23 ต.ค. 2020 เวลา 03:30 • การตลาด
เรียนรู้การตลาด ผ่านซีรีส์ Emily in Paris
ซีรีส์ที่กำลังเป็นกระแสในตอนนี้ หนึ่งในนั้นน่าจะมี Emily in Paris
ซึ่งหลังจากออกอากาศผ่าน Netflix ได้ไม่นาน ก็ได้รับความสนใจในหลายมุม
ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่ถ่ายทำ เครื่องแต่งกายของนักแสดง
ความสดใสของนางเอก และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือ ความฮอตของพระเอกในเรื่อง
อย่างไรก็ตาม นอกจากเรื่องเหล่านี้
จริงๆ แล้ว Emily in Paris ก็ยังเป็นซีรีส์ที่สอดแทรกแนวคิดการตลาดด้วย
แล้วเราสามารถเรียนรู้อะไรจากซีรีส์เรื่องนี้บ้าง?
ลงทุนเกิร์ลจะสรุปให้ฟังค่ะ
สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดู ขอเตือนก่อนนะคะ ว่าบทความนี้อาจมีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน
ซีรีส์นี้เป็นเรื่องราวของเอมิลี่ คูเปอร์ หญิงสาวชาวอเมริกัน
ที่ต้องไปใช้ชีวิตในต่างเมืองอย่างปารีสตามลำพัง
โดยสิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้ต้องการจะสื่ออย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือ “ความต่างทางวัฒนธรรม”
และสิ่งนี้ ก็กลายเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ของนางเอก
สำหรับการใช้ชีวิตและการทำงาน ในเมืองที่เธอไม่คุ้นเคยแห่งนี้
1
เนื่องจากเอมิลี่ เรียนจบด้านการตลาด และทำงานเกี่ยวกับการตลาด
เรื่องนี้จึงมีการสอดแทรกแนวคิดการนำเสนอสินค้า
และการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ อยู่เกือบตลอดทั้งเรื่อง
เริ่มตั้งแต่วันที่เอมิลี่มาถึงปารีส เธอก็ได้สร้างบัญชีอินสตาแกรม Emily in Paris
ถ่ายทอดชีวิตประจำวันในปารีสของเธอ ด้วยมุมมอง และคำบรรยายที่กระชับแต่โดนใจ
ทำให้จากที่มีผู้ติดตามไม่ถึงร้อยคน ก็กลายเป็นมีผู้ติดตามหลักหมื่น ภายในเวลาไม่นาน
เรื่องนี้จึงทำให้เธอ ถูกเชิญไปงานเปิดตัวสินค้าของแบรนด์เครื่องสำอาง Duree Cosmetic
และกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์จำเป็น ที่ต้องโพสต์นำเสนอสินค้าให้กับแบรนด์
1
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายจริงๆ ของเอมิลี่ ก็คือ การเข้าพบผู้บริหารแบรนด์ Duree
ซึ่งเธอต้องโพสต์งาน เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริหารคนนั้น
1
และเธอก็สามารถทำสำเร็จ ที่สำคัญยังได้รับคำชมจากผู้บริหาร
ว่ามีความคิดสร้างสรรค์ และเข้าใจสินค้า
จนได้รับการทาบทามให้เป็น Brand Ambassador เลยทีเดียว
1
ทีนี้เราลองมาดูว่า เอมิลี่ ทำได้อย่างไร
สินค้าที่ต้องนำเสนอก็คือ “ลิปสติก”
โดยเธอได้เลือกทำคอนเทนต์ออกมาเป็นคลิปวิดีโอ
สาธิตการทานเบอร์รีจาก Backdrop ในงาน
เพื่อแสดงให้เห็นจุดขายของสินค้า ว่าเป็นลิปสติก ที่ติดทนไม่มีหลุด
กลายเป็นคอนเทนต์ที่โดดเด่นออกมาจากคนอื่น จนสะดุดตาผู้บริหาร
เพราะความสดใส เป็นตัวเองของเอมิลี่
จากเรื่องนี้ทำให้เราสามารถสรุป
หัวใจของการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่ดี ตามสไตล์เอมิลี่ได้ ดังนี้
1) ความเป็นตัวของตัวเอง
2) เนื้อหาสั้น กระชับ น่าสนใจ
3) เนื้อหาแตกต่างจากคนอื่น
4) รู้ลึก รู้จริงเกี่ยวกับสินค้าที่เราจะนำเสนอ
8
ต่อมา เอมิลี่ก็มีโอกาส มาช่วยทำการตลาดให้กับฟาร์มองุ่น ที่นำมาผลิตแชมเปญ
โจทย์ที่เธอได้ก็คือ การเพิ่มยอดขาย และนำเศษองุ่นที่ไม่ผ่านการคัดมาใช้ประโยชน์
เอมิลี่จึงนำเศษองุ่นเหล่านั้น มาทำเป็นแชมเปญ
สำหรับเขย่าและเปิดให้มีฟองฟู่ขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงรสชาติ
เรื่องนี้ทำให้ฟาร์มสามารถเพิ่มยอดขายได้เป็น 2 เท่า
เพราะคนต้องซื้อขวดสำหรับเปิดฉลอง เพื่อความสนุกสนาน
และอีกขวดสำหรับดื่ม ซึ่งใช้องุ่นคุณภาพดี ให้รสชาติที่ดีกว่า
ที่สำคัญยังได้ใช้ประโยชน์ จากของเหลือทิ้งด้วย
ไอเดียนี้ เอมิลี่ได้มาจากเพื่อนของเธอนั่นเอง
ที่มักจะชอบฉลองด้วยการเปิดขวดแชมเปญในลักษณะนี้
เรียกได้ว่าแคมเปญตลาด สามารถหาได้จากสิ่งรอบตัว
เพียงแค่เราต้องสังเกต และหยิบมันมาสร้างสรรค์ให้ได้เท่านั้นเอง
นอกจากความสามารถด้านการตลาดของเธอแล้ว
มุมมองการตลาดของเอมิลี่ ก็ยังน่าสนใจไม่แพ้กัน
โดยปกติแล้วเจ้าของแบรนด์ดังในฝรั่งเศส มักจะดูถูกกลุ่มคนที่ชอบ “ตามกระแส”
ซึ่งตัวเอมิลี่เอง ก็โดนดูถูกในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน
เพียงเพราะเธอใช้พวงกุญแจห้อยกระเป๋าที่หาซื้อได้ตามท้องตลาด
เอมิลี่ จึงตอบกลับไปว่า
“ฉันยอมรับว่าฉันตามกระแส แต่ความจริงก็คือ คุณขาดเราไม่ได้
เพราะ ถ้าไม่มีพวกตามกระแสอย่างเรา ก็จะไม่มีผู้นำแฟชั่นอย่างพวกคุณในปัจจุบัน”
1
ซึ่งก็คือเรื่องจริง เพราะถ้าเราต้องการเพิ่มยอดขาย
ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า คนเหล่านี้คือกลุ่มเป้าหมาย
และเจ้าของแบรนด์ต้องเห็นความสำคัญกับกระแสเช่นกัน
2
สุดท้าย สำหรับใครที่จะไปทำงาน หรือต้องทำธุรกิจกับชาวฝรั่งเศส ยิ่งควรดูซีรีส์เรื่องนี้อย่างยิ่ง
เพราะมีการนำเสนอวัฒนธรรมเฉพาะของฝรั่งเศส ที่ประเทศอื่นอาจไม่คุ้นเคย
เริ่มจากอย่างแรก การที่จะเข้าหาใคร ก็ควรจะเรียนรู้ภาษาของเขาเสียก่อน
ไม่ใช่คิดว่าทุกคนจะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้
อย่างน้อย หากเราสามารถสื่อสารภาษาฝรั่งเศสได้ ก็ย่อมสร้างความประทับใจแรกได้เช่นกัน
สำหรับการมีปฏิสัมพันธ์กับชาวฝรั่งเศส
การไม่กล่าวทักทาย “บงชูร์” (คำสวัสดีในภาษาฝรั่งเศส)
ถือเป็นพฤติกรรมไร้มารยาทและดูหมิ่นอย่างมาก
1
คนฝรั่งเศสโดยทั่วไป ยังมักจะเป็นคนแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาทันที
คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น ไม่อ้อมค้อม
ดังนั้นถ้าทำงานกับคนฝรั่งเศส จะต้องกล้าแสดงความคิดเห็น
กล้าพูด กล้าวิจารณ์ ถึงแม้จะในด้านลบก็ตาม
ในด้านวัฒธรรมการทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะตรงข้ามกับชาวอเมริกัน
อย่างมุมมองการทำงานของเอมิลี่ จะเป็นคนที่สนุกกับการทำงาน และชื่นชอบความสำเร็จ
1
ส่วนเพื่อนร่วมงานชาวฝรั่งเศสของเธอ
จะทำงานเพื่อมาใช้ชีวิต ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่เพื่อการทำงาน
4
ดังนั้นชาวฝรั่งเศสมักจะเริ่มงานค่อนข้างสาย
และเวลางานเลี้ยง มักจะไม่มีการเอ่ยถึงเรื่องงาน
ถ้าใครเผลอหลุดออกไป ก็อาจดูเป็นการเสียมารยาทได้ค่ะ
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงบางส่วนจากเรื่อง Emily in Paris เท่านั้น
ถ้าใครอยากดูเต็มๆ ติดตามได้ใน Netflix เลยค่ะ
กระซิบว่า ดูวันเดียวก็จบ เพราะซีรีส์นี้มีทั้งหมด 10 ตอน
และยาวแต่ละตอนก็ประมาณ 20 กว่านาทีเท่านั้น
รับรองว่านอกจากจะได้ความสนุกแล้ว ยังมีข้อคิดแฝงไว้อยู่มากมายเลย
ใครดูแล้ว และอยากแชร์อะไรเพิ่มเติม ก็สามารถแลกเปลี่ยนความคิดกันได้นะคะ
โฆษณา