21 ต.ค. 2020 เวลา 20:45 • ปรัชญา
ชีวิตก็เหมือนกับการก่อไฟ
วันนี้ก็เป็นอีกวันนึงที่ผมต้องทำการก่อไฟไล่ยุงให้สัตว์เลี้ยง เหมือนที่เคยทำมาตั้งแต่เด็กๆ สมัยก่อนเมื่อ30-40ปีที่แล้ว เมื่อก่อนเราไม่มีหรอกครับหลอดไฟไล่ยุง ยาจุดกันยุง หรือการกางมุ้งใ้ห้คอกปศุสัตว์ เพราะต้องใช้เงินเยอะพอควร สิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดก็คือการก่อไฟใช้ควันไฟนี่ล่ะครับไล่ยุง การก่อไฟฟังดูก็เหมือนง่ายแต่!...ทุกท่านครับใช่ว่าทุกคนจะก่อไฟติดจนเป็นกองไฟได้ นอกจากเด็กบ้านป่าขาดอนอย่างพวกผมซึ่งค่อนข้างจะชัวร์ว่าก่อไฟเป็นกันทุกคน ที่พูดนี้ผมได้เรียนรู้จากลูกตัวเองที่เขาเห็นผมก่อไฟบ่อยๆ วันนึงผมใช้ให้เขาก่อบ้าง ปรากฏว่าก่อยังไงก็ไม่ติดจนผมต้องมาช่วยสอน จับมือทำถึงก่อไฟเป็นมาจนถึงทุกวันนี้ นี่ว่ากันในวันอากาศแห้งๆนะ แล้วถ้าในวันฝนตกล่ะเราจะก่อไฟกันยังไงมันก็จะมีวิธีการที่สลับซับซ้อนขึ้นไปอีก
เอาล่ะครับเกริ่นกันมาซะยาว เดี๋ยวท่านทั้งหลายจะรำคาญกันซะก่อน มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เนื่องจาก4-5วันมานี้ทางอีสานบ้านผมพายุเข้า ฝนปรอยบ้างหนักบ้างตลอดทั้งวันทั้งคืน จนวันนี้ที่ฝนจากไปเปลี่ยนเป็นลมหนาวมาแทน แต่บรรดาฟืนทั้งหลายที่ผมต้องใช้ก่อไฟก็ยังชื้นอยู่ ทำให้การก่อไฟค่อนข้างยากนิดนึง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับมือโปรอย่างผมหรอกครับ แหะๆ ถือโอกาสโม้ซะหน่อย หลังกองไฟเริ่มติดมันก็ทำให้ผมเริ่มคิดถึง40ปี กว่าๆ ของผม (มีกว่าอีกนะ แต่กว่าเท่าไหร่อย่าไปรู้เลยคุณเดีํยวจะแก่กันซะเปล่าๆ ฮา) ว่าชีวิตคนเรามันก็เหมือนกับการก่อไฟ สิ่งสำคัญในการก่อไฟนั้นก็คือ
1.คุณต้องมีไม้ขีดจะแบบไหนก็แล้วแต่ อย่างทุกวันนี้ผมใช้ไฟแช็คอันละ5บาท ก็จะสบายหน่อย จะจุดบ่อยเท่าไหร่ก็ได้ แต่สมัยเด็กๆ บ้านป่าขาดอนอย่างพวกผมไฟแช็คนับเป็นสิ่งหายากหรือที่พวกวัยรุ่นอย่างลูกผมมันชอบเรียกว่า แรร์ไอเท็มนั่นละคุณ สมัยนั้นเราก็จะมีไม้ขึดแบบกล่อง (น่าจะตราพญานาคนะส่วนใหญ่) ที่เอาก้านไม้ขีดมาถูๆข้างกล่องแล้วติดไฟนั่นล่ะครับ มีบางวันเข้าป่าตีนเขาไปเลี้ยงควายแล้วดันฝนตกแล้วก็ด๊ันไม่ได้พกถุงพลาสติกไปด้วยพอตกเที่ยงจะก่อไฟปิ้งย่างmkสัตว์ป่าที่หามาได้สักหน่อย งานงอกล่ะครับทีนี้พี่น้อง ไม้ขีดดันชื้น แต่สุดท้ายเราก็ก่อไฟกันจนได้นะ แต่ที่นี้ไม่ขอเล่าเดี๋ยวจะยาว แล้วก็จะมีไม้ขีดอีกแบบ ที่ตัวเป็นเหล็กมีฝาปิดหัวท้ายเราเอานุ่นชุบน้ำมันก๊าดมายัดตรงก้นแล้วใส่ถ่านไม้ขึดตรงล้อหมุน ซึ่งถือว่าเป็นไม้ขีดระดับกลาง ประมาณว่าชนชั้นกลางนะ แบบนี้ก็จะเปียกชื้นยากหน่อย แต่ถ้าเปียกขึ้นมาก็เอวังเหมือนกันนะขอรับ ครับไม้ขีดก็คือต้นทุนชีวิตที่เราทุกคนต้องมี ใครต้นทุนดีหน่อยก็สบายหน่อย ใครต้นทุนต่ำอย่างผมลูกพ่อนาหมาเต่าก็จะลำบากกันหน่อย ต้องใช้ความพยายามสูงเพื่อให้ชีวิตมันติดไฟ แต่นั่นล่ะครับไม่ว่าคุณจะมีไฟแช็คหรือกล่องไม้ขีดถ้าคุณไม่มีในข้อถัดไปก็ใช่ว่าจะก่อไฟติด
2.สิ่งที่คุณต้องมีในข้อถัดมาก็คือ คุณต้องรู้ว่าต้องใช้ไม้แบบไหน ขนาดเท่าไหร่ในการเริ่มก่อไฟ เด็กบ้านป๋าอย่างพวกเราจะรู้ว่าจะต้องใช้ไม้อะไรในการก่อไฟเช่นไม้ลำปอ ต้นสาบเสือที่ตายแล้ว (ยิ่งตายมานานเท่าไหร่แล้วยิ่งดี) ปลายของต้นไผ่ต่างๆที่ตายแล้ว หรือแม้กระทั่งไม้พยุงที่ตายแล้วนั่นก็เป็นเชื้อเพลิงในการก่อไฟได้อย่างดีเลยนะครับ แต่สำหรับไม้พยุงเราจะต้องมาถากเป็นแผ่นบางๆก่อนรับรองว่าติดไฟโคตรดีเลยล่ะครับโดยไม่ต้องใช้น้ำมันอะไรมาราดเลย ชีวิตก็เหมือนกันต่อให้คุณมีต้นทุนคือไม้ขีดแล้ว แต่ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะใช้ต้นทุนที่มียังไงใช้ทำอะไรมันก็ลำบาก ถ้าคุณไปเลือกไม้ที่ติดไฟยากมาทำการก่อไฟมันก็เหมือนกับคุณไปหมกมุ่นทำอะไรที่มันให้ผลตอบแทนน้อยหรือไม่คุ้มค่าหรือเลือกทำอะไรที่คุณไม่ถนัดหรือไม่ชอบ ชีวิตก็จะก้าวหน้าน้อยหรือแทบไม่ก้าวหน้าเลยแต่ถ้าคุณรู้จักเลือกไม้ที่ติดไฟง่ายมาก่อไฟชีวิตมันก็จะไปได้เร็วกว่า หลังจากต้องรู้จักไม้ที่นำมาก่อไฟได้ง่ายแล้วคุณก็ต้องมารู้ในข้อถัดไปนะครับ
3.ขั้นตอนการก่อไฟ ผมสังเกตจากลูกของผมเองซึ่งแรกๆเขาก่อไฟไม่เป็น เขาก็จะจุดไฟขึ้นแล้วรีบเอาฟืนมากองสุมทับๆ เข้าไป จากนั้นก็รอให้ไฟมันติดซึ่งแน่นอนครับพอไฟไหม้ฟื้นเล็กๆซึ่งภาษาอีสานบ้านผมเรียกว่าไม้อ่อยไฟจนหมดมันก็จะดับไป เพราะฉะนั้นในการก่อไฟนั้นเราต้องเริ่มจากฟืนอันเล็กที่สุดก่อนอาจจะใช้ไม้ลำปอไม้สาบเสือที่ตายแล้วหรือปลายต้นไผ่ที่ตายแล้วอันเล็กๆขนาดเท่าดินสอหรือเล็กกว่ายิ่งดี หักมาหลายๆอันรวมกันสักกำมือหนึ่ง แล้วนำมาจุดไฟ พอไฟไหม้ดีแล้ว เราก็ต้องหาฟืนขนาดกลางมาวางทับค่อยๆวางลงไปทีละท่อน ฟืนขนาดกลางที่ว่านี้ก็คือขนาดใหญ่กว่าแท่งดินสอขึ้นไปแต่ไม่เกินขนาดเท่าหัวแม่เท้าค่อยๆวางลงไปให้ฟืนพวกนี้ติดไฟจนลุกโชนก่อน จากนั้นเราค่อยนำฟืนขนาดใหญ่เช่นขนาดเท่าแขนมาใส่กองไฟอีกทีนึงแต่การใส่ฟืนนั้นก็เหมือนเดิมนะครับอย่าใส่ทับกันจนทึบมองแทบไม่เห็นแสงไฟเลยนั่นจะทำให้อากาศถ่ายเทได้น้อยทำให้ติดไฟยาก และในระหว่างที่ก่อไฟนั้น หากกองไฟเริ่มจะริบหรี่ เราก็จะต้องคอยพัดเติมลมให้ไฟมันลุกโชนขึ้นมาเรื่อยๆไม่งั้นไฟก็จะดับ หรือที่เด็กบ้านป่าอย่างพวกผมถนัดมากที่สุดก็คือการใช้ลมปากนี่แหละครับเป่าไฟให้ลุกโชนขึ้นเรื่อยๆซึ่งก็ถือว่าเป็นการบริหารปอดในแบบนึง บางทีผมก็คิดเหมือนกันนะว่าที่เด็กรุ่นลูกทุกวันนี้เป็นหอบหืดกันเยอะส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ค่อยได้บริหารปอดเหมือนพวกเราหรือเปล่า ครับชีวิตคนเราก็เหมือนกันหากเราใจร้อนทำอะไรอยากสำเร็จเร็วๆ รีบทำทำทำ แต่เราขาดความประณีตในแต่ละขั้นตอนสุดท้ายเราก็จะไม่ได้อะไร แต่ถ้าเราใจเย็นวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนค่อยๆทำให้สำเร็จทีละขั้น สุดท้ายเราก็จะประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ หากเราทุนน้อยเราก็ควรที่จะทำทีละน้อยให้สำเร็จไปทีละขั้นแล้วค่อยเอาทุนนั้นมาต่อยอดทำเวเวลใหญ่ๆขึ้นไปอีก แบบนี้โอกาสจะสำเร็จก็จะมีมากกว่าถึงแม้เราทำพลาดก็จะเจ็บตัวน้อยกว่าการลงทุนแบบตูมเดียว บางทีการทำอะไรแบบใจเย็นเป็นขั้นเป็นตอนก็จะมีข้อดีอีกอย่างก็คือเราได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดในระหว่างทางไปด้วยทำให้เราสามารถแก้ไขได้ทันแต่ถ้าเราทำแบบตูมเดียวเอาให้ใหญ่ไปเลยพอเราเจอปัญหาเราก็จะเจอปัญหาที่ใหญ่จนเราแทบจะแก้ไขอะไรไม่ได้เลยโอกาสล้มเหลวก็จะสูง และการคอยเติมลมด้วยการพัดหรือการเป่าไฟนั้นก็เหมือนกับการที่เราต้องศึกษาหาความรู้ในส่วนที่เราคิดว่าจำเป็นต้องเอามาใช้ในอาชีพหรือการงานของเราอยู่เสมอ หากเราคิดว่าเราขาดความรู้หรือประสบการณ์ในเรื่องใดเราก็ควรศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าชีวิตมันก็เหมือนการก่อไฟเราต้องใจเย็นรู้จักขั้นตอนค่อยๆทำไปทีละขั้นสุดท้ายเราก็จะได้กองไฟที่ให้ไออุ่นให้ควันไล่ยุงได้ตามที่เราต้องการ ครับวันนี้ก็ขอมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในวัย 40อัพ กับทุกท่านเพียงแค่นี้ก่อนครับ ผมไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพนะครับเป็นเพียงแค่คนเล่าเรื่องเพราะฉะนั้นภาษาหรือวิธีการเขียนของผมอาจจะไม่ถูกต้องตามหลักการก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ
โฆษณา