.
.. อย่างแพงที่สุดก็เท่าราคาน้ำมันในปัจจุบัน รักษาราคาน้ำมันไว้ ต่างประเทศเขาต้องซื้อแพง เราถูก อุตสาหกรรมของเราก็มีราคาถูกขายก็ได้กำไร กำไรก็จะมีมาก กำไรจากอุตสาหกรรมด้วย กำไรจากเกษตรกรรมด้วย กำไรจากน้ำมันด้วย และก็จะมีกำไรมากมาย *ประเทศไทยก็จะเป็นมหาเศรษฐี* ทีนี้ต่อไป มันก็มีเวลาเหลือ
.. บรรดาท่านพุทธบริษัท ก็มาคุยกันว่า : ถ้าสงครามโลกไม่เกิด จะว่าอย่างไร ก็ต้องตอบว่า ถ้าสงครามโลกไม่เกิดก็เป็นของดี แต่ว่าท่าน "ดร.สรรพศาสตร์" นี้ก็เช่นเดียวกัน ท่านบอกเขาไม่เรียกสงครามโลก เขาเรียกสงครามใหญ่ มันเป็นสงครามใหญ่ ไม่ใช่สงครามโลก.
.. ก็เป็นอันว่า ถึงแม้จะเป็นสงครามโลกก็ตาม สงครามใหญ่ก็ตาม ถ้ามันเกิดขึ้นจริง เราก็เอาบทเรียนจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ มาใช้กัน.
~ อันดับ ๑. ผ้าในสมัยนั้น หาคนนุ่งผ้าดีได้ยาก ส่วนมากก็จะมีคนนุ่งผ้าขาด ๆ เพราะเวลานั้นโรงงานทำผ้าของเรายังมีน้อย แต่เวลานี้โรงงานทำผ้าของเรามีมาก แต่ก็ไม่แน่นอนนัก.
.. BOMB ..บางทีระเบิดเพลิง จะเกิดจากภาคพื้นดินก็ได้ ถ้าระเบิดเพลิงจากภาคพื้นดินเกิดกับโรงงาน โรงงานทำผ้าของเราก็จะสลายตัว ผ้าก็จะน้อย.
.. อันดับแรก เตรียมผ้าไว้ก่อน.
~ อันดับที่ ๒. เตรียมพื้นดินไว้.
.. ถ้ามีอยู่บ้าง ไม่มากไม่มาย ก็อย่าเพิ่งรีบขายเกินไป ถ้าได้กำไรมาก ๆ เป็นล้าน ๆ ก็ไม่ว่าอะไร ขายเถอะ แล้วเก็บเงินไว้ให้ดี อย่าใช้ให้มันหมดตัว.
.. จงคิดว่า : ถ้ามันหมดตัวแล้ว เราไม่มีทางจะหาที่ดินมาขายได้ใหม่ ..
* ประการที่ ๒ ก็เตรียมเนื้อ เตรียมกายเตรียมใจ เตรียมใจไว้นึกถึงความจริงตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนว่า :--
.. " โลกเต็มไปด้วยความทุกข์ โลกไม่มีความสุข โลกเป็นอนิจจัง หาความเที่ยงไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นอนิจจัง มันก็เป็นความทุกข์ ในที่สุดก็เป็นอนัตตาตายหมด "
.. ถ้ามันเป็นอย่างนั้น ก็ไม่เป็นไร ความจริงเป็นอย่างนั้น ถ้าเรายอมรับก็ไม่เป็นไร ถ้าจิตยังไม่ยอมรับ มันก็มีความดิ้นรน มันก็มีความเร่าร้อน ถึงจะดิ้นรน จะเร่าร้อนขนาดไหนก็ตาม เราก็จะหนีไม่พ้น.
.. ในเมื่อหนีไม่พ้น เราก็ต้องทนสู้ ทนสู้กับภาวะของสงคราม ทีนี้เราจะสู้กับใคร เราก็สู้กับตัวเราเอง นั่นคือ ต้องใช้น้อย กินน้อย นอนมาก ๆ และตื่นไว ๆ
.. ใช้กำลังร่างกาย ทำการงานให้ดี ไอ้พูดอย่างนี้ก็พูดเรื่อยเฉื่อยไป เป็นอันว่า ตามคำพยากรณ์ของ "ดร.สรรพศาสตร์" ท่านบอกว่า : ประเทศไทยจะเป็นมหาเศรษฐี แล้วคนไทยทุกคน จะเป็นมหาเศรษฐีไหม..?
.. ก็ต้องขอตอบว่า คนไทยทุกคน ไม่เป็นมหาเศรษฐีทุกคน แต่ว่าก็มีคนจำนวนมาก ก็จะเป็นลูกศิษย์ของมหาเศรษฐี.
.. คือ เป็นคนงานของมหาเศรษฐี เราก็จะเป็นเศรษฐีเล็ก ในครอบครัวเล็ก ๆ ได้เหมือนกัน.
* สมมติว่า ครอบครัวใดยังไม่เคยมีเงินล้าน ครอบครัวเล็ก ๆ ประเภทนั้นจะมีเงินล้านใช้.
.. ประเภทครอบครัว ที่มีเงินแสนใช้ ต้องถือว่า เป็นครอบครัวที่ยากจนมาก.
.. ถ้าบ้านไหนมีเงินล้านใช้ ถือว่าเป็นบ้านที่พอมี พอกินพอใช้ พอหาได้เลี้ยงตัวรอด.
.. ที่มีเงินเหลือเป็นแสน ก็ถือว่าเลี้ยงตัวรอดเหมือนกัน.
.. ที่ได้มาอย่างนี้เพราะว่า เรามีกำไรจากสงคราม แต่เราไม่อยากให้เกิดสงคราม.
* ทีนี้มาพูดอีกทีหนึ่ง ที่ "ดามุส" ท่านบอกว่า : ศาสนาคริสต์จะสลายตัว แต่ศาสนาอิสลาม ท่านไม่ได้บอกว่า จะสลายตัวหรือเปล่า.
* แต่ว่าพระพุทธเจ้าเคยตรัสบอกว่า : ถ้าสงครามเกิดขึ้น หลังกึ่งพุทธกาลแล้ว..
.. องค์สมเด็จพระประทีปแก้วกล่าวว่า : ยักษ์นอกพุทธศาสนา จะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน จะตายไปฝ่ายละครึ่ง จึงจะเลิกรากัน.
.. ตอนนี้ ด้านศาสนาของเขา ก็จะมีการหย่อนตัวลงไป เพราะความทุกข์ความเศร้าโศกเสียใจ ความเสียหายเกิดขึ้น ตายไปฝ่ายละครึ่ง นี่ไม่ใช่เล็กน้อยนะ บรรดาท่านพุทธบริษัท การเชื่อพระเจ้าจะน้อยลง.
.. หรืออาจจะสลายตัวอย่างท่านดามุส บอกก็ได้.
* ทีนี้มาพูดถึงพุทธศาสนาบ้าง ทางพุทธศาสนา ถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้นจริง ๆ ทางพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองขึ้น.
.. ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่า พุทธศาสนาจะรุ่งเรืองได้ จะมีความอุดมสมบูรณ์ได้ เพราะคนเห็นทุกข์ ในเมื่อคนเห็นทุกข์ ก็ยอมรับนับถือศีลธรรมมากขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งนักบวชฝ่ายปฏิบัติ.
.. สำหรับฝ่ายปริยัติ นั่นก็อีกฝ่ายหนึ่ง ต่างหาก คือท่านเรียนแต่ท่านยังไม่ได้ทำ เรียนรู้ จะถือว่าไม่ดีไม่ได้ ท่านก็ดี ท่านมีความรู้ ความรู้ในด้านปริยัติก็จะเจริญขึ้น ความสามารถในด้านปฏิบัติก็จะเจริญขึ้น.
* ในช่วงนั้นอาจจะมี พระที่ได้อภิญญา หรือว่านักปฏิบัติที่เป็นฆราวาส ที่ได้อภิญญาเกิดขึ้น.
.. ถ้ามีนักอภิญญา เกิดขึ้นนี่ บรรดาท่านพุทธบริษัท อันตรายต่าง ๆ จะเกิดขึ้นได้น้อยเต็มที เพราะอาศัยอภิญญาช่วย.
.. และนอกจากนั้น ความเจริญรุ่งเรือง ทางด้านจิตใจของเรา ก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก เพราะเราไม่เสียหายมาก เรามีความสุข.
* ในเมื่อเขาเลิกรบกัน เขาก็ขาดเกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารการบริโภค เขาก็ขาด เราก็ขาย.
.. เครื่องมือเครื่องใช้เขาขาด โรงงานประเทศไทยของเราเวลานี้มีมาก เราก็ขาย.
* รวมความว่า ทุกอย่างมันก็จะมีแต่ความก้าวหน้า จะมีความร่ำรวย..
.. ดูตัวอย่างประเทศเยอรมัน กับ ประเทศญี่ปุ่น.. เมื่อหลังสงครามโลก ถูกบังคับห้ามไม่ให้มีทหาร พอ ๒ ประเทศนี้ไม่มีทหารขึ้นมา ไม่ต้องเสียเงินค่างบประมาณทหาร เพราะว่างบประมาณทหารต้องเสียมาก.
.. เรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ต้องเตรียม เตรียมไว้บางทีไม่ได้ใช้ ล้าสมัยต้องซื้อใหม่ ของเก่าก็เก็บไว้ หรือว่าขายไปทีนี้ในเมื่อไม่ต้องเตรียมการรบ ไม่ต้องเตรียมทหาร งบประมาณก็เหลือใช้ ประเทศก็มีความร่ำรวย.
.. ประเทศไทยเราก็ฉันนั้น ในสมัยเมื่อเขารบกัน เราก็พยายามประวิงทุกอย่าง อย่าให้มีการรบ ถ้ามันมีความจำเป็นจริง ๆ ก็จำกัดสถานที่รบ.
.. นั่นหมายความว่า สงครามใหญ่ไม่มีใครเข้ามา ในประเทศไทย พวกเขาตีกันทางโน้น เขาไม่ตีมาทางนี้ เขาอาจจะตีไปทางยุโรป ตีไปทางเมริกา เขาไม่ตีมาถึงประเทศไทย.
.. แต่ว่า ประเทศไทยก็ต้องมีส่วนร่วม ส่วนร่วมในความทุกข์ ที่จะเกิดจากสงคราม ทีนี้ ในเมื่อเขาไม่ตีเข้ามาถึง เราก็มีความอุดมสมบูรณ์.
* แต่ทั้งนี้ขอทิ้งท้ายไว้นิดว่า ตีเล็กมีนะ ตีใหญ่น่ะไม่มี
มีแต่ตีเล็ก ก่อกวนสงคราม ก่อกวน.. จะมีเป็นของธรรมดา ทั้งนี้ก็ต้องเชื่อความสามารถของรัฐบาล และทหารตำรวจ.
* เราสามารถจะควบคุมความสงบสุขไว้ได้ เหตุต่าง ๆจะเกิดขึ้น จะไม่พ้นวิสัยของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ จะสามารถปราบปรามได้ ถ้าถามว่า เขาใช้รัศมีอาวุธเคมี ใช้รังสีต่าง ๆ ก็ขอตอบว่า เป็นเรื่องเล็ก ๆ พุทธศาสนาป้องกันได้แน่.
* อันนี้ขอยืนยันจะเป็น "นิวตรอน" .. "นิวเคลียร์" นิวอะไรก็ตามเถอะ ขอยืนยันว่า : พุทธศาสนาป้องกันได้แน่.
.. แต่ว่า ทั้งนี้ท่านทั้งหลายต้องไปหา จากพระที่เป็นนักปฏิบัติทางด้านจิตใจ ที่ท่านเข้าถึงฌานโลกีย์ทรงตัว และก็ทรงความเป็นอภิญญา.
* ถ้าถามว่า เวลานี้จะหาที่ไหน ก็ต้องขอตอบว่า เวลานี้อย่าเพิ่งหา อาจจะมีอยู่ที่ไหนบ้างก็ได้ แต่ไม่มีใครเขาบอกกัน.
.. ถ้าถึงเวลานั้นจะปรากฏตนเอง ท่านจะแสดงออกมา ให้เห็นถึงความปลอดภัย ว่า : ท่านสามารถจะป้องกันได้.
* ถ้าท่านองค์ไหน จะเป็นพระก็ดี จะเป็นฆราวาสก็ดี ไม่ได้หมายความว่าพระเสมอไป ฆราวาสที่มีความสามารถ ก็มีมาก ก็สามารถจะป้องกันได้ สามารถจะทำได้ ก็พึ่งท่านนั้น ท่านต้องให้เป็นที่พึ่งแน่นอน.
.. ทั้งนี้เพราะว่า ถ้าหากว่าเราทั้งหลายตายกันหมด ท่านก็ตายเหมือนกัน ท่านอดตาย เพราะว่าท่านต้องอาศัยพวกเรากิน พวกเราหากินหาใช้เหลือ เราก็ให้ท่าน.
* อย่างสมมติว่า : ถ้าพระบิณฑบาต เราก็ถวายพระ ถ้าชาวบ้านอด ชาวบ้านตายหมด พระก็ตาย เพราะไม่มีใครจะให้.
* ข้อนี้ฉันใดเวลานั้นก็ตาม ท่านที่ทรงอภิญญา จะเป็นพระก็ตาม จะเป็นฆราวาสก็ตาม ไม่มีใครปกปิดความสามารถ.
.. สามารถจะป้องกันรังสีต่าง ๆ ได้และป้องกันสรรพาวุธได้ ตามกำลัง แต่บุคคลที่ต้องตายไปบ้าง นั่นก็หมายถึงว่า บุคคลที่มีอายุถึงอายุขัย.
.. บุคคลที่มีอายุถึงอายุขัยนี่ เราป้องกันไม่ได้ มันมีความจำเป็น คนประเภทนี้ จะรบก็ตาย ไม่รบก็ตาย นอนเฉย ๆ ก็ตาย กินข้าวอยู่ก็ตาย นอนหลับก็ตาย คุยกันก็ตายเพราะถึงอายุขัย เวลานั้นมันต้องตาย.
* ก็รวมความว่า ประเทศไทยไม่ต้องหนักใจ ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกคน ยอมรับนับถือความดีของพระพุทธเจ้าไว้.
.. ความดีที่พระพุทธเจ้าให้ไว้ ก็มี ๔ อย่าง เอาสักสอง.
.. ๔ อย่าง ให้เป็นการใบ้หวยเลยนะ ๔ ที่หนึ่งก็เอาอย่างง่าย ๆ คือ..
* สังคหวัตถุ ๔ * คือ..
๑. ทาน~การให้.. ให้มีการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันเข้าไว้ สร้างความรักเข้าไว้ อย่าสร้างศัตรู การให้ทานเป็นการทำลายล้างศัตรูไม่ให้เกิดศัตรูขึ้นมา เพราะเราบุคคลผู้รับ ย่อมรักในบุคคลผู้ให้.
ประการที่ ๒.. ปิยวาจา~พูดดี.. พูดให้คนที่รับฟังมีความสุขจากคำพูดของท่าน เขาก็จะรักเรา ในเมื่อเขารักเรา เราก็มีความสุข.
ประการที่ ๓.. ช่วยเหลือการงานซึ่งกันและกัน.. ถ้าเขาเกินวิสัยเราช่วย เขาก็จะเกิดความรัก.
ประการที่ ๔.. เราไม่ถือตัวไม่ถือตน.. การไม่ถือตัวไม่ถือตน จัดเป็นปัจจัยให้เกิดความรัก อันนี้เป็นความดี ที่พระพุทธเจ้าให้ไว้ เป็นอันดับแรก.
.. รักษากฎ ๔ ประการนี้ได้ บรรดาท่านทั้งหลาย เราจะมีแต่คนรัก เราจะไม่มีคนเกลียด.
.. ทีนี้ถ้าจะถามว่า : ในเมื่อเขาประกาศสงครามกัน เขาไม่รู้จักกัน เขายิงจรวดมา จะทำอย่างไร มันก็เป็นของไม่ยาก.
* เขาจะยิงมาหรือไม่ยิงมา เราก็ภาวนา "พุทโธ" ไว้ จิตใจยอมรับนับถือพระพุทธเจ้าโดยตรง สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าทำไว้ ท่านให้ไว้เรานับถือด้วยความจริงใจสิ่งนั้น ท่านทั้งหลาย จะป้องกันอันตรายท่านได้อย่างแน่นอน.
.. และประการต่อไปอีก ๔ อย่าง ก็คือ * พรหมวิหาร ๔ *
๑. เมตตา~ความรัก.. สร้างความรัก ทำจิตให้เกิดความรักทั้งคน และสัตว์ทั้งโลก ถือว่า เราเป็นมิตรกัน.
ประการที่ ๒ มีความสงสาร.. คอยเกื้อกูลกันไว้เสมอ อย่าเห็นแก่ตัว.
ประการที่ ๓ ยินดีเมื่อบุคคลอื่นได้ดี.. ไม่อิจฉาริษยาใคร.
ประการที่ ๔ เมื่อบุคคลนั้นถึงอายุขัย.. ต้องตายเพราะอาวุธต้องตายตามกาลเวลา เราก็วางเฉย.
* ในเมื่อมีความดี อีก ๔ ประการอย่างนี้แล้ว บรรดาท่านพุทธบริษัททุกคน จะปลอดภัย.
.. อย่าลืม "สังคหวัตถุ ๔" เป็นความดีเล็กน้อย ความดีขั้นต้น ..
.. "พรหมวิหาร ๔" เป็นความดีสูงสูด คือ..
เมตตา~ความรัก..
กรุณา~ความสงสาร..
มุทิตา~มีจิตอ่อนโยน เห็นใครได้ดีพลอยยินดีด้วย..
อุเบกขา~วางเฉย.. เมื่อเหตุร้ายเกิดขึ้น ไม่สามารถจะยับยั้งได้ก็ทำใจวางเฉยไม่ดิ้นรน ยอมรับตามความเป็นจริง.
.. นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิง เวลาเหลือประมาณ ๕ นาที ก็คุยกันไปคุยกันมา.
* ย้อนถึงสงครามโลกครั้งที่ ๒ อีกสักนิดหนึ่ง ว่า : ทำไม ถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้น คนไทยจะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามากขึ้น.
.. จะชี้ตัวอย่างให้เห็นสักอย่างหนึ่ง เพราะสมัยนั้นผู้พูดอยู่ในกรุงเทพฯ คืนใดถ้ามีปกติเครื่องบินไม่มาทิ้งระเบิด เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ ตอนเช้าไปบิณฑบาต.
* เวลานั้นคนหนีระเบิดมาบ้านนอกกันมาก มาต่างจังหวัดกันมาก คนใส่บาตรมีน้อย พอกินแค่เช้า เพลไม่พอกิน แต่ว่าบังเอิญคืนไหนถ้ามีเครื่องบินมาโจมตีทิ้งระเบิด เวลาเช้าไปบิณฑบาต ปรากฏว่ามีคนใส่บาตรมากเป็นพิเศษ ไปไม่ทันถึงครึ่งทางก็เต็มบาตร.
.. ยามปกติไปจนสุดทาง แล้วก็เดินทางกลับ ยังไม่ถึงครึ่งบาตร แต่คืนไหนมีเครื่องบินมาโจมตี รุ่งเช้ามีคนทำบุญกันมาก.
.. จะเห็นว่า คนที่มีความรู้สึกว่า ชีวิตของเราใกล้ความตาย ไม่มีความประมาท คือเขาจะถือว่า เป็นการฉลองชีวิตที่เกิดใหม่ จากการโจมตีของข้าศึก ข้าศึกทิ้งระเบิดก็ทิ้ง ยิงกราดด้วยปืนกลก็ยิง แต่เขาก็ปลอดภัย จึงทำบุญกันใหญ่.
* ข้อนี้ฉันใด บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ในเมื่อสงครามใหญ่มันเกิดขึ้น เป็นสงครามที่น่ากลัว อาวุธในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ถือว่าเป็นอาวุธดีแล้วนะ ล้าสมัยไปแล้ว.
.. เครื่องบินสมัยนั้น เป็นเครื่องบินที่ดีที่สุด เวลานี้เขาเลิกใช้แล้ว เครื่องบินสมัยใหม่ เขาดีกว่าสมัยนั้นมาก อาวุธที่ใช้ใหม่ ดีกว่าอาวุธสมัยนั้นมากทีนี้ถ้าการสงครามเกิดขึ้น ข่าวคราวก็ย่อมถึงกัน.
.. เวลานี้มีทั้งวิทยุ มีทั้งโทรทัศน์ ถ่ายทอดจากดาวเทียม เราสามารถจะเห็นภาพได้ ในเมื่อเห็นการสูญเสีย ความตายเกิดขึ้น ความทุกข์ก็เกิดขึ้น จิตใจก็เริ่มเป็นกุศล.
.. เวลานั้นบรรดาท่านพุทธศาสนิกชน ก็จะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามากขึ้น เพราะกลัวตาย
.. สำหรับอีกด้านหนึ่ง ท่านนักปฏิบัติที่เจริญสมาธิจิต ก็จะเร่งรัดตัวเอง ให้ทำสมาธิให้ดีขึ้น.
.. โดยหวังอย่างเดียวว่า ถ้าตายแล้วไม่ขอเกิดใหม่ อย่างเลวที่สุด ตายจากความเป็นคน ไปสวรรค์ก็เอา หรือถ้าดีกว่านั้น ไปเป็นพรหมก็ดี ถ้าดีกว่านั้น ไปนิพพานได้ก็ดี ท่านจะเร่งรัดตัวเอง การเร่งรัดตัวเองประเภทนี้ กำลังใจก็จะมีสมาธิ.
* ในที่สุด 'อภิญญา' ก็จะเกิด ในเมื่ออภิญญาเกิด ก็จะใช้ผลของอภิญญาและญาณต่าง ๆ ที่ได้จากสมาธิ และวิปัสสนาญาณ เอามาช่วยบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ให้มีความสุขปลอดภัย.
.. เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย มองดูเวลาก็เหลือเวลานาทีเศษ ๆ ในตอนนี้ก็ขอสรุปว่า : *ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท อย่าลืมองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ เตรียมตัวตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปว่า เราจะบูชาพระทุกวัน นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อนหลับ ตื่นใหม่ ๆ นึกถึงพระพุทธเจ้า บูชาพระ*
.. บูชาพระ.. ถ้าว่าอย่างอื่นไม่ได้ ก็ว่า : นโม ตัสสะฯ ๓ หน ด้วยความเคารพในพระพุทธเจ้าจริง.. แล้วว่า :-
... พุทธัง สรณัง คัจฉามิ~ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง.
... ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ~ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง.
.. สังฆัง สรณัง คัจฉามิ~ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง.
- แค่นี้ก่อนหลับ และตื่นใหม่ ๆ ทุกวัน -
* บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ทุกท่านจะปลอดภัย และจะมีความร่ำรวย.
... เวลานี้ก็หมดเวลาแล้ว ขอลาก่อน.. *ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชน..ผู้รับฟัง และ ผู้อ่าน ทุกท่าน*
( จาก "หนังสืออ่านเล่น" โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยานฯ เล่มที่ ๑๘ ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี..ภาพประกอบ และคัดลอกโดย ยุพยง พัฒนเจริญ )
โฆษณา